:::     :::

บุนเดสลีกามาแล้ว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นอันว่า "บุนเดสลีกา" ของเยอรมันได้กลายเป็นลีกใหญ่ลีกแรกในยุโรปที่มีมติอย่างเป็นทางการให้กลับมาแข่งกันต่อ พร้อมล็อกคิวเสร็จสรรพเริ่มรีสตาร์ตกันในวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคมนี้

ลีกสูงสุดเมืองเบียร์เว้นวรรคเอาไว้ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เหมือนเช่นเกือบทุกลีกทั่วยุโรปโดยเฉพาะลีกใหญ่ด้วยกันอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลา ลีกา สเปน, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ ลีก เอิง ฝรั่งเศส

การคัมแบ็กของบุนเดสลีกาได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีหญิง แองเกล่า แมร์เคิ่ล ที่ผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์หลายอย่างโดยเฉพาะการแข่งขันกีฬา

นางแมร์เคิ่ลระบุคำว่า "บุนเดสลีกา" ชัดเจนเพราะถือว่าเป็นกีฬาที่อยู่ในความสนใจ เกี่ยวข้องกับหลายคน และเป็นการยกตัวอย่างให้เห็นภาพ 

การตัดสินใจให้ฟุตบอลกลับมาแข่งขันกันได้ถือว่าสำคัญอย่างมากและสะท้อนถึงการรับมือกับไวรัสตัวปัญหาได้ดีระดับหนึ่งของประเทศที่หากดูเฉพาะยอดผู้ติดเชื้อสะสมแล้วก็สูงติดท็อป 5 ของยุโรปที่ตัวเลข169,663 ราย น้อยกว่า สเปน ที่ติดมากสุดของยุโรปไม่ถึงห้าหมื่น 

แต่ที่ต่างกันมากคือยอดผู้เสียชีวิตเพราะในเยอรมันมีเพียง 7,393 คน ส่วนสเปนทะลุ 25,000 ไปแล้ว (อิตาลี กับ ยูเค มากกว่า 30,000 ราย) 

รัฐบาลเยอรมันจึงมองว่า "เอาอยู่" และอยากให้การดำเนินชีวิตของผู้คนกลับมาปกติโดยเร็วที่สุด อีกปัจจัยสำคัญคือการกลับมาของ บุนเดสลีกา และลีกรองอย่าง ลีกา สอง จะช่วย 36 สโมสรที่เสียรายได้จำนวนมากไปก่อนหน้านี้ ได้มีค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดกลับคืนเพื่อจุนเจือสโมสรบ้าง

นางแมร์เคิ่ลให้กรอบเวลาเอาไว้ว่าเป็น "ครึ่งเดือนหลัง" ของเดือนพฤษภาคมก่อนที่ ฟุตบอลลีกเยอรมัน หรือ เดเอฟแอล จะกำหนดวันที่ชัดเจนคือ 16 พฤษภาคมซึ่งตรงกับวันเสาร์พอดี ไม่ใช่วันศุกร์ที่ 15 พ.ค. อย่างที่มีการกะเก็งกันไว้ก่อนหน้านี้ 

ช่วงที่ผ่านมา การจะกลับมาเตะอีกรอบของบุนเดสลีกาถูกตั้งคำถามไม่น้อยเพราะก่อนหน้าที่รัฐบาลจะให้ไฟเขียวฟุตบอลลีก ในแคมป์โคโลญจน์ที่ต้องตรวจร่างกายทั้งนักเตะและสตาฟฟ์โค้ชก็พบว่าติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 3 ราย 

ถัดจากนั้นไม่นาน ฟุตบอลลีก ก็ยืนยันเองว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีก 10 ราย หลังจากตรวจกลุ่มนักเตะและทีมงานจาก 36 สโมสร (2 ลีกสูงสุด) จำนวน 1,724 คน 

นอกจากนี้ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่ตัดสินใจเลือก "ตัดจบ" หยุดการแข่งขันเอาไว้เพียงแค่นี้พร้อมมอบตำแหน่งแชมป์ให้จ่าฝูงที่นำโด่งอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ก็เป็นการตัดสินใจที่ส่งสัญญาณถึงฝั่งเยอรมันให้ต้องถามตัวเองซ้ำอีกรอบว่าจะเดินหน้าต่อจริงๆ อย่างที่ต้องการหรือไม่ 

ท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลก็ยืนยันให้ฟุตบอลสามารถกลับมารีสตาร์ตกันได้ และนับจากวันนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงสัปดาห์ที่เราจะได้ดูฟุตบอลกันแล้วหลังห่างหายไปนาน 2 เดือนเต็ม 

แน่นอนว่า บุนเดสลีกา หรือบางลีกที่พยายามจะกลับมาจะไม่ใช่ฟุตบอลในแบบเดิมที่เราคุ้นเคยเพราะหลักใหญ่ใจความสำคัญอย่างแรกคือจะเป็นการแข่งแบบปิดสนาม ไม่ให้แฟนบอลเข้าชมเกมซึ่งเป็นทางออกที่ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันมานานแล้ว

ในแต่ละนัดจะอนุญาตให้นักฟุตบอล และทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งสตาฟฟ์โค้ช, เจ้าหน้าที่ต่างๆ, นักข่าวฯลฯ รวมกันประมาณ 300 คน และต้องปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข "อย่างเคร่งครัด"


แคมป์โคโลญจน์ซ้อมกันต่อแม้มีติดเชื้อ 3 ราย

แต่ละทีมในบุนเดสลีกาได้เริ่มฝึกซ้อมแบบเดี่ยวๆ กันตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา จากนั้นขยับสเต็ปเป็นการซ้อมกลุ่มย่อย และซ้อมทีมเต็มรูปแบบตามลำดับ และก่อนการฝึกซ้อมก็มีการตรวจร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อไวรัส

ด้วยมาตรฐานการทำงานในแบบเยอรมันแล้วก็แน่ใจได้ระดับหนึ่งว่าเทสต์แล้วเทสต์อีกหลายรอบ อย่างในกรณีของ 3 คนในแคมป์แพะบ้าก็ต้องกักตัวทันที ส่วนที่เหลือยังสามารถซ้อมกันต่อได้

ขั้นตอนอื่นๆ ทั้งก่อนแข่งและหลังแข่งก็เปลี่ยนไปทั้งหมดเช่น การแถลงข่าวจะเป็นแบบออนไลน์ ไม่ต้องมาสุมหัวในห้องนักข่าวกันอีกต่อไป แต่ละสัปดาห์นักเตะจะถูกจับตรวจหาเชื้ออย่างน้อย 1 ครั้ง

ไม่มีการสัมผัสมือหรือร่างกายใดๆ ก่อนการแข่งขัน แต่ในการแข่งขันที่ต้องปะทะทั้งร่างกายและอาจรวมถึงโต้เถียงกัน แต่ละสโมสรก็ต้องกำชับนักเตะตัวเองว่าให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดแม้รู้ดีไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ตาม 

สตาฟฟ์โค้ชและผู้เล่นสำรองต้องสวมหน้ากากป้องกันอยู่ตลอด โดยทางเดเอฟแอลผ่อนปรนสำหรับเฮดโค้ชที่สามารถถอดหน้ากากได้ตอนตะโกนสั่งข้างสนาม แต่ต้องอยู่ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร 

นี่คือข้อปฏิบัติคร่าวๆ ที่ทุกทีมต้องปฏิบัติตาม และทางเดเอฟแอลก็ระบุสิ่งที่ต้องทำทั้งหมดให้กับทุกสโมสรไปเป็นที่เรียบร้อยเพื่อให้การกลับมาแข่งรอบนี้ไม่กลายเป็นกิจกรรมที่มีความเสี่ยงและนำไปสู่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

นัดรีสตาร์ตในวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคมนี้จะเป็นนัดที่ 26 ของฤดูกาล ส่วนนัดที่ 34 หรือนัดสุดท้ายถูกกำหนดเอาไว้ในสุดสัปดาห์ที่ 27-28 มิถุนายน ซึ่งหากเป็นไปตามกำหนดที่วางเอาไว้ก็จะเป็นการเลี่ยงปัญหาสำหรับนักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาในสิ้นเดือนมิถุนายน 

คงต้องตามเชียร์และตามดูกันว่า บุนเดสลีกา ในยุค "New Normal" จะมีบรรยากาศในการแข่งขันที่ต่างไปจากเดิมมากเพียงใด และสมกับการรอคอยของแฟนบอลหรือไม่? 


รีสตาร์ตด้วยเกมบิ๊กแมตช์ ดอร์ทมุนด์ ดวล ชาลเก้

โปรแกรมการแข่งขันในนัดที่ 26  

  วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2563 

ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ vs  พาเดอร์บอร์น

เอาก์สบวร์ก vs โวล์ฟสบวร์ก

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ vs  ชาลเก้ 04

ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต vs  โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค

ฮอฟเฟ่นไฮม์ vs แฮร์ธ่า เบอร์ลิน

แอร์เบ ไลป์ซิก vs ไฟร์บวร์ก

 

  วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม 2563 

โคโลญจน์ vs ไมนซ์ 05

อูนิโอน เบอร์ลิน vs บาเยิร์น มิวนิค

 

  วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม 2563 

แวร์เดอร์ เบรเมน vs ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด