:::     :::

คุยกับ "รักษ์พล สายเนตรงาม" : ปรากฎการณ์โต๊ะเล็กลีกแดนอิเหนา

วันอังคารที่ 28 เมษายน 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,952
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากพูดชื่อของ "โค้ชหมี" รักษ์พล สายเนตรงาม แฟนบอลไทยคงนึกถึงบทบาทกุนซือ ชลบุรี บลูเวฟ มหาอำนาจวงการโต๊ะเล็กไทย ที่มีหลายๆ คนเคยตั้งเครื่องหมายคำถามว่า ความแข็งแกร่งของ "ฉลามโต๊ะเล็ก" นั้นเกิดจากฝีมือโค้ชหรือคุณภาพนักเตะที่อุดมไปด้วยแข้งชั้นนำของเมืองไทยกันแน่ แต่จากผลงานล่าสุดที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปคุม แบล็ค สตีล สโมสรในฟุตซอลลีกของ อินโดนีเซีย ในช่วงที่ทีมมีปัญหานักเตะทีมชาติย้ายออกยกทีมและมีแต่เสียงทักท้วงว่าเขาอาจต้องเอาชื่อไปทิ้ง ทว่า "โค้ชหมี" พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการปั้นแต่งผู้เล่นเท่าที่มี สร้างสถิติ ชนะ 13 เสมอ 1 ไม่แพ้ใคร คว้าแชมป์โซนในฤดูกาลปกติได้อย่างเหนือความคาดหมาย วันนี้ผมมีบทสนทนากับโค้ชหนุ่มวัย 41 ปีผู้นี้มาให้ได้ติดตามกัน

แมน : สวัสดีครับโค้ชหมี พอดีพี่ตั้ม (ธรากร เขยนอก อดีตกองหลังเยาวชนทีมชาติไทยและเอเจนต์ชื่อดัง) เพื่อนพี่เขาบอกว่าพี่อยากฝากข่าวผมให้ช่วยเหลือคนไทยที่ติดอยู่ที่อินโดครับ เรื่องมันเป็นยังไงนะพี่

โค้ชหมี : ครับ ด้วยสถานการณ์โควิดในตอนนี้ มีกลุ่มน้องๆ นักศึกษา ที่อยากเดินทางกลับ แต่ยังไม่รู้ความชัดเจนว่าจะได้กลับตอนไหน เพราะก่อนหน้านี้มีกลุ่มดาวะห์ (กลุ่มผู้เผยแพร่ศาสนา) ที่เดินทางจากอินโดไปไทย ประมาณ 60 คน แล้วปรากฎว่ามีผู้ติดเชื้อถึง 41 คน ทีนี้ยิ่งยากเลยที่ทางการไทยจะอนุญาตให้คนที่นี่เดินทางกลับ แล้วหลายๆ คนก็เริ่มประสบปัญหาในการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เรื่องค่าใช้จ่ายก็ส่วนหนึ่ง แล้วก็กังวลเรื่องการติดเชื้อด้วย เพราะสถานการณ์ที่นี่รุนแรงกว่าเมืองไทย มีผู้ติดเชื้อเพิ่มแต่ละวันหลายร้อยคน มีบางคนประสานงานกับสถานทูตไทยประจำอินโดนีเซียแล้ว แต่็ก็ยังไม่มีฟีดแบ็คที่ชัดเจน พี่เลยอยากฝากข่าวไปเผื่อใครที่อยู่เมืองไทยสามารถช่วยน้องๆ กลุ่มนี้ได้ครับ (ล่าสุดทางสถานทูตไทย ณ กรุงจาการ์ตาได้ประสานงานช่วยเหลือแจ้งไปยังรัฐบาลไทยแล้ว โดยอยู่ในระหว่างรอการอนุมัติในการเดินทางกลับต่อไป)

แมน : ได้พี่ เดี๋ยวลงข่าวให้ครับ แล้วตัวพี่หมีเองล่ะ ต้องการเดินทางกลับด้วยมั้ย

โค้ชหมี : ของพี่ยังครับ น่าจะอยู่ต่ออีกซักเดือนตามสัญญาด้วย ตัวพี่ไม่เดือดร้อนอะไรมากเพราะทางสโมสรที่จ้างพี่เขายังจ่ายค่าจ้างให้ตามปกติเหมือนเดิมครับ

แมน : ว่าจะถามพี่เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ได้ข่าวว่าพี่ไปคุมสโมสร แบล็ค สตีล ในฟุตซอลลีกของอินโดใช่มั้ยครับ แล้วเห็นว่าได้แชมป์เลยด้วย ทั้งที่ทีมเสียนักเตะทีมชาติไปยกทีม เรื่องมันเป็นยังไงนะครับ


โค้ชหมี : สโมสร แบล็ค สตีล ครับ อยู่ในเมืองยอร์คยาการ์ตา จริงๆ แล้วฤดูกาลยังไม่จบนะครับ คือลีกที่นี่เขาจะมีฤดูกาลปกติก่อน เขามีทั้งหมด 16 ทีม แบ่งเป็น 2 กรุ๊ป กรุ๊ปละ 8 ทีม ซึ่ง แบล็ค สตีล เนี่ยอยู่ในกลุ่มเอ แข่งในฤดูกาลปกติครบแล้ว 14 นัด ชนะ 13 เสมอ 1 ได้อันดับ1 รอไปแข่งในรอบไฟนอลโฟว์ (4 ทีมสุดท้าย) เพื่อชิงแชมป์ใหญ่อีกครั้ง แต่มาเจอสถานการณ์โควิดซะก่อน เลยยังไม่ได้แข่งครับ

แมน : อ๋อก็คือเอาแชมป์กับรองแชมป์ของทั้ง 2 กรุ๊ป มาแข่งไขว้กัน ชนะเข้าชิง แพ้ชิงที่ 3 ถูกมั้ยครับ เตะแบบเหย้าเยือนใช่มั้ย

โค้ชหมี : ใช่ครับจะเตะรอบละ 2 นัด ที่นี่เขาจะแข่งกันทุกเสาร์อาทิตย์ ตอนฤดูกาลปกติก็เป็นแบบนี้ ไม่เชิงเตะแบบเหย้าเยือนนะ แต่จะเล่นสนามกลาง เช่นถ้าสัปดาห์นี้เสาร์อาทิตย์แข่งที่ ยอร์คยาการ์ตา สัปดาห์ถัดไปก็อาจจะไปเตะที่จากาตาร์ จะได้ตัดปัญหาเรื่องการเดินทางไกลๆ เพราะที่อินโดประเทศเขาใหญ่ และแต่ละเมืองอยู่ห่างกัน ถ้าเดินทางเยอะมันจะลำบากมากๆ 

แมน : แล้วที่ว่าก่อนไปทีมมีนักเตะทีมชาติพากันย้ายออกยกทีมนี่จริงมั้ยครับ

โค้ชหมี : ใช่ครับ จริงๆ สโมสรนี้เคยเป็นแหล่งรวมของพวกทีมชาติอินโด แต่ก่อน กฤษฎา วงศ์แก้ว, ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ก็เคยย้ายมาเล่นทีมนี้ แต่ก่อนจะเริ่มฤดูกาลนี้เกิดปัญหาขึ้นมา พวกตัวทีมชาติประมาณ 8 คนย้ายออกไปทีมอื่นกันหมด ตอนที่พี่เข้ามาก็ต้องปั้นทีมกันใหม่เลย ไม่มีตัวทีมชาติซักคนเดียว 


แมน : ระดับของตัวทีมชาติอินโดกับคนอื่นๆ นี่มีความห่างชั้นกันเยอะมั้ยครับ

โค้ชหมี : ห่างพอสมควรเลยนะ ผมก็ต้องเน้นไปที่เรื่องความเข้าใจแท็กติกเป็นพิเศษ และทุกๆ คนก็ตอบรับกันได้ดีมากๆ คือตอนผมจะมาคุมทีม คนที่รู้จักก็เตือนกันเยอะว่าตอนนี้ไม่น่ามาทีมนี้เลยเดี๋ยวจะเอาชื่อมาทิ้งเปล่าๆ  แต่ทางท่านประธานสโมสรก็ยืนยันกับผมว่าจะช่วยเต็มที่ ไม่ยอมให้เสียชื่อแน่นอน เขาก็ดึงนักเตะต่างชาติเป็นบราซิลมา 2 คน ซึ่งแต่ละคนนี่ก็ระดับท็อปๆ ของลีกบราซิลเหมือนกัน มีที่เคยติดทีมชาติชุดใหญ่ของบราซิลด้วย

แมน : ประมาณ ซาปา ของ ชลบุรี บลูเวฟ มั้ยครับที่เคยติดทีมชาติบราซิล

โค้ชหมี : เกรดสูงยิ่งกว่า ซาปา อีกครับ เป็นตัวระดับท็อปๆ ที่ลงเล่นทีมชาติประจำเลย  

แมน : อ้าวแล้วไม่ดึงนักเตะไทยไปเล่นด้วยล่ะพี่ พวก ชลบุรี บลูเวฟ เพราะช่วงที่ลีกอินโดเตะ ฟุตซอลไทยลีกก็ยังไม่เริ่มเลย

โค้ชหมี : ตอนนั้นทีมติดแข่งชิงแชมป์เอเชียพอดีไง ถ้าไม่ติดแข่งพี่ก็ต้องดึงมาอยู่แล้ว

แมน : อ๋อครับ การที่ทีมทำสถิติชนะ 13 เสมอ 1 ไม่แพ้ใคร นี่ดูผลงานเหมือนทิ้งทีมอื่นๆ ไปไกลเลยนะครับ ถ้าดูจากสถิติคือไม่มีใครสู้ได้เลยนะ 

โค้ชหมี : อีกโซนทีมอันดับ 1 ก็แบบนี้เหมือนกันครับ ชนะ 13 เสมอ 1 เหมือนกัน ซึ่งเขาคาดกันว่า แบล็ค สตีล กับทีมนี้ (SKN FC) น่าจะเข้าไปชิงกัน แต่ดันมาเจอโควิดซะก่อน ไม่งั้นป่านนี้ก็แข่งจบไปแล้วเพราะกำหนดการนัดชิงจะแข่งกันตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมาแล้ว 

แมน : นักเตะทีมชาติย้ายออกไปอยู่ทีมอื่นหมด การทำสถิติแบบนี้ ที่นั่นเขาถือว่าพี่เป็นปรากฎการณ์เลยมั้ย

โค้ชหมี : จะว่าอย่างนั้นก็ได้นะครับ แบล็ค สตีล เขาเป็นทีมที่ห่างเหินการเป็นแชมป์มานาน (เคยได้แชมป์ลีก 1 ครั้งในปี 2016) ปีนี้ก็ไม่ได้คาดคิดกันไว้ว่าจะประสบความสำเร็จเพราะตัวทีมชาติย้ายออกหมด พอผลงานดีเวลาไปแข่งแล้วตอนจบเกม แฟนบอลเขาก็พากันร้องเพลงเรียกชื่อผม "โค้ชหมีๆๆๆ" ที่นี่กระแสกองเชียร์ดีมากครับ แต่ละนัดคนดูเต็มความจุตลอด เรียกว่าสนามจุเท่าไหร่คนก็เต็มทุกครั้ง เรื่องนี้ต้องชมคนอินโดเลยว่าเขามีอารมณ์ร่วมกับการเชียร์กีฬาสูงมาก


แมน : สนามฟุตซอลก็น่าจะเป็นยิมเนเซียม ที่ว่าเต็มความจุตลอดนี่ประมาณกี่พันคนครับ คนดูของฟุตซอลกับฟุตบอลที่นั่นเป็นกลุ่มเดียวกันหรือเปล่า ถ้าแข่งชนกันคนดูไม่หนีไปดูฟุตบอลหมดเหมือนที่บ้านเราหรอ

โค้ชหมี : เป็นยิมเนเซียมครับ ส่วนใหญ่ก็หลักพัน ถ้าที่เมืองหลวงอย่าง จาการ์ตา จะมีสนามใหญ่จุได้เป็นหมื่นคน เวลามีแข่งก็เต็มเหมือนกันครับ คือเขาจะจัดแข่งเสาร์-อาทิตย์ ทีมนึงแข่งสัปดาห์ละ 2 นัด คู่แรกเริ่มตั้งแต่ 11 โมง เขาจัดเวลาแข่งไม่ให้ชนกับฟุตบอล คนดูก็มีบางส่วนที่เป็นแฟนบอลโต๊ะใหญ่เหมือนกัน แต่ก็มีที่เชียร์โต๊ะเล็กอย่างเดียวก็เยอะนะ วันไหนที่มีการแข่งขัน เชื่อมั้ยว่าคนมารอจองที่นั่งกันตั้งแต่ตี 4 เลยนะ เพราะที่นี่ตั๋วเขาไม่ได้ระบุที่นั่ง ใครมาก่อนก็เลือกที่นั่งได้ก่อน แล้วห้ามลุกไปไหนเลย ไปฉี่ก็ไม่ได้ ถ้าลุกปั๊บโดนแย่งที่ทันที

แมน : ย้อนกลับมาถามเรื่องการไปรับงานที่อินโดก่อน คือพี่หมีอยู่กับ ชลบุรี บลูเวฟ มาตลอด ทำไมปีนี้ถึงตัดสินใจย้ายออกไป (ตอนนี้โค้ช ชลบุรี บลูเวฟ คือ คาร์ลอส เซซาร์ นูเนซ การ์โก้ ชาวสเปน) 

โค้ชหมี : 2 ฤดูกาลหลังสุดพี่ทำ บลูเวฟ ไม่ได้แชมป์ ก็คิดว่าถึงเวลาที่เราควรออกมาเพื่อรับผิดชอบผลงานนะ จริงๆ มีแต่คนพูดว่าทำ บลูเวฟ ยังไงก็ต้องแชมป์เพราะรวมตัวทีมชาติเอาไว้ทั้งทีม แต่ตอนนี้ที่การท่าเรือ ขึ้นมาเบียดแชมป์ ตัวหลักที่ย้ายไปก็จาก บลูเวฟ เหมือนกัน แล้วการท่าเรือ มี เลิศชาย (อิศราสุวิภากร) ไปคุมเกมรับได้ดีด้วย 

แมน : พูดถึงปูลปิสที่กลับมาทำทีมชาติไทย อันนี้ก็มีหลายๆ คนเคยวิจารณ์กันว่าเราพายเรือวนในอ่างหรือเปล่า มีบางคนพูดว่าพอนึกอะไรไม่ออกก็ต้องเรียกปูลปิสกลับมา ทำไมไม่หาโค้ชใหม่ๆ บ้าง พี่หมีคิดว่าไง


โค้ชหมี : คนที่พูดคงไม่รู้ประวัติของปูลปิสว่าเขาอยู่ระดับไหน เขาคือโค้ชที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดคนนึงในลีกสเปน ที่ได้รับการยกให้เป็นลีกที่ดีที่สุดของโลก เขาเคยพาทีม ซานติอาโก้ คว้าแชมป์ยุโรปมาแล้ว บอกได้เลยว่าถ้าเราไม่จ้างเขา ทีมใหญ่ๆ อีกหลายทีมก็พร้อมจะดึงเขาไปคุมทันที แล้วเป็นโชคดีของพี่มากๆ นะที่มีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิด ได้เรียนรู้งานกับเขาโดยตรงมาอย่างยาวนาน เขาคือครูของพี่คนนึงเลย 

แมน : มันจะมีอยู่ช่วงนึงที่ทีมชั้นนำในเอเชียจะวนโค้ชใช้งานกันอยู่ 3 คนคือ ปูลปิส, บรูโน่ การ์เซีย ฟอร์โมโซ่ และ มิเกล โรดริโก้ อย่าง เวียดนาม ก็เคยใช้ทั้ง บรูโน่ และ มิเกล มาแล้ว ปูลปิสก็เคยไปคุมอุซเบกิสถาน มิเกล หรือ วิคเตอร์ เฮอร์มันส์ นี่ก็เคยคุมไทยกับ อินโดนีเซีย 

โค้ชหมี : 555 ใช่ครับ มันก็เป็นช่วงนึงแต่ตอนนี้ อินโด เขาใช้โค้ชญี่ปุ่นแล้วนะ (เคนสึเกะ ทากาฮาชิ) มิเกลก็ไม่ได้คุมเวียดนามแล้ว (ตอนนี้โค้ชเวียดนามคือ ผ่ำ มินห์ เจียง ส่วน มิเกล กลับสเปนไปแล้ว) 

แมน : อ้าวอินโดไม่ได้ใช้คนที่เป็นผู้ช่วยของวิคเตอร์แล้วหรอครับ ที่หล่อๆ เป็นกระแสตอนช่วงซีเกมส์น่ะพี่


โค้ชหมี : อ๋อ โยริ (โยริ แวน เดอร์ ทอร์เรน) ก่อนพี่มาก็เขานี่แหละที่คุม แบล็ค สตีล ตอนนี้เขาไม่ได้ทำงานโค้ชแล้ว โยริเขามีธุรกิจส่วนตัวอยู่ 

แมน : ขอถามหน่อยครับว่า ฟุตซอลของอินโดตอนนี้เขาตามทันหรือใกล้ตามทันไทยหรือยัง

โค้ชหมี : ยังนะถ้าเราใช้ชุดใหญ่ก็ถือว่ายังห่างอยู่พอสมควรเลย ของบ้านเราเด็กๆ มีพื้นฐานการต่อยอดที่ดีกว่า แต่ถ้าเรื่องเทคนิค, สกิล, ลูกเล่นต่างๆ พี่บอกได้เลยว่า เด็กอินโด โดยรวมอาจจะดีกว่าเด็กไทยด้วยซ้ำ ที่นี่เขาก็มีสตรีทฟุตบอล มีเตะเดินสายเหมือนบ้านเรา แต่เล่นเป็นทีมยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ 

แมน : คิดว่าจะเป็นผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน ถ้าทีมต่างๆ ในอาเซียน ตามทันหรือแซงไทยในอนาคต

โค้ชหมี : เป็นผลดีมากกว่านะ เพราะมันจะมีการแข่งขันกัน ทุกทีมก็ต้องเร่งพัฒนาขึ้นไป วันนึงที่เราแพ้เขาอาจไม่ใช่เพราะเราถอยหลัง แต่อาจเป็นเพราะทีมอื่นเขาก็พัฒนาในขณะที่เราก็พัฒนาเหมือนกัน

แมน : อาจจะเหมือนตะกร้อ ที่ถ้าให้ไทยได้แชมป์ทีมเดียวตลอดไป ความนิยมมันก็ไม่ทั่วถึง มันต้องให้เกิดการแข่งขันที่สูสีเข้มข้นมากขึ้น ต้องให้ทีมอื่นเขาพัฒนาขึ้นมาชนะเราหรือสูสีใกล้เคียงได้หลายๆ ทีมด้วย

โค้ชหมี : ใช่ ถ้าจะให้เกิดการพัฒนาและให้กีฬาชนิดนี้มีความนิยมมากขึ้นก็ต้องแบบนั้นแหละ

แมน : คือบ้านเราหลายๆ คนพอถึงจุดหนึ่งก็ต้องเลือกว่าจะเล่นฟุตซอลหรือฟุตบอล ที่นั่นก็เหมือนกันใช่มั้ยครับ

โค้ชหมี : ใช่ เหมือนกันทั่วโลกแหละ เหมือนอย่างบราซิล โรนัลดินโญ่, โรบินโญ่, เนย์มาร์ ก็เคยเตะฟุตซอลมาก่อนทั้งนั้นนะ พออายุได้ประมาณนึงเขาก็จะให้เลือกว่าจะเล่นอะไร (โรนัลดินโญ่ สมัยเล่นฟุตซอลตอนเด็กๆ https://www.youtube.com/watch?v=LuqqMtYJf50 )

แมน : โห ถ้าเลือกได้ก็คงไปฟุตบอลหมดแหละพี่ ถ้าดูแววแล้วรุ่งเพราะรายได้น่าจะต่างกันเยอะอยู่

โค้ชหมี : ส่วนใหญ่ก็คงใช่ อย่างของไทยก็มีเจ้าพี (ศศลักษณ์ ไหประโคน) กับ เจ้าเตอร์ (วีรเทพ ป้อมพันธ์ เจ้าของฉายา "ซ้ายผ่านตลอด") 2 คนนี้มันสุดยอดของฟุตซอลเด็กเหมือนกัน แต่ก็เลือกไปเตะบอลเพราะอาจมองถึงโอกาสที่ดีกว่า แต่บางคนที่เก่งมากๆ แล้วเลือกฟุตซอลก็มีนะ เพราะเขาใจรักจริงๆ อย่าง ริคาร์ดินโญ่ ของทีมชาติโปรตุเกส ถ้าเขาจะเตะฟุตบอลพี่ว่าเขาก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน


แมน : มีข้อสงสัยมานานแล้วว่าอย่าง ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง หรือ กฤษฎา วงษ์แก้ว ถ้าเตะสนามใหญ่จะสุดยอดเหมือนโต๊ะเล็กมั้ย "กัปตันช้าง" ก็เคยเห็นไปซ้อมอยู่กับท่าเรือ แต่เพราะอะไรถึงกลับมาเล่นฟุตซอลล่ะครับ เกี่ยวกับเรื่องสภาพร่างกายหรือแท็กติกการเล่นรึเปล่า

โค้ชหมี : พี่เชื่อว่าถ้าอาร์มหรือช้างเตะสนามใหญ่ก็ระดับไทยลีกเหมือนกันแหละ อาร์มก็เคยเล่นฟุตบอลมาก่อนในตำแหน่งกองกลางนะ เหตุผลที่ไม่เปลี่ยนไปเล่นสนามใหญ่ก็เพราะเขาสร้างชื่อกับฟุตซอลแล้ว เขาเป็นหัวตรงนี้ มันสามารถไปต่อยอดอะไรได้อีกเยอะ ถ้าเล่นฟุตบอลเขาอาจจะไม่ถึงระดับท็อปก็ได้ อีกอย่างทางสโมสรเขาก็จ่ายค่าจ้างพวกนี้ในระดับเดียวกับฟุตบอลอยู่แล้ว สภาพร่างกายก็ไม่เชิง มันไม่ได้เป็นเรื่องความฟิต เพราะระดับนี้ก็ต้องฟิตอยู่แล้ว แต่ความฟิตของแต่ละชนิดกีฬาไม่เหมือนกัน ฟุตซอลมันเหมือนการรวมกันระหว่าง บาสเก็ตบอล กับ ฟุตบอล การฝึกกล้ามเนื้อการควบคุมระบบการหายใจต่างๆ ไม่เหมือนกัน

แมน : เข้าใจล่ะครับ เหมือนกับเอานักเทนนิสไปเตะบอล ซักพักก็เหนื่อย ทั้งที่นักเทนนิสแข่งแมตช์นึง 3 ชั่วโมงกว่ายังได้ สลับกันเอานักบอลไปเล่นกีฬาอื่น ก็มีหอบเหมือนกันทั้งที่อาจจะใช้เวลาเล่นน้อยกว่าตอนแข่งบอลด้วยซ้ำ

โค้ชหมี : ใช่ครับเพราะเขาฝึกมาคนละแบบกัน เอางี้ดีกว่า สมมตินะ ให้เอานักบอลทีมชาติ ตัวที่เก่งที่สุดเลย มาสลับแข่งกับนักฟุตซอลทีมชาติ ซัก 2 แมตช์ แมตช์นึงเตะฟุตบอล อีกแมตช์นึงเตะฟุตซอล แล้วเอาสกอร์ทั้งสองอย่างมารวมกันในเวลาเท่าๆ กัน พี่มั่นใจเลยว่าฟุตซอลไม่แพ้

แมน : พี่หมีเข้ามาสู่วงการฟุตซอลได้ยังไงนะครับ จำได้ว่าแต่ก่อนพี่ก็เป็นนักบอลรุ่น 17 ปีที่ไปชิงแชมป์โลกที่อียิปต์ รุ่นเดียวกับพี่เบิร์ท สุธี สุขสมกิจ, พี่บุ๊ค บำรุง บุญพรหม นี่นา สมัยนั้นจะมีพี่บัง อนุชา มั่นเจริญ ที่ไปดังเป็นพ่อมดฟุตซอล น่าจะรุ่นๆ เดียวกับพี่ 


โค้ชหมี : ใช่ครับ แต่ชุดนั้นพี่เป็นสำรองตลอดนะ พี่เล่นแบ็กขวา ตอนนั้นเบียดพี่เปิ้ล (อภิเชษฐ์ พุฒตาล) ไม่ไหวจริงๆ แต่ก่อนพี่เป็นเด็กกรุงเทพคริสเตียน เตะฟุตบอลอย่างเดียว เคยอยู่การท่าเรือมาตั้งแต่เด็ก ฟุตซอลนี่แทบไม่รู้เลยว่าเขาเล่นกันยังไง เรื่องนี้ตลกมากจะเล่าให้ฟัง คือจุดเปลี่ยนของชีวิตพี่มันมาเกิดที่ อาร์แบ็ค (มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต) แล้วก็เกี่ยวกับไอ้บัง (อนุชา มั่นเจริญ) นี่แหละ ชีวิตพี่กับบังมันเหมือนมีอะไรผูกกันไว้ตลอด เราเรียนที่กรุงเทพคริสเตียนเหมือนกัน คือตอนแรกพี่เรียนที่ม.เกษตร แต่พี่เรียนไม่ไหว อยู่แค่ปีเดียวก็ออก ซึ่งไอ้บังก็มาเรียนที่ม.เกษตรนะ แล้วพี่ย้ายไปเรียนที่สวนดุสิต ไอ้บังก็เรียนที่สวนดุสิตด้วย พี่ก็อยู่ได้ประมาณปีนึง หลังจากนั้น อาร์แบค เขามีโครงการรับนักกีฬาทีมชาติหลายๆ ประเภทเข้ามา พี่ก็เข้ามาเรียน จังหวะพอดีว่าทางมหาลัยเขาจะทำทีมฟุตซอลแล้วยังไม่มีโค้ช รู้จักโค้ชด่วนมั้ย ที่เป็นโค้ชวอลเลย์บอลทีมชาติน่ะ

แมน : โค้ชด่วน ดนัย ศรีวัชรเมธากุล น่ะหรอครับ

โค้ชหมี : ใช่ โค้ชด่วนแกเป็นหัวหน้างานพี่ แกเป็นคนสำคัญอีกคนนึงที่เปลี่ยนชีวิตพี่เลยนะ เพราะแกมอบหมายให้พี่ไปทำทีมฟุตซอลในตอนนั้น ทั้งที่พี่ยังแทบไม่รู้กติกาอะไรของฟุตซอลเท่าไหร่เลย พี่ต้องเรียนรู้ทุกอย่าง การใช้คอมพ์ทำวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่พี่ทำตอนเป็นผู้ช่วยปูลปิสก็เรียนรู้จากตอนอยู่อาร์แบคน่ะแหละ เริ่มจากงูๆ ปลาๆ จากที่ใช้คอมพ์แทบไม่เป็นเลย พวกนักกีฬาทีมชาติอย่าง ปลื้มจิตร ถินขาว หรือ วรรณา บัวแก้ว ที่เคยเรียนที่นี่ก็ต้องสอนวอลเลย์บอลเหมือนกันนะ แต่ทีนี้อาร์แบคไม่มีนักฟุตซอลเลย พี่ก็เลยไปชวนบังให้มาเรียนที่นี่ มาช่วยกันทำทีมด้วย พอมีบังอยู่ในทีม พี่ก็ได้เรียนรู้ไปด้วย แล้วชื่อเสียงของอนุชา มั่นเจริญ ตอนนั้นคือดังมากสำหรับฟุตซอล ด้วยชื่อเสียงและบารมีของบังก็เลยดึงนักเตะเก่งๆ เข้ามาในทีมได้อีก ทีมก็ประสบความสำเร็จ แล้วตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้พี่อยู่กับฟุตซอลมาตลอด ไม่เคยกลับไปทางฟุตบอลอีกเลย


แมน : ถ้าวันนั้นไม่ได้เข้าอาร์แบค แล้วไม่ได้เป็นโค้ชฟุตซอล ตอนนี้โค้ชหมีจะอยู่ตรงจุดไหนก็ไม่รู้ คิดว่าจะเป็นโค้ชฟุตบอลมั้ยครับ

ค้ชหมี : นึกไม่ออกเหมือนกัน ถ้าเป็นโค้ชฟุตบอลก็อาจจะมาได้ไม่ไกลขนาดนี้ก็ได้ เราก็เรียนรู้และเติบโตไปเรื่อยๆ จริงๆ ตอนนี้พี่อยากหันมาทำงานคุมทีมที่ต่างประเทศมากกว่าแล้วนะ โดยเฉพาะทีมชาติ แต่ทีมชาติไทยไม่ค่อยอยากทำยิ่งในระดับอาเซียนด้วย เพราะถ้าทำดีก็เสมอตัวแต่ถ้าไม่ได้แชมป์ขึ้นมามีแต่เสียอย่างเดียว

แมน : ไปคุม แบล็ค สตีล ที่อินโด ได้ค่าตอบแทนกี่หลักครับ แล้วเขามีสวัสดิการอื่นๆ ให้ด้วยหรือเปล่า เซ็นสัญญากันไว้กี่ปีครับ

โค้ชหมี : ค่าจ้างเทียบเป็นเงินบาทก็ 6 หลักครับ มีบ้านพักให้ มีรถมีคนขับให้พร้อมทุกอย่าง มีเบี้ยเลี้ยงต่างหาก พี่เซ็นสัญญาไว้ 2 ปี จริงๆแล้วฟุตซอลลีกที่นี่แข่งกันปีละ 4 เดือนเองครับ 2 ปีก็ 8 เดือนเท่านั้น ตอนแรกเขาก็จะให้ค่าจ้างพี่แค่จบฤดูกาล แต่พี่ต่อรองกับเขา ว่าขอสัญญา 2 ปี และขอเงินเดือนทุกเดือน ช่วงจบฤดูกาลอาจจะจ่ายไม่เต็มอะไรแบบนี้ ซึ่งทางสโมสรเขาก็โอเค ที่พี่ขอสัญญาแบบนี้ เพราะตอนแรกที่มาเราก็ไม่มั่นใจเรื่องความมั่นคงเท่าไหร่ เพราะอย่างที่รู้ทีมมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นเยอะมาก แล้วถ้าเกิดผลงานมันไม่ได้ออกมาดีก็ไม่รู้จะเป็นยังไง 


แมน : ประมาณว่ากันเหนียวไว้ก่อน 555 

โค้ชหมี : นั่นแหละ 555

แมน : การที่พี่ไปทำผลงานได้ดีแบบนี้ มันจะเป็นการเปิดตลาดโค้ชไทยคนอื่นๆ ให้ทางอินโดเขาจ้างไปอีกมั้ยครับ

โค้ชหมี : มีโอกาสเลยล่ะ ก็เหมือนกับฟุตบอลน่ะแหละ อย่างนักเตะไทยไปเล่นที่เจลีก ถ้าทำผลงานดี เขาก็อยากจ้างคนอื่นๆ ไปอีก ตอนนี้ทีมอื่นเขาก็เล็งๆ โค้ชไทยอยู่เหมือนกันนะ รวมถึงนักเตะด้วย

แมน : ที่ว่าอยากคุมทีมชาติ เล็งไว้ประมาณไหนครับ คือถ้าเป็นพวกชาติชั้นนำในเอเชีย อย่าง อิหร่าน, ญี่ปุ่น, อุซเบกิสถาน เขาก็คงมีอีโก้อยู่นะ เพราะไทยก็เป็นคู่แข่งเขาอยู่แล้ว

โค้ชหมี : ใช่ เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะจ้างคนไทยไป พี่ก็ตั้งใจไว้แต่ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพื่อนบ้านแถวๆ นี้ก็ได้ครับ 

แมน : โอเคครับพี่หมี คุยกันมานานเลย เดี๋ยวลงข่าวให้นะครับ ขอบคุณครับพี่ ไว้โอกาสหน้าคุยกันใหม่ครับ

โค้ชหมี : ขอบคุณมากครับแมน


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด