จากเกมที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เพราะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำหายห่วงในครึ่งแรก 3-0 แต่กลับต้องมาเหนื่อยในช่วงท้ายเกม เนื่องจากเจ้าถิ่นมาได้สองประตู เป็นตัวจุดประกายความหวังให้กับบรรดาสาวก เดอะ ฮอร์เน็ตส์ (และกองแช่ง) มีลุ้นตีเสมอ

กระนั้น เจสซี่ ลินการ์ด มาโชว์ ทีเด็ดลากเลื้อยจากแดนตนเองพาบอลโต้กลับมาก่อนจะแหวกผู้เล่น วัตฟอร์ด 4 รายแล้วสับไกหักข้อผ่านมือ เอลเรโญ่ โกเมส เข้าไป 

นั่นคือประตูย้ำชัยให้ ปิศาจแดง เอาชนะไปได้ 4-2 ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเกมที่มันเกมหนึ่งของ ผีแดง ในฤดูกาลนี้ ... 

โชเซ่ มูรินโญ่ จัดทัพขัดใจแฟนบอลบางส่วน (ที่บ่นระงมในโลกโซเชียล) ด้วยการเน้นแผนรัดกุมกับปราการหลัง 3 รายทั้ง วิคตอร์ ลินเดเลิฟ, ไมค์ เอ๊ย คริส สมอลลิ่ง และ มาร์กอส โรโฮ 

แถมแนวรุกยังจะวาง ลินการ์ด ลงสนาม ซึ่งแน่นอนว่ามีแฟนบอลบางรายที่ว่าบ่นประมาณ "มึงจะส่งมันลงหา (หอก) อะไร (ฟระ)"

ที่เหลือเป็นแกนหลักแทบทั้งสิ้น ดาบิด เด เคอา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, แอชลี่ย์ ยัง รวมไปถึงสองแดนกลางตัวเก่งอย่าง ปอล ป็อกบา และ เนมานย่า มาติช

ส่วนแนวรุกแน่นอน โรเมลู ลูกากู ยังปักหลักค้ำแดนหน้า โดยเกมนี้ได้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ลงเล่นเป็นพาร์ทเนอร์ โดยมี ลินการ์ด เป็นตัวทำเกม หรือเรียกเป็นภาษาประกิตคือ "เพลย์เมกเกอร์"

เหตุที่ มูรินโญ่ ต้องทำเช่นนั้นเพราะเขาทราบดีว่าการออกไปเยือน วิคาเรจ โร้ด ไม่ง่าย เจ้าถิ่นทำผลงานได้ดี และที่สำคัญคือ กุนซืออย่าง มาร์โก ซิลวา เคยทำให้ 'จ่ามู' น้ำตาตกมาแล้วสมัยที่คุม ฮัลล์ ซิตี้

กุนซือใหญ่ผีแดง เน้นความรัดกุมเป็นหลักอาศัยความแน่นอนในการเล่น รอจังหวะเล่นงานซึ่งเราจะเห็นได้ว่าช่วง 15 นาทีแรก 'แตนอาละวาด' ทำได้ดีกว่าชัดเจนด้วยการเน้นเดินเกมรุกเข้าใส่ทีมเยือนชนิดที่ไม่เกรงกลัวศักดินา และมีโอกาสหลายครั้ง แต่ที่ต้องชมเป็นพิเศษคือแนวรับ 3 รายของ ปิศาจแดง ทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะ ลินเดเลิฟ ที่ยังคงแสดงความมั่นใจและผลงานยอดเยี่ยมออกมาให้เห็น โดยเกมล่าสุดจัดการประกบ ริชาร์ลิซอน แนวรุกตัวเก่งของ เดอะ ฮอร์เน็ตส์ ชนิดที่หายไปจากเกมและแทบไม่มีโอกาสจะแจ้งสร้างความอันตรายเหมือนนัดก่อนๆเลย

มูรินโญ่ ดูจะพอใจกับ ลินเดเลิฟ และมอบหมายงานหลักนี้ให้กับ 'ไอซ์แมน' ในการจัดการตัวรุกที่ดีที่สุดของเจ้าถิ่น รวมไปถึง สมอลลิ่ง ที่ก้าวมาเป็นหัวใจในแนวรับให้กับทีม ในการคอยซ้อนและดักจังหวะสองทำให้ครึ่งแรกผลงานของ ผีแดง ออกมาอย่างเยี่ยม

ไม่ต่างไปจาก โรโฮ (หากไม่นับลูเสียจุดโทษ) เพราะกองหลังชาวอาร์เจนไตน์ ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน

แผนการต่างๆ เป็นไปตามที่ มูรินโญ่ วางเอาไว้ เขาคงกำชับลูกทีมมาแล้วว่าเน้นความปลอดภัยและอาศัยเกมสวนกลับจาก มาร์กซิยาล และ ลินการ์ด ที่จะใช้ความเร็วเล่นงาน หรือบางจังหวะที่มี ป็อกบา อาศัยสปีดทะลุแดนกลางขึ้นมา

หลักฐานชัดเจนคือประตูที่ 2 นั่นไง กองกลางเฟร้นช์แมนลากมาตั้งแต่แดนตนเองก่อนจะถูก อับดูลาย ดูกูเร่ สอยล้มลงไป 

อ.ยัง ที่เมื่อวานโดดเด่นมาก (หากไม่นับรวม 2 ประตูที่เกิดขึ้น ยังก็ถือว่าโดเด่นอยู่ดี) ปั่นโค้งลูกนั้นส่งบอลเสียบตาข่ายชนิดที่ กุนซืออย่าง มูรินโญ่ ยังอึ้งกิมกี่

นั่นคือสิ่ง มูรินโญ่ ต้องการ ไม่ต่างไปจากประตูแรก ที่เกิดขึ้นในจังหวะเข้าทำเร็ว และจบสกอร์อันเฉียบขาดของ อ.ยัง

แม้จะครองเกมน้อยกว่า โดนกดดันหนักในครึ่งแรก แต่ด้วยแทคติกของกุนซือ บวกกับสมาธิในเกมของนักเตะ ปิศาจแดง ดูจะไม่มีอาการกังวล หรือลนลานออกมาให้เห็น กลับกัน พวกเขาต่างรอ รอ และ รอ ในการเล่นงานพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่ง

ก่อนจะมาได้ 2 ประตู ในเวลา 5 นาที และตามมาด้วยความผิดพลาดในแนวรับของ 'แตนอาละวาด' ซึ่ง มาร์กซิยาล ก็ปิดบัญชีไม่พลาด

ทุกอย่างเหมือนจะดี 3-0 ในเวลาแค่ 32 นาที ทั้งที่รูปเกมไม่ได้ดีกว่าเจ้าถิ่นเลย แถมสกอร์ที่เกิดขึ้นนั้นก็มาจากการยิงตรงกรอบ 3 ครั้ง

แต่ครึ่งหลัง จากจุดโทษของ ทรอย ดีนี่ย์ ทำให้เจ้าถิ่นตื่นขึ้น ตามมาด้วย ดูกูเร่ จิ้มลูกนั้นเข้าไป ทำให้ วัตฟอร์ด มีหวังขึ้นมา

"ผมคิดว่าในครึ่งแรกเราควรจะทำสกอร์ได้มากกว่า 3-0 ใช่ สกอร์ดังกล่าวทำให้เราครองเกมได้ และดีพอที่จะปิดเกม แต่เรากลับเสียสมาธิ และมอบโอกาสให้กับพวกเขา"

อย่างที่ มูรินโญ่ ว่าไปข้างต้นนั่นแหละ สกอร์ห่าง 3-0 รูปเกมพลิกผันเป็น ยูไนเต็ด ที่ครองบอลได้ดีกว่านับตั้งแต่ที่ มาร์กซิยาล ยิงเข้าไป และไล่มาถึงต้นครึ่งหลังลากไปช่วงกลาง 

ปิศาจแดง มีโอกาสมากมายที่จะได้เม็ดที่ 4-5-6 แต่กลับไร้ความเด็ดขาดและสัญชาติญาณของนักฆ่าที่จะปิดเกม

ยิ่งเจ้าถิ่นไม่มีอะไรจะเสียพวกเขาไม่สนใจหรอกว่าจะโดนประตูที่ 4 หรือไม่ เพราะเป้าหมายหลักของ มาร์โก ซิลวา และลูกทีมคือการได้มาซึ่งประตูความหวังและมันก็เกิดขึ้นจากจุดโทษ

หลังจาก 1-3 'แตนอาละวาด' ยิ่งมั่นใจ พวกเขาดาหน้าบุกต่อเนื่องและมาได้เมดที่ 2 ซึ่งจุดนี้ มูรินโญ่ อดที่จะติงลูกทีมไม่ได้

เพราะอะไรน่ะเหรอ? นั่นเพราะหากเป็นทีมอื่นที่ไม่ใช่ วัตฟอร์ด (โดยเฉพาะทีมหัวตาราง) แล้วล่ะก็ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจะไม่กำชัยเหมือนนัดล่าสุด นั่นแสดงให้เห็นว่า สมาธิที่ทำได้ดีมาตลอดก่อนจะเสียประตูแรก นั่นยังต้องการมีการปรับจูนและทำความเข้าใจเสียใหม่

เหตุผลหลักๆเลยคือ ทุกวันนี้บรรดาทีมในพรีเมียร์ลีกต่างยกระดับและคุณภาพขึ้นมา ทีมใหญ่ล้วนแล้วแต่เขี้ยวลากดิน ทีมระดับกลางไปจนถึงระดับกลางก็เล่นด้วยยาก 'ทุกเกมใน พรีเมียร์ลีก ไม่เคยง่าย' และเกมล่าสุดก็คงเน้นย้ำคำนี้ได้ดี แม้ว่าทีมจะนำไปถึง 3-0 ก็ตาม

นั่นคือเรื่องที่ยังต้องปรับปรุงแก้ไข และเป็นเรื่องด้านลบที่เกิดขึ้นในนัดล่าสุด (รวมไปถึงอาการบาดเจ็บของ มาติช)

แต่ที่เหลือถือเป็นสัญญาณที่ดี

ลินเดเลิฟ ทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง ความมั่นเพิ่มมากขึ้น และคงมีส่วนทำให้ 'ไอซ์แมน' ค่อยๆกลายมาเป็นแกนหลักของทีม

โรโฮ กลับมาพร้อมเป็นตัวเลือกที่ดีและสามารถทำให้ มูรินโญ่ พอใจกับทางเลือกในแนวรับ

สมอลลิ่ง กลายมาป็นแกนหลักในแนวรับ จังหวะอ่านเกม ตัดบอล และเก็บกวาดถือว่าทำได้ดี

อ.ยัง กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มและมั่นใจสุดๆ 

ป็อกบา ยังคงแสดงให้เห็นถึงคลาส และความสำคัญยามที่มีเขาลงสนาม

ลินการ์ด อาจจะยังโดนแฟนผีแดงค่อนขอดและดูหมิ่น แต่บางครั้งเด็กรายนี้กลับโชว์ของในเกมที่ต้องการใครสักคนเป็นตัวตัดสิน (เฉกเช่นประตูที่ 4 ของเกมนัดที่ผ่านมา)

มาร์กซิยาล แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ สิ่งที่เขาทำงานหนักมาอย่างต่อเนื่อง ได้แสดงผลให้เห็นในช่วงที่ผ่านมา

ส่วน 'เดอะ รอม' ลูกากู แม้จะโดนจะแซวหนักว่าเป็นสากกะเบือ แต่สำหรับการมีส่วนร่วมกับเกมแล้ว 'จารย์กู้' ยังทำได้ดีในจุดนั้น

นั่นคือส่วนที่ดีที่เกิดขึ้น 

สำหรับด้านลบที่กล่าวไปนั้น หากมองในมุมกลับกันถือเป็นเรื่องที่จะไปสะกิดให้นักเตะ ปิศาจแดง พึงระวังมากขึ้นในเกมต่อๆไป โดยเฉพาะเกมลีกอีกสองนัดที่จะเจอกับทั้ง อาร์เซน่อล และ แมนฯ ซิตี้

เพราะสองเกมในลีกต่อจากนี้ หากพลาดเพียงเล็กน้อยอาจจะน้ำตาตก ... ก็เป็นไปได้