:::     :::

ชีวิตที่เกือบหันหลังให้ฟุตบอล

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563 คอลัมน์ ฟุตบอลข้างถนน โดย โกสุ่ย
1,441
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แม้จะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถือว่าประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพอยู่พอสมควร เพราะเขาคว้าแชมป์มากมายกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง แถมยังมีเป็นหนึ่งในขุนพลที่ช่วยให้ทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์ โกปา อเมริกา เมื่อปีที่ผ่านมาได้สำเร็จ

กระนั้นใครจะทราบบ้างว่าในวัยเพียงแค่ 21 ปี ติอาโก้ ซิลวา เกือบที่จะหันหลังให้วงการฟุตบอลมาแล้ว

เรื่องราวดังกล่าวเปิดเผยในปี 2014 โดยมารดาบังเกิดเกล้าของกองหลังรายนี้ที่ระบุว่า "ฉันต้องย้ำเตือนเขาว่ามีไม่กี่อาชีพที่ดีและเหมาะสมไปกว่าเด็กๆ ที่มาจากที่ที่เราเคยอาศัยอยู่"

"สิ่งนั้นดูเหมือนว่าจะไปผลักดันตัวเขาให้กลับมาเข้าที่เข้าทาง"

จุดเริ่มต้นในเส้นทางฟุตบอลของ ติอาโก้ ซิลวา เต็มไปด้วยปัญหาและขวากหนาม โดยในวัย 15 ปีเขาลงเล่นในฐานะกองกลางตัวรับให้กับสโมสร ฟลูมิเนนเซ่ ทีมดังของบราซิลก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมาเพราะว่าทำผลงานช่วงทดสอบฝีเท้าไม่เข้าตาทีมโค้ช

จากนั้นการเดินทางของเขาต้องจบเช่นเดิมไม่ว่าจะเป็น ฟลาเมงโก้หรือ โบตาโฟโก้ ก่อนที่จะไปลงเอยกับทีม บาร์เซโลน่า สโมสรในลีกระดับล่างของแดนแซมบ้า

ความท้อแท้เริ่มเกาะกุมหัวใจและความคิดของ ติอาโก้ ซิลวา เพราะจากฝันอันสดใสที่เคยวาดไว้ มันกลับกลายเป็นเรื่องที่ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไรก็ตาม ด้วยกำลังใจจากแม่ทำให้ติอาโก้ ซิลวา เดินหน้าและมุ่งมั่นต่อไป ก่อนจะมีโอกาสแสดงผลงานกับ ชูเวนตูเด้ (ที่ตอนนั้นเล่นในลีกสูงสุด)




ที่นั่นเขามีโอกาสแสดงฝีเท้าและผลงานของตนเองก่อนจะไปเข้าตาบรรดาทีมใหญ่ในยุโรป ซึ่งท้ายที่สุดเป็น เอฟซี ปอร์โต้ ยอดทีมของโปรตุเกสที่ได้ตัวไปครอง (ซึ่งเกิดขึ้นหลังจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ย้ายไปคุมทีม เชลซี ไม่นาน)

แต่ความผิดหวังกลับมาหลอกหลอนเด็กหนุ่มที่เดินทางข้ามทวีปไปยังยุโรป ช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่เขาอยู่กับ ปอร์โต้ คือการลงเล่นให้ทีมสำรอง แถมช่วงเวลาที่เขาถูก ดินาโม ยืมตัวไปใช้งานก็ต้องต่อสู้กับวัณโรคที่เล่นงานเขาในตอนนั้น

เรียกได้ว่าเส้นทางของ ติอาโก้ ซิลวา ต้องผ่านอะไรมาอย่างมากมาย และมีหลายครั้งที่เขาเกือบจะถอดใจหันหลังให้กับวงการนี้

ในปี 2005 ถือเป็นปีที่โหดอย่างมากสำหรับ ติอาโก้ ซิลวา เพราะเขาออกมาเผยว่าเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากวัณโรค แม้จะหายจากอาการป่วยแต่สภาพจิตใจของเขากลับแย่ลงไปกว่าเดิม และนั่นบทบาทจากผู้เป็นแม่จึงสำคัญสำหรับ ติอาโก้ ซิลวา อย่างมาก

อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าแม้ของกองหลังชาวแซมบ้ารายนี้ได้พูดแนะนำและเตือนสติลูกชายของตนเอง ก่อนที่ ติอาโก้ ซิลวา จะตัดสินใจกลับมาเป็นนักฟุตบอลอีกครั้ง โดยหนนี้มี ฟลูมิเนนเซ่ ทีมที่เคยบอกปัดสมัยตอนที่เขายังเป็นเยาวชนได้ดึงตัวมาร่วมทีม




สาเหตุสำคัญมาจากชายที่ชื่อว่า อีโว วอร์ตมันน์ อดีตกุนซือที่เคยทำงานกับทาง ติอาโก้ ซิลวา ที่ ชูเวนตูเด้ เมื่อปี 2004 ซึ่งตอนนั้นเขาถูก ฟลูมิเนนเซ่ ดึงตัวไปทำหน้าที่โค้ช ส่งผลให้เขารบเร้าสโมสรให้ดึง ติอาโก้ มาร่วมทีมให้ได้

แม้จะมีความลังเลและไม่แน่ใจในเรื่องสุขภาพ เพราะทาง ติอาโก้ ซิลวา เพิ่งฟื้นตัวมาจากโรคร้ายแรง แต่ ติอาโก้ สามรถพิสูจน์ตนเองได้สำเร็จ และถูกกล่าวถึงอย่างมากในฤดูกาล 2006 (แม้ว่า ฟลูมิเนนเซ่ จะจบที่ 15 ในลีกก็ตาม)

จากเด็กหนุ่มที่เกือบจะยอมแพ้ในเส้นทางอาชีพ มาถึงตรงนี้เขากลายมาเป็นแกนหลักให้กับ ฟลูมิเนนเซ่ หนึ่งในทีมดังของบราซิล แถมยังพาทีมคว้าแชมป์ โกปา โด บราซิล และหลุดเข้ารอบชิงชนะเลิศ โกปา ลิเบร์ตาดอเรส ในปี 2008 กับทาง โบคา จูเนียร์ส 

ความดังของ ติอาโก้ ซิลวา พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแฟนบอลรุ่นเยาว์ที่ติดเทรนด์ 'ผ้าพันแผล' ตามกองหลังรายนี้ "ผมเริ่มพันมันไว้ที่ข้อมือในช่วงปลายปี 2006 หลังจากที่ผมมีอาการบาดเจ็บ แต่ผมทำได้ดีในเกมถัดมาและคิดว่ามันสวยดี มันมอบโชคให้กับผม และตอนนี้ผมทราบว่ามีแฟนๆ พันมันไว้ด้วย ซึ่งผมคงไม่เอามันออก"

นั่นคือบทสัมภาษณ์ของ ติอาโก้ ซิลวา เมื่อปี 2008 และหลังจากนั้นไม่เพียงแต่แฟนบอลที่ติดตามผลงานของเขา เพราะผลงานของ ติอาโก้ ซิลวา ไปเข้าตายักษ์ใหญ่ในยุโรปอีกครั้ง ซึ่งหนนี้คือ เอซี มิลาน ยอดทีมของอิตาลีที่เดินหน้าเต็มเต็มตัว

การเจรจากินเวลากว่า 5 เดือนเศษ ก่อนที่ เอซี มิลาน จะจัดการเปิดตัว ติอาโก้ ซิลวา หลังจากตกลงกับ ฟลูมิเนนเซ่ ได้สำเร็จ




การเดินทางไปยังยุโรปหนที่สองของ ติอาโก้ ซิลวา ดีกว่าหนแรกอย่างมาก เพราะด้วยสภาพจิตใจที่ดีขึ้น แถมฝีเท้าที่พัฒนาทำให้เขาปรับตัวกับความเร็วและการเล่นได้ดีกว่าเดิม

ที่ มิลาน เขาปรับตัวได้ทันทีและสามารถจับคู่กับ อเลสซานโดร เนสต้า ได้อย่างลงตัว ส่งผลให้ได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากบรรดาตำนานของ รอสโซเนรี่ อาทิ เปาโล มัลดินี่ และ ฟรังโก้ บาเรซี่

แม้จะไร้แชมป์ในช่วงแรก แต่ฤดูกาล 2010/11 เขาและเพื่อนร่วมทีมปิศาจแดงดำสามารถเข้าป้ายเป็นแชมป์ลีก ซึ่ง ติอาโก้ ซิลวา ได้รับคำชมอย่างมากจากทั้งสื่อและบรรดากูรู ที่มีหลายสำนักยกให้เขาเป็นผู้เล่นแห่งปีเลยทีเดียว

แต่แล้วการเดินทางของ ติอาโก้ ซิลวา เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากจบฤดูกาล 2011/12 ซึ่งหนนี้เป็น เปแอสเช ที่เข้ามาเจรจากับ มิลาน ก่อนจะสามรรถคว้าตัวกองหลังชาวบราซิลไปร่วมทีม

อย่างที่ทราบกันดี ติอาโก้ ซิลวา เข้าไปเป็นแกนหลักให้กับ เปแอสเช ยุคเรืองรอง เขาในฐานะกัปตันพาเหล่าลูกทีมพุ่งชนความสำเร็จในลีกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ ลีก เอิง 6 สมัย เฟร้นช์ คัพ 4 สมัย และ เฟร้นช์ ลีก คัพ 5 สมัย

ผ่านไป 7 ปีครึ่งกับความสำเร็จและคนที่เป็นที่รักของเหล่าสาวก ปารีเซียงส์ 




คงไม่เกินไปหากจะบอกว่านี่ 'ตำนาน' และเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่ เปแอสเช เคยมีมา และถือเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของลีก เอิง ฝรั่งเศส

"เขาคือ (ลีโอเนล) เมสซี่ ของบรรดากองหลัง เป็นเรื่อที่ตอบง่ายๆ หากถามว่าเขาเป็นกองหลังที่ดีที่สุดของโลกหรือไม่ เพราะเขาเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของโลก ดีกว่า (ฟาบิโอ) คันนาวาโร่ ในตอนที่เขาได้ บัลลง ดอร์"

ข้างบนคือคำให้การของ อาแล็ง โรช อดีตกองหลังเปแอสเชและทีมชาติฝรั่งเศสที่กล่าวถึง ติอาโก้ ซิลวา 

ถึงตรงนี้เส้นทางของ ติอาโก้ ซิลวา มาถึงจุดสำคัญอีกครั้ง ด้วยวัยที่ล่วงเลยมาถึง 35 ปี และสัญญาที่กำลังจะหมดกับ เปแอสเช ทำให้อนาคตของเขาตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน

ภายใจแล้ว ติอาโก้ ซิลวา อยากเล่นให้กับ เปแอสเช ออกไปอีกสักปี เพราะเขายังมีภารกิจสำคัญกับสโมสรในเส้นทาง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ยังไปไม่ถึงฝั่งฝัน 

แต่อนาคตเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น กระนั้นสำหรับ ติอาโก้ ซิลวา เขาคงคิดเพียงแค่ว่าขอมุ่งมั่นให้เต็มที่กับช่วงที่เหลือนี้ เพราะเส้นทางของเขามาไกลมากกว่าที่เขาเคยคิดไว้มากแล้ว



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด