ปูมหลังดาวรุ่งระดับโลก "คีลิยัน เอ็มบัปเป้"
หนึ่งคนที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอยู่เสมอ นั่นคือ “คีลิยัน เอ็มบัปเป้” ดาวยิงดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลกจากสโมสรเปแอสเช ล่าสุด ช่วงนี้เราไปดูปัจจัยที่หล่อหลอมให้เอ็มบัปเป้ กลายเป็นดาวรุ่งพรสวรรค์สูง ที่เตรียมขึ้นมาเขย่าวงการลูกหนัง ทั้งหมด ผ่านมุมมองจากผู้ใกล้ชิดอย่าง “อัตม็อง ไอรอช” ประธานสโมสรอาแอส บงดี สโมสรแรกที่ปลุกปั้นเขามาตั้งแต่เด็ก
เกิดมาเพื่อฟุตบอล : อัตม็อง ไอรอช ประธานสโมสรอาแอส บงดี ออกมากล่าวว่า เอ็มบัปเป้ มีสายเลือดของความเป็นนักฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก โดยเข้ามายังสโมสรตั้งแต่อายุน้อย ผ่านคุณพ่อของเขา ที่เป็นทั้งนักเตะ และโค้ช ดังนั้น เอ็มบัปเป้ จึงได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับฟุตบอล
หากย้อนเวลากลับไปตอนที่ เอ็มบัปเป้ อายุประมาณ 2 ขวบ เขาก็เริ่มถือลูกฟุตบอล และที่จะเตะมันไปมาแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องนัก แต่เขามักมานั่งกับบรรดานักเตะ เพื่อซึมซับบรรยากาศ และสัมผัสประสบการณ์การวางแผน ก่อนที่จะลงไปทำการแข่งขันจริง
นอกจากคุณพ่อของเขาจะเป็นโค้ช และนักฟุตบอลแล้ว คุณแม่ของเขา ยังเล่นกีฬาแฮนด์บอลเก่งมากด้วย ถือว่าลงเล่นในระดับอาชีพเลยทีเดียว นี่ถือเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า เอ็มบัปเป้ เกิดมาเพื่อฟุตบอล และเกิดในครอบครัวที่มีสายเลือดแห่งความเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริง
ความเชื่อมั่นในตัวเอง : หากเอ่ยชื่อของอะคาเดมี่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศฝรั่งเศส ที่เพาะบ่มดาวรุ่งมาแล้วอย่างมากมาย นั่นคือสถานที่ที่เรียกว่า “แคลร์ฟองแต็ง” ซึ่งหลายคนมองเหมือนกันว่า หากได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ย่อมการันตีในระดับหนึ่งว่า พวกเขาประสบความสำเร็จ
แต่นั่นไม่ใช่กับเอ็มบัปเป้ ที่มองว่าเขาสามารถทำงานหนัก และสามารถเล่นที่ไหนก็ได้ ความสามารถจะเป็นตัวกำหนดทุกอย่างเอง โดยที่ ไอรอช กล่าวว่า เอ็มบัปเป้ ไม่เคยสนใจเลยว่า เขาจะต้องเล่นศูนย์ฝึกที่มีชื่อเสียง เขาเพียงทำงาน และตั้งหน้าตั้งตาเล่นฟุตบอล โอกาสจะตามมาเอง นี่คือแนวคิดที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นมืออาชีพ
ความเป็นมืออาชีพ : เอ็มบัปเป้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ตั้งแต่อายุยังน้อยเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญ นั่นคือความเป็นมืออาชีพในตัวของเขาเอง โดยที่ไอรอช ย้อนความทรงจำถึงประเด็นนี้ว่า สมัยที่เขาไปดู เอ็มบัปเป้ ลงเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศส พร้อมกับคว้าแชมป์ยุโรป รุ่นยู-19 มาครองในช่วงปี 2016
เวลานั้น นักเตะเยาวชนทีมชาติฝรั่งเศส เกือบทั้งทีม ต่างมุ่งไปงานปาร์ตี้ เพื่อเฉลิมฉลองแชมป์อย่างสุดเหวี่ยง เว้นเพียงแต่ในรายของ เอ็มบัปเป้ กลับตรงดิ่งกลับไปยังบ้านพัก เพื่อนอนหลับพักผ่อน โดยพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาสามารถคว้าแชมป์ยุโรปเป็นผลสำเร็จ งานต่อไปของเขาคือการรีบบินกลับไปยังโมนาโก เพื่อช่วยต้นสังกัดคว้าแชมป์เพิ่มเติม
ไอรอช เพิ่มเติมว่า สมัยที่โมนาโก คว้าแชมป์ลีกเอิง มาครองอย่างยิ่งใหญ่ เอ็มบัปเป้ เป็นนักเตะเพียงคนเดียวในสนามที่ไม่มีโทรศัพท์อยู่ในมือ เขาไม่ใช่นักเตะที่บ้าโซเชี่ยล และต้องการดื่มด่ำกับความสำเร็จในมุมของตัวเองเท่านั้น แน่นอนว่า เขายังปฏิบัติเหมือนเดิม นักเตะโมนาโก ต่างไปเลี้ยงฉลอง ส่วนเขาเป็นเพียงคนเดียวที่กลับบ้านไปพักผ่อน
ความถ่อมตัว : ไอรอช บอกว่า เอ็มบัปเป้ คือคนธรรมดาที่หลงรักกีฬาฟุตบอล เขาคือคนที่เต็มด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ โดยสิ่งเหล่านี้ ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่ที่เขาอายุยังน้อย ประธานสโมสรอาแอส บงดี ถึงกับเปรียบเปรยว่า เอ็มบัปเป้ ในวัย 20 แต่กลับมีวุฒิภาวะเหมือนกับผู้ใหญ่อายุ 40 เลยทีเดียว
เอ็มบัปเป้ ไม่เคยลืมกำพืดตัวเอง เขามักกลับมายังสโมสรแรกที่ปลุกปั้นเขามาเสมอ พร้อมให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็น ทั้งหมด เพราะเขาอยากเห็นเด็กจากบงดี ก้าวมาประสบความสำเร็จเหมือนกับเขาอีก เมื่อเขากลับมาที่นี่ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่คิดเสมอว่า เขาคือเด็กคนเดิมที่มาจากบงดี
ความกล้าเผชิญหน้า : ไอรอช ทิ้งท้ายว่า เอ็มบัปเป้ คือเด็กที่กล้าเผชิญหน้า ตั้งแต่เล็กยันโต เขาเล่นกับเด็กที่อายุมากกว่ามาโดยตลอด แม้ร่างกายจะเล็กกว่าคนอื่น ทว่าความสามารถทำให้เขาแตกต่าง เขามีวิสัยทัศน์ และการเคลื่อนไหวที่แตกต่างจากเด็กคนอื่น พร้อมกับมีสัญชาตญาณว่า ลูกฟุตบอลจะพุ่งไปตรงไหน