:::     :::

ฟุตบอลพลิกชีวิต

วันศุกร์ที่ 08 พฤษภาคม 2563 คอลัมน์ ฟุตบอลข้างถนน โดย โกสุ่ย
1,464
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เด็กหนุ่มจากเมือง ลากอส เติบโตมาพร้อมความรักในเกมฟุตบอล ก่อนจะไต่เต้ากลายมาเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองของไนจีเรีย

แต่ชีวิตของเจากลับไม่ได้โรยด้วยกลับกุหลาบ เพราะสมัยเด็กต้องเจอกับความสูญเสียเมื่อมารดาได้จากโลกนี้ไปตั้งแต่ที่เขาอายุได้เพียง 6 ขวบ 

"หลังจากนั้นพ่อของผมก็ตกงาน มันเหมือนกับวันสิ้นโลกของพวกเราเลย จากที่ที่ผมมา มันยากที่จะเชื่อมั่นในอนาคตเพราะชีวิตในแต่ละวันของคุณเลวร้ายมากๆ ไม่มีใครช่วยคุณได้เพราะแต่ละคนไม่มีอะไรเลย"

นั่นคือชีวิตของ โอซีเมน ในวัยเด็กที่ต้องเสียมารดาและใช้ชีวิตกับบิดาที่เพิ่งตกงานรวมไปถึงพี่น้องรวมอีก 7 ชีวิต ซึ่งเขาต้องประทังชีวิตด้วยการเก็บขวดขาย 

แต่ชีวิตของเขาก็เกิดจุดเปลี่ยนเมื่อมารู้จัดกับกีฬาที่ชื่อว่า 'ฟุตบอล' เพราะมันได้พลิกชีวิตของเด็กที่ยากจนและลำบากให้กลายมาเป็นคนที่สามารถช่วยเหลือทุกๆ ในครอบครัวได้

จุดแจ้งเกิดของ วิคเตอร์ โอซีเมน คือฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เมื่อปี 2017 เพราะเขาระเบิดฟอร์มพา อินทรีมรกต คว้าแชมป์ มาครองพร้อมกับตำแหน่งดาวซัลโวของรายการติดตัวมาด้วย




หลายทีมต่างให้ความสนใจดาวเตะของสโมสร อัลทิเมต สไตรเกอร์ส อคาเดมี่ โดยเฉพาะ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซน่อลในตอนนั้นที่พยายามเจรจาและโน้มน้าวให้ โอซีเมน ย้ายไปเล่นที่ลอนดอน

"ผมเคยคุยกับ อาร์แซน เวนเกอร์ หลังจากายการนั้น (ฟุตบอลโลก ยู-17) จบ และเขาต้องการให้ผมย้ายไปเล่นที่ อาร์เซน่อล" โอซีเมน รำลึกถึงความหลัง

"ผมมีทางเลือกมากมายเลยล่ะ บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน, แอตเลติโก มาดริด, ยูเวนตุส และอีกมากมาย อาร์เซน่อล เป็นทางเลือกที่ดีแต่มันไม่ได้ดีที่สุดในตอนนั้น ผมต้องการลงเล่นให้เร็วที่สุดในตอนที่ผมอายุครบ 18 ปี ผมต้องการไปในที่ที่ผมมีเวลาลงสนามและพัฒนาร่างกายของตนเอง"

อย่างที่ทราบกันดี โอซีเมน ปัดข้อเสนอของบรรดายักษ์ใหญ่ก่อนจะเลือกลงเอยกับ หมาป่าเมืองเบียร์ ในเดือนมกราคมปี 2017 ด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง

"โวล์ฟส์บวร์ก ได้แสดงให้เห็นถึงเรื่องนั้น"

"นี่คือสถานที่ที่ดีที่สุดในการเรียนรู้และพัฒนาสำหรับผม เพราะจิตใจของผมอยู่ที่นี่กับ โวล์ฟส์บวร์ก"

"แผนการที่สโมสรที่ให้กับผมเป็นแรงกระตุ้นอย่างมาก และผมเชื่อพระเจ้าในตัวของผมว่าผมสามารถกลายไปเป็นนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลกได้"

แต่สิ่งที่ โอซีเมน ต้องการกลับไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ ปัจจัยสำคัญคืออาการบาดเจ็บหัวเข่าที่เล่นงานกองหน้าดาวรุ่งรายนี้และมันส่งผลไปถึงพัฒนาการและโอกาสในการลงสนามอย่างที่เขาคาดหวังไว้

อย่างไรก็ดี แม้ช่วงเวลาที่ โฟล์คสวาเก้น อารีน่า จะน่าผิดหวัง แต่ โอซีเมน ก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากกองหน้ารุ่นพี่ อาทิ มาริโอ โกเมซ และ ดิว็อค โอรีกี้ 




"ผมได้เรียนรู้จากพวกเขาอย่างมาก แม้ว่าผมจะอยู่ข้างสนาม, บนอัฒจันทร์หรือในจอโทรทัศน์ก็ตาม ผมได้เรียนรู้มากมาย และต้องการเรียนรู้มากกว่านี้ ผมยังคงมั่นใจว่า โวล์ฟส์บวร์ก เป็นสถานที่ที่เหมาะสม"

ถึงกล่าวไปเช่นนั้น แต่การที่เขาไม่ได้ลงสนามอย่างที่ตั้งใจ ทำให้มีการมองหาทางเลือกใหม่ๆ เพื่อโอกาสที่มากกว่าเดิม ซึ่งประจวบเหมาะกับที่บรรดาสโมสรในเบลเยียมได้ติดต่อไปยัง หมาป่าเมืองบียร์

ในตอนนี้มีทั้ง ซูลเต้ วาเรเกม หรือแม้แต่ คลับ บรูช ยอดทีมของเบลเยียมที่ติดต่อเข้ามา แต่ท้ายที่สุดหัวหอกชาวไนจีเรียเลือกย้ายไปเล่นให้กับ ชาร์เลอรัว แบบสัญญายืมตัว

ที่นั่น โอซีเมน กลับมาระเบิดฟอร์มด้วยการทำไป 7 ประตูจาก 12 เกมแรก ซึ่งผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องของเขาส่งผลให้ถูกเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร (ผลงานจบลงด้วย 19 ประตูจาก 34 เกม)

สิ่งที่ตามมาคือความมั่นใจที่เพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ส่งผลให้การเจรจาย้ายทีมแบบถาวรเกิดขึ้นอีกครั้ง

"ในบางครั้งความมั่นใจของผมก็ต่ำลงและการออกไปเล่นกับ ชาร์เลอรัว แบบยืมตัวทำให้ผมไม่สามารถอธิบายได้ ที่เยอรมันเป็นเรื่องยากมาก เพราะความคาดหวังที่สูง หลายๆ คนเริ่มสงสัยในตัวผมและนั่นยังทำให้ผมสงสัยในตัวเองเช่นเดียวกัน"

"ฟุตบอลในเบลเยียมช่วยเหลือผมได้มาก ผมยังมีกลุ่มนักเตะที่แสนวิเศษที่รายรอบผมรวมไปถึงทีมงานโค้ชที่ปฏิบัติกับผมได้อย่างยอดเยี่ยม ในฐานะนักเตะดาวรุ่ง คุณได้ยินคนอื่นๆ นำคุณไปเทียบกับดาวดังคนอื่นๆ ที่มาจากฟุตบอลโลกรุ่น ยู-17 และไม่สามารถเติมเต็มศักยภาพของพวกเขาได้"

"แต่ตอนนี้ที่ ชาร์เลอรัว ผมได้พบกับความสุขอีกครั้ง และผมขอขอบคุณทุกๆ คนในเบลเยียมและที่ โวล์ฟส์บวร์ก สำหรับโอกาสและแรงสนับสนุน"

มีคนเคยกล่าวไว้ว่าชีวิตคือการเดินทาง และคำกล่าวนั้นคงเหมาะกับ วิคเตอร์ โอซีเมน อย่างมาก เพราะหลังจาก ชาร์เลอรัว เจรจาคว้าตัวไปร่วมทีมแบบถาวรเมื่อหน้าร้อนปี 2019 ได้สำเร็จ ไม่ทันไรเขาก็ต้องเก็บข้างของย้ายประเทศอีกครั้ง

ลีลล์ มองเห็นศักยภาพและเดินหน้าในการเจรจาดึง โอซีเมน ไปร่วมทีม เนื่องจากทีมตราหมากำลังมองหาตัวแทนของ ราฟาเอล เลเยา ที่ถูกปล่อยตัวไปให้ เอซี มิลาน 




มันคือภารกิจของทีมสรรหานักเตะที่ต้องมองหาตัวแทนของกองหน้าชาวโปรตุเกส ซึ่งพวกเขาลงความเห็นความ โอซีเมน คือทาวเลือกที่เหมาะสม ก่อนจะเจรจาดึงมาร่วมทีมเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา

"ลีลล์ เป็นสโมสรที่ดีมากๆ ซึ่งพวกเขามีแผนงานที่มีคุณภาพ รวมไปถึงนักเตะระดับสูง และนอกจากนั้นมีนักเตะไนจีเรียฝีเท้าดีมากมายที่เคยเล่นที่นี่ (ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ และ วิคเตอร์ เอ็นเยียม่า) ผมอยากจะอยู่ในเส้นทางเดียวกับพวกเขาและเดินตามรอยเท้าพวกเขา ผมมีความสุขกับการได้อยู่ที่นี่และร่วมงานกับสโมสรที่ยอดเยี่ยมแห่งนี้ ผมยังหนุ่ม ผมกำลังเรียนรู้และคิดว่าแผนงานนี้เหมาะกับผมมากในการเดินหน้าต่อไป"

สัญญาณสำคัญของการมาที่ ลีลล์ คือในตอนที่ คริสตอฟ กัลติเย่ร์ นายใหญ่ของสโมสรเดินเข้ามาและประกาศกับทาง โอซีเมน 'นายคือแกนหลักของทีม'

"ในตอนที่ผมมายังสโมสรหนแรก เขาคุยกับผมและบอกว่าผมจะเป็นส่วนสำคัญของทีม ก่อนที่ผมจะลงสนามเขาบอกว่าเขาได้ดูผมหลายๆ ครั้งเลยตอนที่เล่นให้ ชาร์เลอรัว สำหรับนักเตะหนุ่มแบบผม มันไม่มีอะไรที่กระตุ้นตนเองได้ดีไปกว่านั้น"

"เขายอดเยี่ยมกับผมตั้งแต่วันแรกแม้ว่าผมจะเล่นไม่ได้ดีก็ตาม เขาพูดกับผม อธิบายถึงความผิดพลาดและพยายามช่วยให้ผมพัฒนาในการฝึกซ้อม ผมพยายามตอบแทนกับสิ่งที่เขาให้กับผมทุกๆ วันในสนาม และผมอยากให้เขามีความสุขกับผลงานของผม เขาเป็นหนึ่งในคนที่ออกแบบเส้นทางอาชีพของผมและผมจะไม่ลืมเรื่องนั้น"

บางครั้ง ชีวิตของคนเราก็ต้องการจุดเปลี่ยนเช่นนี้ จุดที่เปลี่ยนให้ชีวิตดีขึ้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องมาจากความตั้งใจและความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้





สำหรับ วิคเตอร์ โอซีเมน เขาได้เดินทางมายังเส้นทางตั้งใจไว้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น แต่มันทำให้เขารู้สึกอิ่มเอิบและมุ่งมั่นในการเดินหน้าไปยังจุดที่ไกลกว่าและสูงกว่านี้

"ตอนนี้ผมสามารถมอบทุกๆ สิ่งที่ครอบครัวต้องการได้แล้ว ตั้งแต่ที่ผมมาเป็นนักเตะอาชีพ ผมสามารถทำให้พวกเขาออกจากปัญหาได้เร็วที่สุดและมอบชีวิตในแบบที่พวกเขาสมควรได้รับ มันคือความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิต"

นั่นคือความสำเร็จแรกของ โอซีเมน ในการให้พี่น้องและครอบครัวของเขาได้ลืมตาอ้าปากและหลุดพ้นกับความยากลำบากที่เกาะกินพวกเขามานานหลายปี

เส้นทางหลังจากนี้ของ โอซีเมน คือการเดินหน้าไปยังเส้นทางสายนักฟุตบอล มันยังมีอะไรอีกมากมายให้เขาพิสูจน์ และเชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นความมุ่งมั่นและเป้าหมายของหัวหอกรายนี้เช่นเดียวกัน


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด