:::     :::

ศูนย์หน้าที่'ป๋า'ซื้อ(ตอน1)

วันพฤหัสบดีที่ 07 พฤษภาคม 2563 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
2,218
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถ้าไม่นับ โอเดียน อีกาโล่ ที่ยืมมาแก้ขัดเมื่อเดือนมกราคม ศูนย์หน้าคนสุดท้ายที่ย้ายมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องย้อนกลับไปช่วงวินเทอร์ ซีซั่น 2017-18 อเล็กซิส ซานเชซ

นั่นแสดงให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบปัญหาอย่างแรงในการควานหาศูนย์หน้าคนใหม่ ที่นอกจากจะต้องผลิตประตูอย่างคงเส้นคงวาแล้ว ยังต้องมีส่วนร่วมกับเกม และเป็นที่รักของแฟนบอลด้วย

แม้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถูกยกย่องให้เป็นตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ในอดีต การเซ็นสัญญากับกองหน้า ในช่วงเวลาของ 'เฟอร์กี้' นับตั้งแต่เข้าสู่ยุคพรีเมียร์ลีก ก็มีทั้งสมหวังและผิดหวังคละเคล้ากันไป
นับตั้งแต่คนแรกในฤดูกาล 1992-93 มาจนถึงฤดูกาลสุดท้าย 2012-13 มีศูนย์หน้าคนใดบ้างที่ถูกซื้อเข้าสู่รัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดย 'เซอร์ อเล็กซ์' และใครประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ไปหาคำตอบกันได้เลย
โจวาน คีรอฟสกี้
อันที่จริง ก็ไม่เชิงว่าเป็นศูนย์หน้าคนแรกที่ถูก 'เฟอร์กี้' ซื้อมาในยุคพรีเมียร์ลีก เพราะการเซ็นสัญญากับ คีรอฟสกี้ เป็นการดึงเข้าสู่ทีมเยาวชนตั้งแต่อายุ 16 ปี และก็ทำได้เพียงการเล่นให้ทีมสำรอง เพราะติดขัดเรื่องปัญหาใบอนุญาติทำงานในอังกฤษ
สุดท้ายศูนย์หน้าเชื้อสายมาเซโดเนียที่ครอบครัวอพยพไปตั้งรกรากที่สหรัฐอเมริกา ก็ไม่ได้ประเดิมให้ทีมชุดใหญ่ ผีแดง เลย ก่อนย้ายไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 1996
ดิออน ดับลิน
หลังจากขาย มาร์ค โรบิ้นส์ ไปให้ นอริช ด้วยค่าตัว 8 แสนปอนด์ 'เฟอร์กี้' ก็หวังเอาไว้มากกับการคว้าตัว อลัน เชียเรอร์ มาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เพราะตามจีบมานานแสนนาน แต่สุดท้ายถูก แบล็คเบิร์น ทุ่มเงิน 3.6 ล้านปอนด์ซื้อตัดหน้าไปด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติของประเทศ
'เฟอร์กี้' ถึงกับมึนตึ้บ เพราะตัวเลือกอื่น พอล สจ๊วร์ต ของ สเปอร์ส ก็ย้ายไป ลิเวอร์พูล หรือ เดวิด เฮิร์สท์ ที่ทุ่มข้อเสนอถึง 3 ล้านปอนด์ แต่ก็ถูก เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ปฏิเสธ
ในที่สุด 'เฟอร์กี้' ก็หน้ามืดไปสอย ดิออน ดับลิน ศูนย์หน้าหุ่นเสาโทรเลขมาจาก เคมบริดจ์ ที่เล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 ซีซั่นก่อนหน้านั้น ด้วยค่าตัวที่ไม่เบาทีเดียว 1 ล้านปอนด์ ในช่วงเดือนสิงหาคมปี 1992
และก็เป็นไปตามคาด ศูนย์หน้าจอมโหม่งที่เคยเล่นเซนเตอร์แบ็กมาก่อน ย้ายมานั่งสำรอง มาร์ค ฮิวจ์ส กับ ไบรอัน แม็คแคลร์ และไม่อาจโชว์ฟอร์มเก่งได้เลย บวกกับมาขาหักเพียงไม่กี่เดือนหลังจากย้ายมา ทำให้อนาคตดับเร็วกว่าที่คาดเอาไว้
เอริก ก็องโตน่า
การพลาดหวังในตัว อลัน เชียเรอร์ และการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลวของ ดิออน ดับลิน กลายเป็นแรงผลักดันอย่างแรงกล้าให้ 'เฟอร์กี้' มุ่งมั่นคว้าตัว ก็องโตน่า มาร่วมถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ให้ได้ หลังเห็นฟอร์มที่พา ลีดส์ คว้าแชมป์ลีกสูงสุด ดิวิชั่น 1 ซีซั่นก่อน
โชคเข้าข้าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ โฮเวิร์ด วิลกินสัน ผู้จัดการทีม ลีดส์ กำลังมีปัญหากับ ก็องโตน่า พอดี และเมื่อ ยูงทอง ติดต่อขอซื้อ เดนิส เออร์วิน ผีแดง ตอบปฏิเสธ และรุกทาบ 'ก็องโต้' กลับไปในทันทีทันใด
การเซ็นสัญญา ก็องโตน่า ด้วยค่าตัว 1.2 ล้านปอนด์ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลแรก เป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกของ 'เฟอร์กี้' และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดหนแรกของสโมสรนับตั้งแต่ซีซั่น 1966-67 ด้วย
5 ฤดูกาลในชุด ผีแดง ของ ก็องโตน่า คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปถึง 4 สมัย มีเพียงซีซั่น 1994-95 หนเดียวที่พลาดแชมป์ เพราะซีซั่นนั้นมีเหตุการณ์กระโดดถีบแฟนบอลที่ทำให้โดนแบนยาวด้วย
แอนดี้ โคล
หลังจากเหตุการณ์ 'กังฟูคิก' ของ ก็องโตน่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จึงต้องทุ่มเงิน 7 ล้านปอนด์เป็นสถิติใหม่ของเกาะอังกฤษ เซ็นสัญญา แอนดี้ โคล ดาวยิงตัวฉกาจจาก นิวคาสเซิ่ล แบ่งเป็นเงินสด 6 ล้านปอนด์ และอีก 1 ล้านปอนด์คือการแลกเปลี่ยน คีธ กิลเลสพี ไปให้
68 ประตูจาก 84 เกมในสองฤดูกาลครึ่งกับ นิวคาสเซิ่ล คือผลงานอันโคตรน่าทึ่งของ โคล ในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค และการครองแชมป์พรีเมียร์ลีกสองซีซั่นติด ก็เพียงพอที่จะดึงดูดใจดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 1993-94
โคล ประสบความสำเร็จสุดขีดในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย เอฟเอคัพ 2 สมัย และพีคสุดคือแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 1998-99
แม้บทสรุปกับ ผีแดง มีถึง 121 ประตูจาก 275 เกม แต่ถึงกระนั้น ในสายตาแฟนบอล บางครั้ง โคล ก็ถูกเปรียบเป็นสากกระเบือ เพราะการพลาดโอกาสจบสกอร์เยอะ เมื่อเทียบกับโอกาสที่มีมากมายก่ายกอง
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
การเซ็นสัญญากับ โซลชา กลายเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของ 'เฟอร์กี้' เลยก็ว่าได้ เพราะขณะที่ เชียเรอร์ ย้ายจาก แบล็คเบิร์น ไป นิวคาสเซิ่ล ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ เป็นสถิติใหม่ของเกาะอังกฤษ แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้เงินเพียง 1.5 ล้านปอนด์ซื้อศูนย์หน้านอร์เวย์มาจาก โมลด์ เมื่อปี 1996
เพียงแค่ซีซั่นแรกในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โซลชา ยิงกระจาย 19 ประตูรวมทุกรายการ เป็นดาวซัลโวของสโมสรซีซั่น 1996-97 ทั้งที่ 46 เกมที่ลงสนาม เป็นการลงเล่นในฐานะตัวสำรองถึง 13 เกม
'เพชรฆาตหน้าทารก' และ 'ซูเปอร์ซับ' จึงกลายเป็นฉายาของ โซลชา ที่มีส่วนสำคัญในการพาทีมครองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 1998-99 จากประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บอันลือลั่น
126 ประตูจาก 366 เกมในชุด ปีศาจแดง และแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย จึงส่งให้ โซลชา กลายเป็นตำนานของสโมสร และเป็นหนึ่งในการซื้อที่คุ้มค่าที่สุดของสโมสรด้วย
เท็ดดี้ เชอริงแฮม
จากการแขวนสตั๊ดแบบสุดช็อกวงการของ ก็องโตน่า ในปี 1997 ด้วยวัยเพียง 30 ปี ทำให้ 'เฟอร์กี้' ต้องไปหาตัวแทนที่เล่นบทบาทคล้ายคลึงกัน และไปได้ เชอริงแฮม มาจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในราคาเบาๆ 3.5 ล้านปอนด์
ซีซั่นแรกในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จบลงแบบไม่น่าประทับใจ แม้มี 14 ประตูจาก 42 เกมรวมทุกรายการ แต่เป็นเพราะการพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นหนที่ 2 จาก 6 ซีซั่นแรก
ตัวเลขการทำประตูที่น้อยนิด ประกอบกับสไตล์ที่เชื่องช้า เมื่อเทียบกับกองหน้าคนอื่นๆ ในทีม ทำให้ เชอริงแฮม ไม่เป็นที่น่าประทับใจของแฟนบอลมากนัก แต่ประตูตีเสมอ บาเยิร์น ในนัดชิงชปล. ก็พลิกชะตาของศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษให้ดีขึ้นมาในทันใด
ซีซั่น 2000-01 คือปีที่ดีที่สุดของ เชอริงแฮม กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะยิงไปถึง 21 ประตู เป็นดาวซัลโวของสโมสรซีซั่นนั้น จบด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกสามฤดูกาลติดต่อกัน ก่อนย้ายกลับ สเปอร์ส
เอริค เนฟแลนด์
หลังจากประสบความสำเร็จกับ โซลชา ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล้าที่จะเสี่ยงกับศูนย์หน้านอร์เวย์อีกคน โดยเฉพาะการได้เห็นฝีเท้าของดาวรุ่งวัย 19 ปี จากการเชิญตัวมาทดสอบผลงาน
แต่หลังจากลงเล่นซีซั่นแรก 1997-98 เพียงปีเดียว เป็นการลงตัวจริง 2 เกม และตัวสำรอง 3 เกม เนฟแลนด์ ก็ไม่มีชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่อีกเลย ก่อนขายขาดกลับสโมสรเดิม ไวกิ้ง ในปี 2000
ดไวท์ ยอร์ค
สิงหาคม 1998 'เฟอร์กี้' เซ็นสัญญา ยอร์ค จาก แอสตัน วิลล่า ในราคา 12.6 ล้านปอนด์ เป็นอีกหนึ่งการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ 'เซอร์ อเล็กซ์' ในพรีเมียร์ลีก
เพียงแค่ซีซั่นแรก ยอร์ค ระเบิดฟอร์มยิงแหลก 29 ประตูรวมทุกรายการ และมีบทบาทสำคัญกับการพาทีมคว้าสามแชมป์ พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 1998-99 โดยเฉพาะแชมป์ยุโรปที่ดาวยิงตรินิแดดฯ ซัลโวถึง 8 ประตูจาก 11 เกม
ซีซั่นถัดมา ยอร์ค ก็ยังเป็นดาวซัลโวของสโมสร 24 ประตู ก่อนที่ผลงานจะดร็อปลงมา และถูกขายไปให้ แบล็คเบิร์น ในปี 2002 หลังจากถูก 'เฟอร์กี้' ดร็อปแหลกในช่วงฤดูกาลสุดท้ายในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
*ติดตามตอนต่อไป

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด