แพลนที่วางเอาไว้ก็คือซ้อมกันในเดือนพฤษภาคม เริ่มแข่งขันเดือนมิถุนายนไปเสร็จราวกลางเดือนกรกฎาคม แล้วซีซั่นใหม่เริ่มปลายสิงหาคมหรือต้นกันยายนครับผม
วันศุกร์นี้ 20 สโมสรพรีเมียร์ลีกจะประชุมกันทางวีดีโอ คอนเฟอเรนซ์ เพื่อยืนยันเรื่องนี้ให้ชัดเจนอีกครั้ง บางทีเราอาจจะได้ทราบกำหนดวันที่แน่นอนเลยด้วยซ้ำ
แต่ของแบบนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลอังกฤษด้วยนะครับ ว่าจะไฟเขียวให้กับกีฬาได้ขนาดไหน เรื่องนี้รัฐบาลจะมีการประกาศที่ชัดเจนในวันที่ 7 พฤษภาคมครับผม
ถ้าเป็นไปตามแผนแต่ละทีมจะเริ่มกลับมาซ้อมในต้นเดือนหน้า โดยช่วงแรกๆก็จะซ้อมเดี่ยวกันไปก่อน จากนั้นเริ่มที่จะซ้อมแบบกลุ่มเล็กๆ แล้วค่อยเป็นการซ้อมแบบฟูลทีม
นักเตะที่เดินทางกลับไปยังประเทศตัวเอง พอกลับเข้าอังกฤษมาก็ต้องโดนกักตัว 14 วันก่อนด้วย นั่นก็จะเป็นช่วงที่ต้องซ้อมเดี่ยวกันไปล่ะครับ
แน่นอนว่าคุณจะต้องเจอกับปัญหาเรื่องความฟิตของนักเตะ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะ 100 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม และเมื่อคุณเล่นฟุตบอลแบบไม่ฟิต อาการบาดเจ็บก็จะมาเยือน
นี่เองที่ทำให้พรีเมียร์ลีกเมื่อคัมแบ็กกลับมาแข่งขันกันอีก 92 เกมที่เหลืออาจจะอนุโลมให้มีการเปลี่ยนผู้เล่นสำรองได้ 5 คน แต่ตรงนี้ก็โดนค่อนขอดอีกว่านี่มันเป็นช่วงแข่งจริงหรือปรีซีซั่นกันล่ะนั่น
ผลประโยชน์ของฟุตบอลอังกฤษอยู่ในระดับมหาศาลดังนั้นโอกาสที่จะเป็นแบบลีกดัตช์ที่ "ตัดจบ" ไปเลยคงเป็นไปได้น้อยมากล่ะครับ เพราะฉะนั้นแฟนๆ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สบายใจได้เปราะหนึ่ง
ทว่าถ้าเกิดไวรัสโควิด-19 มันดันระบาดกับนักเตะในช่วงที่กลับมาแข่งขันใหม่ อันนั้นก็ตัวใครตัวมัน แน่นอนครับไม่มีใครต้องการจะให้เกิดขึ้น แต่ถ้ามันเป็นเหตุสุดวิสัย ถึงตรงนั้นเราก็ค่อยมาว่ากัน
อย่างแรกเลยรอดูครับว่าวันศุกร์ที่กำลังจะมาถึงจะมีอะไรคืบหน้าไปบ้าง จะถึงขั้นกำหนดวันเพื่อให้รัฐบาลอังกฤษพิจารณาว่าไฟเขียวเลยหรือไม่ ซึ่งของแบบนี้ก็ต้องทำใจเผื่อไว้หน่อย เพราะดูเหมือนแนวโน้มว่าประเทศอังกฤษจะ "เข้มงวด" กับเรื่องไวรัสโควิด-19 มากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
รูปแบบของฟุตบอลมันขัดกับกฏการรักษาระยะห่างทางสังคมแบบเต็มๆ ดังนั้นถ้าจะเจอรัฐบาลอังกฤษหักดิบทำให้ผิดหวังก็ต้องยอมรับกันไป
นาทีนี้เหมือนเดิมครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้
"แมวเพชร"
