:::     :::

ทีมดาวรุ่งแห่งพรีเมียร์ลีก

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2563 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
10,611
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในช่วงที่พรีเมียร์ลีกหยุดพักแบบยังไม่รู้กำหนดคืนสนาม หลายคนคิดถึงเกมฟุตบอลใจจะขาด แต่ก็มีอีกหลายคนที่เกือบลืมไปแล้วว่าซีซั่นนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

2019-20 เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่พรีเมียร์ลีกมีดาวรุ่งแจ้งเกิดขึ้นมาหลายคน ไม่ต่างอะไรกับทุกซีซั่น และนี่คือโฉมหน้าของทีมดาวรุ่ง (อายุไม่เกิน 21 ปีก่อนเริ่มต้นฤดูกาล) ที่ฉายแววโดดเด่นในปีแรก ไม่เพียงแค่โชว์ฟอร์มเตะตาใครๆ แล้ว แต่ยังต้องได้รับโอกาสลงสนามอย่างสม่ำเสมอด้วย

ผู้รักษาประตู - อารอน แรมส์เดล
บอร์นมัธ เซ็นเด็กหนุ่ม แรมส์เดล มาจาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ยังอยู่ในลีกวันตอนเดือนมกราคมปี 2017 ด้วยค่าตัวเบาๆ 800,000 ปอนด์ แล้วส่งไปชุบตัวสองปีกับ เชสเตอร์ฟิลด์ ในลีกทู และ วิมเบิลดัน ในลีกวัน
แม้ยังไม่เคยผ่านประสบการณ์กระทั่งแชมเปี้ยนชิพ แต่ เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือที่เปลี่ยนผู้รักษาประตูถึงสามคนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก็กล้าเสี่ยงที่จะผลักดัน แรมส์เดล เป็นมือหนึ่งคนใหม่ แทนที่ อาร์ตูร์ โบรุก มือเก๋าวัย 40 ที่กำลังจะอำลาทีมหลังจบซีซั่นนี้
จาก 29 เกมพรีเมียร์ลีกที่เตะไปแล้ว เป็นหน้าที่ของ แรมส์เดล ลงเฝ้าเสาถึง 28 เกม มากที่สุดในบรรดานักเตะทั้งทีมที่ได้ลงเล่น และด้วยแนวรับที่อ่อนยวบ งานของประตูวัย 21 ปีจึงชุกเป็นธรรมดา ออกแรงเซฟไปแล้วถึง 102 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับสามในซีซั่นนี้รองจาก มาร์ติน ดูบราฟก้า ของ นิวคาสเซิ่ล กับ แบร์นด์ เลโน่ ของ อาร์เซน่อล
แต่ถ้านับเฉพาะปี 2020 แรมส์เดล คือเบอร์หนึ่ง 36 เซฟ
แบ็กขวา - รีซ เจมส์
สองปีก่อน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แจ้งเกิดตำแหน่งแบ็กขวา ปีที่แล้วเป็นคิวของ อารอน วาน-บิสซาก้า และซีซั่นนี้ถึงคราวของ เจมส์ เด็กปั้นของ เชลซี ที่่ส่งตัวไปชุบที่ วีแกน แอธเลติก ในแชมเปี้ยนชิพ
ด้วยความที่ได้ร่วมงานกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จึงถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของแบ็กขวาวัย 20 ปี แม้ออกสตาร์ตซีซั่นช้ากว่าคนอื่นๆ เพราะอาการบาดเจ็บที่ติดตัวอยู่ แต่พอฟิตสมบูรณ์แล้ว ก็ติดเครื่องลงสนามรวมทุกรายการไปแล้วถึง 26 เกม และมีสองประตูให้เห็นในเกม คาราบาว คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นนักเตะอายุน้อยสุดของสโมสร 19 ปี 332 วันที่ทำประตูในเกมยูซีแอล
ถึงตอนนี้ เจมส์ ที่เล่นได้ทั้งแบ็กขวา, เซนเตอร์แบ็ก และกองกลาง ลงเล่นไปแล้ว 17 เกมในพรีเมียร์ลีก และเป็นการลงตัวจริง 11 เกม แม้ทับลายแบ็กขวากับกัปตันทีม เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า แต่หลายเกม แลมพาร์ด ก็ต้องขยับ 'อัซปิ' ไปยืนแบ็กซ้าย
เซนเตอร์แบ็ก - จาเฟด ทากานก้า
แฟนๆ สเปอร์ส คงได้เห็นกองหลังเด็กปั้นคนนี้ไปบ้างแล้วในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่นในยุค เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แต่ยังไม่เคยเห็นผลงานในเกมอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งการเข้ามาของ โชเซ่ มูรินโญ่
ชื่อของ ทานกานก้า สร้างเซอร์ไพรส์ในทีมของ มูรินโญ่ เพราะเป็นการประเดิมสนามของเด็กหนุ่มเชื้อสายคองโกในเกมใหญ่เจอกับ ลิเวอร์พูล เมื่อเดือนมกราคม ซึ่งเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ แม้สุดท้ายแล้วผลการแข่งขันจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปก็ตาม
นับตั้งแต่นั้นมา มูรินโญ่ ก็เรียกใช้บริการ ทานกานก้า มั่วไปหมด ทั้งเซนเตอร์แบ็ก, แบ็กขวา, แบ็กซ้าย รวมถึงวิงแบ็กด้วย พลาดเกมพรีเมียร์ลีกไปเพียงสองนัดเท่านั้น นับตั้งแต่เกมกับ หงส์แดง
เซนเตอร์แบ็ก - ฟิคาโย่ โทโมรี่
โทโมรี่ ถูกมองว่าจะกลับมามีอนาคตในทีม เชลซี อย่างแน่นอน ทันทีที่ทราบว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด คือหัวหน้าโค้ชคนใหม่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพราะทั้งคู่เพิ่งร่วมงานกันมาที่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในแชมเปี้ยนชิพ
เซนเตอร์แบ็กเด็กปั้นของ เชลซี ที่ถูก แลมพาร์ด ยืมตัวไปเล่นกับ ดาร์บี้ ซีซั่นที่แล้ว โชว์ฟอร์มไม่ธรรมดา กลายเป็นตัวหลักและขุนพลคู่ใจ ที่สำคัญคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ เดอะ แรมส์ ประจำซีซั่น 2018-19 ด้วย
เหตุผลดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้ แลมพาร์ด หาตำแหน่งให้ โทโมรี่ ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ไม่ยาก แม้มีตัวเลือกอย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์, คูร์ต ซูม่า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น ที่ท้าชิงตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กอยู่ด้วยก็ตาม
จนถึงตอนนี้ กองหลังเชื้อสายไนจีเรีย ลงเล่นไปแล้ว 22 เกมรวมทุกรายการ มากกว่า รือดิเกอร์ กับ คริสเตนเซ่น แต่เป็นรอง ซูม่า เพียงคนเดียว
แบ็กซ้าย - บูคาโย่ ซาก้า
ภาพแรกที่ได้เห็นเจ้าหนู ซาก้า ในทีมชุดใหญ่ อาร์เซน่อล คือการกระชากลากเลื้อยตำแหน่งปีก แต่พอผ่านไปได้สักพัก เซอัด โคลาซินัก กับ คีแรน เทียร์นี่ย์ พร้อมใจกันบาดเจ็บ แบ็กซ้ายจึงกลายเป็นตำแหน่งถาวร ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับดาวเตะเท้าซ้ายผ่านตลอด ที่เล่นได้ทุกจุดที่เป็นริมเส้นฝั่งซ้าย
แรกเริ่ม มีการเปรียบ ซาก้า ว่าจะเป็น แอชลี่ย์ โคล คนใหม่ แต่เล่นไปเล่นมา มีทีท่าว่าเจ้าหนูรายนี้จะไปได้ไกลกว่านั้น เพราะจุดเด่นอยู่ที่เกมรุกริมเส้น และการแอสซิสต์ที่ทำไปแล้วถึง 10 ประตู กลายเป็นผู้นำในทีม เดอะ กันเนอร์ส เวลานี้ แยกเป็นพรีเมียร์ลีก 3 ประตู, เอฟเอคัพ กับ คาราบาวคัพ อย่างละ 1 ประตู และ ยูโรปาลีก ถึง 5 ประตู
ถึงตอนนี้ ดาวรุ่งสายเลือดไนจีเรียวัย 18 ปี กลายเป็นทั้งปัจจุบันและอนาคตในทีมของ มิเกล อาร์เตต้า แน่นอนแล้ว และถือเป็นเพชรเม็ดงามที่ อังกฤษ พร้อมเรียกตัวสู่ทีมชาติชุดใหญ่ในไม่ช้า หลังรับใช้มาแล้วตั้งแต่ชุดยู-16, ยู-17, ยู-18 และยู-19
ปีกขวา - อิสไมล่า ซาร์
วัตฟอร์ด ลงทุนจ่ายหนัก 25 ล้านปอนด์เป็นสถิติสโมสรเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว ด้วยความหวังที่จะเห็นฟอร์มสุดยอดจากปีกทีมชาติเซเนกัล แบบเดียวกับที่ฉายแววโดดเด่นในลีกเอิงกับ แรนส์
แต่ช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ดูเหมือนอะไรๆ จะยังไม่เข้าที่เข้าทางสำหรับ ซาร์ ที่ปรับตัวได้ช้า และมีเพียงประตูเดียวในพรีเมียร์ลีก ก่อนก้าวเข้ามาของ ไนเจล เพียร์สัน เพื่อกอบกู้สโมสรให้รอดตกชั้น
ซาร์ ยิงหนึ่งประตูในชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนธันวาคม แต่ก็ยังไม่เท่ากับการทำสองประตูบวกกับหนึ่งแอสซิสต์ในเกมถล่ม ลิเวอร์พูล 3-0 เป็นการยัดเยียดความปราชัยเกมแรกให้ หงส์แดง ซีซั่นนี้ด้วย เพิ่มจำนวนประตูเป็น 5 ลูกกับ 3 แอสซิสต์จาก 19 เกม และจะเป็นทีเด็ดของทีมในการลุ้นอยู่รอด
กองกลาง - แม็ตตี้ ลองสต๊าฟฟ์
น้องชายของ ชอน ลองสต๊าฟฟ์ ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ นิวคาสเซิ่ล ในฤดูกาลนี้ หลังจากประเดิมในเกมคาราบาวคัพ สตีฟ บรูซ ก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการจับ 'แม็ตตี้' ประเดิมเกมพรีเมียร์ลีกในฐานะตัวจริงเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
และเหมือนคนเขียนบทแต่งเอาไว้ให้ 'แม็ตตี้' กลายเป็นฮีโร่ส่องไกลเป็นประตูชัยให้ สาลิกาดง เชือด ปีศาจแดง 1-0 สร้างชื่อ ลองสต๊าฟฟ์ ผู้น้อง ให้แฟนๆ เดอะ แม็กพายส์ ลืมพี่ชายไปในทันที
แม้รับบทฮาร์ดแมนในแดนกลาง แต่ 'แม็ตตี้' มีประตูให้เห็นถึง 3 ลูกแล้วจากการลงเล่น 9 เกมรวมทุกรายการ ติดปัญหาเดียวที่ทำให้ บรูซ ไม่ให้โอกาสมากเท่าที่ควร คงเป็นเพราะการยังไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่นั่นเอง
กองกลาง - เมสัน เมาท์
เคสเดียวกับ ฟิคาโย่ โทโมรี่ เพราะ เมาท์ คือดาวรุ่งของ เชลซี อีกคน ที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เลือกยืมตัวไปเล่นที่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลที่แล้ว และผลงานเข้าตา แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่
เมาท์ รับบทบาทสำคัญ ตัวปั้นเกมรุกหมายเลข 10 ของ สิงโตน้ำเงิน ซีซั่นนี้ แม้เพิ่งสัมผัสเกมพรีเมียร์ลีกเป็นฤดูกาลแรก แต่มิดฟิลด์วัย 21 ปี กล้าเล่นกล้าโชว์ ไม่มีเคอะเขิน จนถึงตอนนี้ ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 29 เกม เป็นการลงตัวจริง 25 เกม และรวมทุกรายการ 41 นัด มากที่สุดในทีมของ แลมพาร์ด
6 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ ถือเป็นผลงานที่น่าพอใจของ เมาท์ ที่สำคัญยังมีประตูแรกในนามทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ เป็นนักเตะอายุน้อยสุด 20 ปี 311 วันที่ยิงได้นับตั้งแต่ที่ จิมมี่ กรีฟส์ ทำเอาไว้ตอน 20 ปีกับ 277 วันเมื่อปี 1960
ปีกซ้าย - ดไวท์ แม็คนีล
หลังจากมีบทบาทพอสมควรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เบิร์นลี่ย์ ก็มอบโอกาสสำคัญของ แม็คนีล เปลี่ยนมาสวมเสื้อหมายเลข 11 และกลายเป็นตัวหลักของทีมตำแหน่งริมเส้นที่ขึ้นทางซ้ายเป็นหลัก
แม็คนีล มีสไตล์การเล่นแบบปีกอังกฤษโบราณ เข้ากับระบบการเล่น 4-4-2 ของกุนซือ ชอน ไดช์ ได้เป็นอย่างดี เพราะต้องการปีกความเร็วสูงที่ครอสบอลหาเป้าหมาย คริส วูด กับ แอชลี่ย์ บาร์นส์ หรือ เจย์ โรดรีเกซ
ถึงตอนนี้ แม็คนีล กลายเป็นหนึ่งในนักเตะ เบิร์นลี่ย์ ที่ลงเล่นตัวจริงเกมพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ครบ 29 เกม ร่วมกับ นิค โพ๊ป ผู้รักษาประตู กับคู่เซนเตอร์แบ็ก เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ และ เบน มี
กองหน้า - ไมเคิ่ล โอบาเฟมี่
เซาธ์แฮมป์ตัน ได้รับข้อมูลจากแมวมองให้ไปดึงตัว โอบาเฟมี่ มาจากทีมเยาวชนของ เลย์ตัน โอเรียนท์ เมื่อปี 2016 เพื่อมาปลุกปั้นต่อในรั้วอาคาเดมี่ของตัวเองที่ขึ้นชื่อลือชาในการปลุกปั้นดาวรุ่งอยู่แล้ว
กองหน้าวัย 19 ปี ที่มีส่วนตัวเพียงแค่ 169 เซนติเมตร มีสายเลือดไนจีเรีย แต่มาเกิดที่ดับลิน และโตที่ลอนดอน ก่อนเลือกเล่นให้ทีมชาติไอร์แลนด์ และประเดิมชุดใหญ่ไปแล้ว กลายเป็นนักเตะเกิดปี 2000 เป็นต้นไปคนแรกที่ลงสนามให้ ยักษ์เขียว ด้วย
ซีซั่นก่อน โอบาเฟมี่ ประเดิมประตูในพรีเมียร์ลีก กลายเป็นเจ้าของสถิติอายุน้อยสุดของสโมสรที่ยิงในพรีเมียร์ลีก 18 ปีกับ 169 วัน และซีซั่นนี้ได้รับโอกาสมากขึ้นจากกุนซือ ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล ลงเล่นไปแล้ว 19 เกม ยิง 3 ประตู หนึ่งในนั้นคือประตูสุดสวยที่ยิง เชลซี ในชัยชนะที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
กองหน้า - เมสัน กรีนวูด
กรีนวูด คือหนึ่งในผลผลิตจากทีมเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคปัจจุบัน และกลายเป็นดาวรุ่งที่แจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่แซงหน้า ทาฮิท ชอง, อังเกล โกเมส ฯลฯ ที่ได้โอกาสก่อน
ศูนย์หน้าวัย 18 ปีที่มีเท้าซ้ายเป็นอาวุธหนัก และเท้าขวาเป็นอาวุธรอง ฝากผลงานอันน่าทึ่งเอาไว้ในฤดูกาลนี้ ด้วยการยิงไปแล้วถึง 12 ประตูรวมทุกรายการ จากการลงตัวจริงเพียง 16 เกมเท่านั้น ที่เหลือเป็นการลงสำรองถึง 20 เกม และในจำนวนนั้นเป็นการยิง 5 ประตูในพรีเมียร์ลีก จากการลงตัวจริงเพียง 4 เกม (สำรอง 18 เกม)
กรีนวูด ที่แฟนๆ ผีแดง เห็นลีลาแล้วชวนให้นึกถึง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จึงกลายเป็นอาวุธสำรองทีเด็ดของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในฤดูกาลนี้ และกลายเป็นดาวรุ่งที่ยิงประตูได้มากที่สุดรวมทุกรายการ ในบรรดาดาวรุ่งทุกคนจาก 20 ทีมพรีเมียร์ลีก

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด