10) เอสเตบัน กัมปิอัสโซ่ ไป อินเตอร์/เลสเตอร์ 

มีนักเตะกี่คนที่ย้ายตัวฟรี 2 หนแล้วจะเล่นได้ดีกับทั้งสองสโมสร แน่นอนชื่อของ กัมบิอัสโซ่ ลอยมาคนแรก อย่างต้นทศวรรษ 2000 ไม่เป็นที่โปรดปรานของ เรอัล มาดริด ก็หมดสัญญามาอยู่ อินเตอร์ เมื่อปี 2004 

ดาวเตะอาร์เจนไตน์คือฟันเฟืองสำคัญของ 'งูใหญ่' เมื่อช่วยทีมคว้า 5 สคูเด็ตโต้ โดยมีไฮไลท์คือทริปเปิ้ลแชมป์ปี 2010 

รับใช้ในจูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า กว่าทศวรรษได้ย้ายออกมาอยู่ เลสเตอร์ ก็ช่วยทีมอยู่รอดบนลีกสูงสุดแล้วจากไปแบบหล่อๆ ปล่อยทีมต่อยอดถึงตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แห่งประวัติศาสตร์ ในซีซั่นต่อมา 

อดีตผจก.ทีม ไนเจล เพียร์สัน ได้เครดิตฐานะคนวางรากฐาน เช่นเดียวกับ กัมบิอัสโซ่ ถูกจดจำเพราะความเก๋าที่ส่งผ่านแก่ห้องแต่งตัว 

9) เจมส์ มิลเนอร์ ไป ลิเวอร์พูล 

มิลเนอร์ คือผู้เล่นที่ยืนหยัดกับสโมสรลุ้นแชมป์มากว่าทศวรรษ - ทั้งที่คนส่วนใหญ่มองว่าไม่มีทางเบียดเป็น 11 ตัวจริงของทั้ง แมนฯ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล ได้เลย แต่กลายเป็นแข้งเลือดผู้ดีคือจิ๊กซอว์สำคัญไว้ต่อล่าความสำเร็จของสองค่าย 

ย้ายจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม มาเล่นยัง แอนฟิลด์ ปี 2015 นับเป็นจอมอเนกประสงค์ใช้ยืนกองกลาง, ฟูลแบ็กขวา-ซ้าย จัดได้ตามสั่ง แม้ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของทีม แต่หากขาดไปก็เรียกว่าแทบขาดใจ 

บารมีในห้องแต่งตัวและความเป็นมืออาชีพเต็มเปี่ยม ช่วยส่ง 'หงส์แดง' กดแชมป์ ชปล. แถมจ่อแชมป์ลีกที่รอคอยกว่า 3 ทศวรรษ 

8) เฮนริก ลาร์สสัน ไป บาร์เซโลน่า

ลาร์สสัน คือตำนานกองหน้าของ เซลติก การันตีจากผลงาน 242 ประตู ในการลงเตะ 313 นัด ซึ่งเมื่อหมดความท้าทายในปี 2004 ก็ขอมุ่งหน้าลงเอย บาร์เซโลน่า เพื่อเติมไฟแก่อาชีพ 

อาจเล่นให้ บาร์ซ่า แค่ 2 ฤดูกาล แถมซีซั่นแรกบาดเจ็บเอ็นเข่าแต่ดาวยิงสวีดิชได้รับการซูฮกจากทุกคน

โดยเฉพาะเกมชิงฯชปล.ปี 2006 สกอร์ที่ตามหลัง อาร์เซน่อล 0-1 พอ บาร์เซโลน่า ให้ ลาร์สสัน ลงสนามก็จุดประกายเกมรุกแล้วทำ 2 แอสซิสต์ช่วยทีมแซงชนะพร้อมกว่าแชมป์ยุโรปหนแรกอาชีพ 

บทสรุปผลงานใต้เครื่องแบบ'เลือดหมู-น้ำเงิน' 19 สกอร์ จาก 52 แมตช์

7) รุดด์ กุลลิท ไป เชลซี 

ดีกรี บัลลง ดอร์ ปีค.ศ. 1987 พ่วงเคยเป็นนักเตะแพงสุดโลกเมื่อย้ายจาก พีเอสวี ไป เอซี มิลาน ทว่าใครจะเชื่อว่าแปดซีซั่นต่อมาแข้งดัตช์จะย้ายตัวฟรีๆมา สแตมฟอร์ด บริดจ์ 

ฤดูกาลแรกฐานะนักเตะ 'สิงห์บลูส์' ทีมจบอันดับ 11 แต่พอปี 1996 ที่ควบตำแหน่งผู้เล่น-ผู้จัดการทีม อันดับขยับมาที่ 6 และต่อด้วยอันดับ 4 พ่วงตำแแหน่งแชมป์ เอฟเอ คัพ ในสองซีซั่นถัดมา 

ผลงานบนสนามเป็นประเด็นรองจากภาพลักษณ์ที่ กุลลิท ช่วยเสริมบารมีจน เชลซี ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลกกระทั่งยกระดับสู่หัวแถวลีก

6) สตีฟ แม็คมานามาน ไป เรอัล มาดริด  

รูปแบบการเล่นของ แม็คมานามาน แตกต่างกันมากระหว่างอยู่อังกฤษกับสเปน เพราะตลอด 9 ปีฐานะ ลิเวอร์พูล ภาพจำคือปีกหน่วยก้านอ้อนแอ้น, ทักษะดี และกระดูกยูง แต่พอย้ายฟรีไป มาดริด ปี 1998 ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นมดงาน วิ่งหาตำแหน่ง หาพื้นที่รอรับบอลจากตัวสร้างสรรค์คนอื่น 

จึงไม่แปลกที่แฟนบอลจะรักเขาเมื่อแยกทางตอนปี 2003 โดยเป็นแข้งอังกฤษที่ประสบความสำเร็จต่างแดนมากสุด (วัดเฉพาะเกียรติยศ) คือร่วมคว้า 2 แชมป์ ลา ลีกา สเปน, 2 ชปล., 1 โกปา เดล เรย์ และ 1 ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ

5) โรแบร์โต้ บาจโจ้ ไป โบโลญญ่า/เบรสชา

ตามธรรมชาติตรรกะของนักฟุตบอลคุณภาพต่างต้องการเล่นให้สโมสรหัวแถว แต่ไม่ใช่กับ บาจโจ้ ซึ่งเคยเล่นกับ ยูเวนตุส, มิลาน และ อินเตอร์ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย

ต่างจากเมื่อเล่นสโมสรขนาดกลางค่อนเล็ก อย่างซีซั่น 1997-98 จาก มิลาน ไป โบโลญญ่า ซัลโว 22 สกอร์เซเรีย อา

ส่วนโค้งสุดท้ายอาชีพระหว่างปี 2000-04 จาก อินเตอร์ ซบ เบรสชา สถาปนาตัวเองเป็นตำนานสโมสร ลงเล่น 101 เกม ทำไป 46 ประตู แล้วจึงแขวนสตั๊ด 

4) หลุยส์ เอ็นรีเก้ ไป บาร์เซโลน่า

โดยทั่วไปนักเตะไม่ย้ายทีมโดยตรงระหว่างสองอริ ลา ลีกา สเปน อย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า เว้นแค่ช่วงทศวรรษ '90 ที่ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ย้ายจาก เรอัล มาดริด ไป บาร์เซโลน่า ปี 1996 ส่วนปี 2000 มี หลุยส์ ฟิโก้ จาก บาร์เซโลน่า ไป เรอัล มาดริด 

ต่างที่ เอ็นรีเก้ ย้ายฟรี ส่วนปีกโปรตุกีสมูลค่าแพงถึง 62 ล้านยูโร

ความสำเร็จของแข้งสแปนิชมากกว่าชัดเจนเมื่อคว้าแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย พร้อมปูพื้นฐานทีม บาร์ซ่า ยุคใหม่ กระทั่งปี 2015 เอ็นรีเก้ ผันตัวสู่เทรนเนอร์แล้วนำอาซูลกราน่าคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ปี 2015 

3) โซล แคมพ์เบลล์ ไป อาร์เซน่อล 

เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเรื่องฉาวโฉ่ เมื่อกัปตัน ท็อตแน่ม ซึ่งเล่นให้สโมสรกว่า 12 ปี ย้ายฟรีไปอยู่อริเบอร์หนึ่งอย่าง อาร์เซน่อล เมื่อปี 2001 

ตัดเรื่องความแค้นระหว่าง 2 สโมสร ต้องนับว่า แคมพ์เบลล์ คือเซนเตอร์แบ็กที่ดีสุดคนหนึ่งของโลกเวลานั้น ช่วย 'ปืนใหญ่' ของ อาร์แซน เวนเกอร์ เกมรับเหนียวแน่นเหมือนวันวาน โดยผลงาน 5 ปีแรก ได้แชมป์ลีกสองสมัยรวมถึงตำแหน่งไร้พ่ายซีซั่น 2003-04 ส่วนคำรบสองร่วมงานสั้นๆปี 2010 

2) อันเดรีย ปีร์โล่ ไป ยูเวนตุส 

ปีร์โล่ สมัยค้าแข้งให้ เอซี มิลาน เดี้ยงจนหมดฤดูกาล 2010-11 ซึ่งตัวเองหมดสัญญาพอดี บอร์ดบริหารมอบดีลใหม่แบบปี-ต่อ-ปี แต่นักเตะอยากได้ 3 ปี 

เมื่อคุยไม่ลงตัวจึงแยกทางไปซบตัก ยูเวนตุส ที่ซึ่งตำนานผู้รักษาประตูอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ยังยกให้เป็นการเซ็นสัญญาแห่งศตรรษ เพราะมีส่วนร่วมคว้า 4 สคูเด็ตโต้, 3 โคปปา อิตาเลีย กระทั่งโยกสู่ เมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ สหรัฐฯ ปี 2015 

1) โรเบิร์ท เลวานดอฟสกี้ ไป บาเยิร์น มิวนิค 

มหากาพย์การย้ายตัวของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยืดเยื้อกว่า 2 ปี กระทั่งเอเยนต์นักเตะยืนยันว่าหอกโปลจะปล่อยตัวเองหมดสัญญา มิ.ย.2014 โดยมี บาเยิร์น มิวนิค อริตัวเอ้เป็นสถานีต่อไป 

นับเป็นการใช้พลังดูดจากคู่อริต่อเนื่องอีกซัมเมอร์เพราะเมื่อปี 2013 เซ็น มาริโอ เกิทเซ่ ซบตักมูลค่า 37 ล้านยูโร 

อย่างไรก็ตามคุณค่าของ เลวานดอฟสกี้ คุ้มเกินคุ้ม เพราะกว่า 275 เกม ยิงรวม 230 ประตู กดตำแหน่งดาวซัลโวลีก 4 สมัย และคือหัวหอกตัวหลักของสโมสรช่วยเป็นแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน 5 ฤดูกาลติด 

สถานะกับสโมสรคือดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลลำดับสอง รองจาก แกร์ด มุลเลอร์ ( 564 ประตู) ที่ไม่มีทางทาบถึง แต่อย่างน้อยสถิติของ 'เลวาน' ก็ไม่ถูกทุบใน 3-4 ปี จากนี้แน่นอน