:::     :::

คุยกับ "ปอนด์ P-HOT" : "ช่วงหนึ่งของชีวิตผมเคยทุ่มให้ฟุตบอล"

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
11,782
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วงการเพลงมีการเปลี่ยนแปลงกระแสนิยมไปตามยุคสมัย ถ้าเป็นตอนนี้เทรนด์ฮิตต้องยกให้แนวฮิปฮอปที่มาแรงเป็นอันดับ 1 เป็นยุคที่มีแร็ปเปอร์ชื่อดังแจ้งเกิดมากมาย เปิดวิทยุฟังคราใดแทบทุกเพลงต้องใส่ท่อนไรม์ ต้องมีการร่วมฟีเจอริ่ง คนรุ่นใหม่มากมายที่มีความใฝ่ฝันอยากแจ้งเกิดเป็นศิลปินในแนวดนตรีทางนี้ "ปอนด์" วัชรินทร์ พึ่งสุข หรือ P-HOT แร็ปเปอร์หนุ่มก็เป็นอีกคนที่ทำในสิ่งที่ตัวเองรักจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ออกซิงเกิ้ลมาเมื่อไหร่ยอดวิวก็ทะลุเกินหลักล้านเมื่อนั้น แต่เชื่อเหลือเกินว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่า สมัยวัยรุ่นเขาเคยผ่านประสบการณ์ในเกมลูกหนังมามากมาย มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักเตะอาชีพ รวมถึงติดทีมชาติไทย แต่เพราะเหตุใดจึงเบนเข็มมาสู่วงการเพลงจนประสบความสำเร็จ วันนี้ผมมีบทสนทนาที่ได้คุยกับเขามาฝากกัน

แมน : สวัสดีครับปอนด์ ไม่ได้คุยกันนานเลย สบายดีนะ สถานการณ์ตอนนี้เป็นไงบ้าง งานอีเว้นท์งานคอนเสิร์ตน่าจะถูกแคนเซิ่ลไปหมด

P-HOT : ใช่ครับพี่แมน แย่มากเลยตอนนี้ ตั้งแต่กุมภามาแล้วแหละ โดนยกเลิกทุกงานเลย แล้วที่เซ็งสุดๆ ก็คือผมเพิ่งออกซิงเกิ้ลใหม่ แล้วมีออฟฟิเชียล MV ไปแล้วด้วย (เพลงรำวงในดงชบา) ยอดวิวในแชนแนลตอนนี้ 20 กว่าล้านวิวแล้วพี่ ซึ่งช่วงเนี้ยเป็นช่วงที่ผมจะต้องไปออกทัวร์เพื่อโปรโมทซิงเกิ้ลนี้ แต่พอเจอโควิดเข้าไป ทุกอย่างก็ต้องหยุดหมด มีแค่ในยูทูบที่ยังเคลื่อนไหวได้อยู่


แมน : เมษายนนี่ยิ่งน่าจะกระทบหนักนะ เพราะช่วงสงกรานต์ ปอนด์น่าจะต้องออกทัวร์คอนเสิร์ตรัวๆ แน่

P-HOT : ใช่เลย เสียหายไปหลายล้านเลยพี่ แต่ผมก็หวังอยู่นะว่าถ้าสถานการณ์มันเบาลงน่าจะดีขึ้น เพราะตอนนี้ทุกคนก็เหมือนอั้นอยู่ ถ้ากลับมาเมื่อไหร่งานดนตรีมันน่าจะช่วยให้คนกลับมามีความสุขได้มากขึ้น

แมน : วันนี้ประเด็นจริงๆ พี่อยากคุยกับปอนด์เรื่องฟุตบอล เพราะพี่เพิ่งคุยกับ วัชระ บัวทอง (ผู้รักษาประตูการท่าเรือ เอฟซี) ให้จัดดรีมทีม ชาลเล้นจ์ แล้ว วัชระ ก็ส่งต่อมาให้ปอนด์จัดทีมที่ปอนด์ชื่นชอบหน่อย 

P-HOT : ได้พี่ เอาที่ผมรู้จักแล้วกันนะครับ โค้ชเป็น สะสม พบประเสริฐ  ระบบ 4-3-3 นะครับ ประตู กวินทร์ (ธรรมสัจจานันท์), แบ็กซ้าย ธีราทร (บุญมาทัน), แบ็กขวา สุรีย์ (สุขะ), เซนเตอร์เป็นพี่นที (ทองสุขแก้ว) กับ สุรชัย (จิระศิริโชติ), กองกลางก็เป็น สรรวัชญ์ (เดชมิตร) อยู่ตรงกลาง แล้วก็ ชนาธิป (สรงกระสินธุ์) กับ จักรพันธ์ พรใส เล่นซ้ายขวา กองหน้า 3 คนเอาเป็น เนติพงษ์ (ศรีทองอินทร์), ธีรศิลป์ (แดงดา) แล้วก็ ลีซอ (ธีรเทพ วิโนทัย)

แมน : อยากส่งต่อให้ใครจัดทีมครับ

P-HOT : เอาเป็นพี่อ้น รังสรรค์ (วิวัฒน์ชัยโชค) กับพี่บอล จักรพันธ์ (พรใส) แล้วกันครับ


แมน : โอเคขอบคุณมาก ทีนี้พี่จำได้ว่าแต่ก่อนนานแล้ว ปอนด์เคยเล่าให้พี่ฟังว่าเตะฟุตบอลอยู่ทีมโรงเรียนกีฬาอะไรซักอย่างรุ่นเดียวกับพวก อนาวิน จูจีน, มงคล ทศไกร ใช่ป่าว แล้วปอนด์บอกว่าเลิกเล่นไปซะก่อน เลยอยากจะขอให้ปอนด์เล่าให้ฟังหน่อยว่า แต่ก่อนเล่นฟุตบอลจริงจังขนาดไหน

P-HOT : ได้พี่ จริงๆ ผมเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็กๆ เลย เข้าสนามเตะบอลตั้งแต่ 2 ขวบ เพราะพ่อผมเคยทำทีมฟุตบอลมาก่อน จะซ้อมประจำอยู่ที่กองบิน 56 หาดใหญ่ สมัยนั้นพวกทีมชาติอย่าง พี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน แกก็จะมาซ้อมมาอุ่นเครื่องที่สนามนี้แหละพี่ ผมเคยไปคัดโครงการค้นหายอดศูนย์หน้าของพี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ด้วย ได้ที่ 2 แล้วตอนผมอยู่รร.หาดใหญ่วิทยาลัย ก็เป็นตัวโรงเรียนไปแข่งทั้งฟุตซอลทั้งสนามใหญ่ แต่ส่วนมากจะเน้นฟุตซอลมากกว่า ตอนนั้นก็เริ่มจากได้แชมป์หาดใหญ่ ได้ทั้งดาวซัลโวผมยิงไป 19 ประตู ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ไปแข่งระดับจังหวัดก็เป็นแชมป์ แล้วก็เป็นตัวแทนสงขลาไปแข่งระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ผมก็เคยเล่นโปรวินเชี่ยลลีกให้สงขลาด้วย ตอนนั้นอายุ 15-16 เด็กสุดในทีม เล่นตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ กองหน้าตัวต่ำ ผมยิงประตูได้เยอะเลยครับ ตอนนั้นก็ทุ่มเททุกอย่างให้การเล่นฟุตบอลเลยครับ เพราะเราคิดว่าเราทำได้ดี คนอื่นๆ ทั้งเพื่อนทั้งโค้ชตอนนั้นก็บอกว่าเราน่าจะไปได้ดี

แมน : แล้วที่ไปเรียนโรงเรียนกีฬาอันนี้คือที่สงขลารึเปล่า

P-HOT : ไม่ใช่ครับ คือผมก็ไปคัดเข้าได้ที่ รร.กีฬาอ่างทอง ตอนนั้นก็มี มงคล ทศไกร, อนาวิน จูจีน มี กมล (โพธิ์ทอง) ที่ตอนนี้เป็นกัปตันทีมอ่างทอง ที่ดังๆ ผมเป็นรุ่นน้องพี่ๆ เขาแต่ก็ทันกันอยู่ครับ  


แมน : ก็คือเข้าสู่ระบบการเป็นนักฟุตบอลเพื่อเตรียมเทิร์นโปรเลยล่ะ แล้วจุดหักเหที่หันหลังให้ฟุตบอลคืออะไรครับ

P-HOT : จุดหักเหคือเบื่อครับ เพราะไปคัดเข้าทีมแล้วไม่ติด คือผมเคยไปคัดโรงเรียนจ่าอากาศ รู้สึกว่าคุณพ่อของ มุ้ย ธีรศิลป์ จะเป็นโค้ชอยู่ด้วย ตอนนั้นเหมือนวาสนาของเรามันไม่ไปทางนี้ ก่อนจะไปคัดตัวหนึ่งวันผมดันป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ แล้ววันที่คัดเขาคัดกันตอนเที่ยงอีก ผมป่วยหน้าซีดตัวซีดไม่มีแรง ทำอะไรไม่ได้เลย

แมน : แล้วไม่ลองหาโอกาสครั้งใหม่ที่เดิมหรือที่อื่นดูหลังจากนั้นหรอ

P-HOT : คือตอนวัยรุ่นผมทุ่มเทหนักมากจนร้องไห้หลายๆ ครั้ง ตอนนั้นอินเกินไป เพราะเราเป็นตัวทำเกมใช่มั้ยพี่ ถ้าเกมไหนเราทำไม่ได้ก็จะผิดหวังกับตัวเองมาก แล้วตอนอยู่โรงเรียนกีฬา เป็นโรงเรียนประจำแบบกินนอน เราต้องรับผิดชอบตัวเอง ซักผ้า ล้างจาน ทำทุกอย่างเองหมด เราก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งแวดล้อมที่ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยเจอ ยิ่งพอไปคัดแล้วไม่ติด พอจบจากโรงเรียนกีฬาผมก็เลิกเลย ตอนนั้นผมชื่นชอบเพลงแร็พอยู่แล้ว ก็มาหัดแร็พจริงจัง เตะบอลก็กลายเป็นงานอดิเรกไป

แมน : เอาจริงๆ ความฝันสูงสุดของปอนด์คือเป็นแร็ปเปอร์หรือเป็นนักบอล

P-HOT : นักบอลครับ ผมฝันอยากเตะฟุตบอลอาชีพ อยากให้พ่อแม่ภูมิใจ อยากติดทีมชาติไทย และผมมั่นใจว่าผมทำได้ แต่พอเห็นความจริงจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เจอก็รู้แล้วว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น 


แมน : แล้วงานเพลงนี่คือความฝันรองลงมามั้ย

P-HOT : แร็พคือสิ่งที่ผมชอบและมีความสุขกับมันมากกว่าครับ เราแค่อยากทำในสิ่งที่ชอบ อยากให้คนชอบผลงานของเรา แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงได้ ตอนนี้มันก็เกินที่ฝันไปไกลแล้วพี่ 

แมน : แล้วอย่าง วัชระ บัวทอง คือเรารู้กันอยู่แล้วเนอะว่า วัช เขามี ปอนด์ เป็นไอดอลในการเป็นแร็ปเปอร์ เพราะ วัช เขาก็ชอบดนตรีแนวนี้ (วัชระ บัวทอง ก็มีผลงานเพลงแร็ปออกมามากมายภายใต้ A.K.A ว่า W-HOT) แล้วไปเริ่มรู้่จักกันได้ยังไง

P-HOT : อ๋อผมมารู้จัก วัช (วัชระ บัวทอง) เพราะ อ้น (AK7)พามาที่สตูฯให้รู้จักกัน วัช ก็บอกว่าจำผมได้ตอนนั้นเขาเคยเรียนโรงเรียนกีฬาสงขลา แล้วบังเอิญเขาเป็นเด็กเก็บบอลในเกมที่ผมเล่นโปรวินเชียลลีกให้สงขลาพอดี เขาบอกว่าเขาจำผมได้นะ แล้วเราชอบแนวดนตรีคล้ายๆ กัน ก็เลยสนิทกันมากขึ้นมาเรื่อยๆ 

แมน : ตอนที่พี่กับปอนด์รู้จักกัน ก็คือ อ้น กันตัง พามาเตะบอลด้วยกันที่สนาม R-MA แล้วก็สนามซ้อมเมืองทองเนอะ ปอนด์มาแข่งบอลให้ทีมฮอตสกอร์ เวลาเตะบอลสื่อมวลชนกับพวกพี่บ่อยๆ ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครรู้จักปอนด์เลย (ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว) 


P-HOT : ใช่พี่ ตอนนั้นไม่มีใครรู้จัก หมาเห็นยังไม่เห่าเลยพี่ 555

แมน : แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ไปไหนคนก็รู้จัก P-HOT คิดว่าการเบนเข็มจากฟุตบอลมาเป็นแร็ปเปอร์คือสิ่งที่เราตัดสินใจถูกแล้วมั้ย

P-HOT : ผมบอกอย่างนี้ดีกว่าพี่แมน ตอนเล่นฟุตบอลผมทุ่มเท มันคือทั้งหมดของชีวิต อย่างที่บอกว่าผมอยากให้พ่อแม่ภูมิใจ อยากมีรายได้ของตัวเองไม่ต้องไปรบกวนพ่อแม่ ผมเคยตั้งใจว่าจะเตะฟุตบอลเพื่อให้ได้ทุนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (ผู้เขียนขอไม่เปิดเผย) แต่เชื่อมั้ยพี่ ผมเรียน 8 ปีไม่จบ เพราะผมเรียนบ้างดร็อปบ้างเพื่อออกมาทำเพลง หลังๆ ผมไม่ได้ไปเรียนแล้ว ตอนนั้นผมยังไม่มีชื่อเสียงไม่มีใครสนใจเลย แต่พอผมเริ่มมีชื่อเสียง มหาวิทยาลัยนี้แหละ โทรมาหาผมบอกให้ผมกลับไปเรียน จะให้ทุนผม จะให้ผมรับปริญญาที่นี่ ขอแค่ผมไปสอบก็พอ 

แมน : ก็คือถ้าเราไม่โด่งดัง เราคงไม่มีโอกาสได้กลับไปเรียนต่อที่นี่แล้วถูกมั้ย เออแปลกดีเนอะ ตอนเรายังไม่ค่อยมีเงิน ไม่มีชื่อเสียง ไม่สน แต่พอเรามีเงิน มีชื่อเสียง ดันจะให้ทุนเรา บ้านเราก็เป็นอย่างนี้อะปอนด์ ไม่นิยมช่วยอุ้มชูผลักดันคนระหว่างทาง แต่ชอบไปเชิดชูคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว เพื่อให้มาเป็นชื่อเสียงแก่สถาบันของตนเอง แล้วอย่างนี้ยังมีเวลาไปเตะบอลบ้างมั้ยเนี่ย

P-HOT : เรื่องนี้ก็ตลกดีเหมือนกันพี่ คือหลังๆ ผมไม่ค่อยมีเวลา แต่ก็จะนัดกันไปเตะทุกวันจันทร์ที่แกรนด์ ซอกเกอร์โปร กับพวกพี่อ้น รังสรรค์ (วิวัฒน์ชัยโชค เฮดโค้ชโปลิศ เทโร), พี่โก้ ดัสกร ทองเหลา, พี่ซอ (ธีรเทพ วิโนทัย), พี่แคมป์ สรรวัชญ์, พี่บอล จักรพันธ์ หรือ เจ ชนาธิป ก็เคยมา แล้วพี่รู้มั้ยว่า พี่โก้ หรือ ลีซอ เนี่ยคือไอดอลผมตอนเตะฟุตบอลเลย ผมเคยฝันอยากติดทีมชาติเล่นกับพวกเขา มาถึงตอนนี้ผมได้เล่นร่วมกับพี่ๆ เขาเหมือนกันนะ แต่สถานะผมไม่ใช่นักบอล ผมเป็นแร็ปเปอร์ แต่ได้เตะบอลกับคนที่ผมเคยมีโอกาสเห็นเขาเล่นในทีวีเท่านั้น


แมน : แล้วเขาไม่งงกันหรอว่าเฮ้ยเราเป็นนักร้อง แต่ทำไมเตะบอลได้ขนาดนี้

P-HOT : ถามกันใหญ่เลยพี่ อย่างพี่อ้น หรือพี่ซอ เขาก็ถามผมว่าเฮ้ยเคยฝึกบอลมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย พี่ซอนี่ไปถามพ่อผมเลย แต่ผมก็บอกพ่อว่าไม่ต้องบอกเขาดีกว่าว่าผมเคยเตะบอลที่ไหนยังไงมา ทุกวันนี้ผมไม่เคยบอกใครเลยนะพี่ว่าเคยเป็นนักบอลมาก่อน

แมน : จุดเปลี่ยนของปอนด์น่าจะเป็นการไปแข่งรายการ "Rap Is Now", "The Rapper Thailand" เนอะ

P-HOT : "Rap Is Now" คือจุดเปลี่ยนของผมเลยพี่ จากนั้นก็เลยมีโอกาสได้ไปออก "The Rapper" ตอนนี้ผมก็ได้มาเป็นโค้ชในรายการ "Show Me The Money" แล้ว


แมน : มองสถานการณ์ของวงการเพลงฮิปฮอปในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เดี๋ยวนี้เด็กรุ่นใหม่ หรือคนในหลายๆ วงการหันมาชอบเทรนด์นี้ ฟังโฆษณา หรือเพลง หรืออะไรก็ตาม มันมีเพลงฮิปฮอปเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งนั้น

P-HOT : ผมมองว่าฮิปฮอปมันอยู่ได้ทุกยุคสมัย เพราะมันเข้าได้กับทุกแนวเพลง แต่ก่อนมันก็อยู่คู่วงการเพลงมาตลอดแต่อาจจะไม่บูมเท่ายุคนี้ ต้องยกให้พี่ๆ พวกพี่โจ้ โจอี้ บอย หรือพี่ๆ วงไทเทเนียม และอีกหลายๆ คนที่พยายามทำให้ดนตรีแนวนี้ได้รับการยอมรับมากขึ้น ผมก็ดีใจนะที่เด็กรุ่นใหม่หันมามีแร็ปเปอร์เป็นไอดอลและฝันอยากเป็นศิลปิน สำหรับผมมองว่าจะแนวเพลงอะไรก็ตาม จะฮิปฮอป, ลูกทุ่ง, หมอลำ เฮ้ยอะไรก็ได้ ขอให้เป็นสิ่งที่ชอบ สิ่งที่เรารัก ทำไปเถอะครับ 

แมน : ปอนด์เคยสอนบอลเด็กด้วยถูกมั้ยสมัยอยู่หาดใหญ่ แล้วตอนนี้ก็มีโอกาสสอนแร็พในรายการ "Show Me The Money" การสอนบอลกับสอนแร็พมีความแตกต่างกันยังไงมั้ย


P-HOT : ผมเคยสอนบอลเด็กๆ แถวบ้านครับ คือฟุตบอลมันมีหลักสูตรอยู่เป็นรูปธรรม เช่นจะต้องแปบอลยังไงให้ตรง แต่ดนตรีมันไม่มีอะไรตายตัวครับ อย่างเวลาผมโค้ชแร็พ ผมจะไม่บอกนะว่าเฮ้ยคุณต้องแร็พแหลงใต้ หรือต้องแร็พยังไง ผมจะบอกว่าคุณต้องหาตัวเองให้เจอ แล้วไปทางนั้นเลย คุณไม่ต้องมาเหมือนผม หรือเหมือนใคร ถ้าหาตัวเองเจอ นั่นคือคุณจะมีความสุขกับมัน

แมน : พี่พอมองภาพออกแบบนี้ด้วยนะ คือตอนสอนบอล เด็กๆ อาจจะไม่ได้มองเราเป็นไอดอล แต่เวลาสอนแร็พ ลูกศิษย์เราเขามองเราคือคนที่ประสบความสำเร็จทางนี้ แน่นอนว่าเขามีความเชื่อถือในคำแนะนำของเรามากกว่าด้วย

P-HOT : จริงพี่ แต่ผมก็จะย้ำนะว่าให้ทำในแนวทางที่ตัวเองคิดว่าดี หาตัวเองให้เจอก่อน แล้วผมจะคอยแนะนำต่อในแนวทางของแต่ละคนมากกว่า

แมน : ทุกวันนี้มีชื่อเสียงมากขึ้น ไปไหนมาไหน ทำอะไรลำบากกว่าเดิมมากมั้ย


P-HOT : ก็มีเหมือนกันครับ ต้องระวังพฤติกรรมของตัวเองในที่สาธารณะมากขึ้น ผมจำได้เลยมีครั้งนึงผมไปเดินสวนจตุจักร ตอนนั้นไม่คิดว่าตัวเองเริ่มดังไม่รู้ว่าจะมีคนจำเราได้ ปรากฎว่าพอมีคนเข้ามาขอถ่ายรูปคนนึง จากนั้นมากันเพียบเลยพี่เป็นสิบเป็นร้อยคนเลย แต่ผมว่าผมโชคดีนะที่ปกติเราทำตัวติดดินอยู่แล้ว เคยกินข้าวข้างถนนได้ยังไงตอนนี้ก็ทำได้เหมือนเดิม คือถ้าพอเรามีชื่อเสียงแล้วเราทำตัวไม่เหมือนเดิม จะยิ่งกลายเป็นวางตัวลำบาก 

แมน : คิดว่าปอนด์ในอดีตกับ P-HOT ในตอนนี้มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมบ้างมั้ย 

P-HOT : ผมทำงานเป็นมืออาชีพมากขึ้นพี่ อย่างเรื่องนี้พี่แมนก็คงรู้ ผมเอาเพื่อนๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ตอนลำบาก มาทำงานด้วยกัน คือผมก็อยากให้เพื่อนมีรายได้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ผมย้ำกับทุกคนว่าเวลาทำงานทุกคนต้องโปรนะ นอกเวลางานเราเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าทำงานกันไม่โปรผมรับไม่ได้นะ เพราะงานมันจะเสียแล้วจะพังกันหมด หรืออย่างลุคผมอาจจะดูเป็นเพลย์บอยใช่มั้ยพี่ แต่ผมบอกได้เลยตั้งแต่ผมออนทัวร์มา เรื่องผู้หญิงผมไม่มี แต่ก่อนผมอาจจะเคยมีบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย คิดดูถ้าผมไปอยู่กับผู้หญิงแล้วเขาแอบถ่ายรูปผมนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่บนเตียงเงี้ย ผมหมดอนาคตทันทีถูกมั้ย หรือเรื่องดื่มเที่ยว ทุกคนในทีมงานจะรู้ว่าเวลางานหรือก่อนเวลางาน ผมย้ำเลยว่าเฮ้ย ถ้ามึงดื่ม มึงเมา มึงเรื้อน งานเสีย กูรับไม่ได้ เราสนุกกันได้ แต่ต้องรู้กาลเทศะและความเหมาะสม 


แมน : นักบอลก็กำลังเป็นประเด็นเหมือนกันนะตอนนี้เนี่ย เกี่ยวกับการหลงผิด, การพนัน, ยาเสพติด, การดื่มเที่ยว เหลวไหลต่างๆ ถ้าปอนด์เจอเรื่องพวกนี้ในทีมงานของปอนด์ ปอนด์จะทำไง 

P-HOT : อันนี้ถ้าเลยเถิดผมไม่เอาไว้ครับ บอกตรงๆ คือเราอาจจะเป็นเพื่อนกันต่อไป แต่เราคงทำงานด้วยกันไม่ได้ เพราะแน่นอนว่าถ้าจิตใจไปจดจ่ออยู่กับเรื่องพวกนี้ สมาธิในการทำงานก็ย่อมไม่มี ภาพลักษณ์ที่ออกไปคนก็มองว่าเป็นทีมงานผม ทำไรไม่ดีเขาก็ด่าถึงผมด้วย แล้วพลาดขึ้นมาใครเสีย แล้วถ้าผมเสีย ทุกๆ คนจะลำบากกันหมดมั้ย เพราะฉะนั้นต้องแยกแยะพี่ ตรงนี้ทุกคนในทีมรู้ดีว่าผมจริงจังมาก 

แมน : โอเคครับปอนด์ วันนี้คุยกันนานมากเลยนะ ไว้มีโอกาสหลังโควิดไปเตะบอลกัน ขอบคุณมาก ไว้คุยกันนะ

P-HOT : ได้พี่แมน ไว้คุยกันครับ


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด