แม้จะเสียดาย 2 แต้มที่หล่นหายไปในนัดพบ เชลซี ทว่าอีกเพียง 4 วันให้หลัง หงส์แดงก็กลับมาคว้าชัยได้ตามเป้า

    หลายคนบอกการไปเยือนเบ็ท365 สเตเดี้ยม หรือชื่อเก่าบริทานเนีย ไม่ใช่งานง่าย ทว่ามองจากสถิติในช่วงหลังหากไม่นับท้ายซีซั่น 2014-15 ที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พาทีมบุกไปโดนถล่ม 6-1 นอกนั้นส่วนใหญ่ ลิเวอร์พูล กินเรียบ

    นับตั้งแต่เดอะ พ็อตเตอร์ส เปลี่ยนมือกุนซือจาก โทนี่ พูลิส มาเป็น มาร์ค ฮิวจ์ส พวกเขาเหมือนจะแพ้ทางฝั่งแดงจากเมอร์ซี่ย์ไซด์มาโดยตลอด

    บอลของกุนซือเวลส์ไม่ได้เป็นของแสลงสำหรับ ลิเวอร์พูล สักเท่าไหร่ การเล่นบนพื้นเป็นหลัก และใช้วิธีเจาะตามช่องคือสิ่งถนัดที่หงส์แดงสามารถเอาอยู่

    และเกมเมื่อดึกวันพุธก็เป็นแบบนั้นอีกครั้ง

    หลังจากต้องกรำศึกหนักทั้งใน และนอกประเทศ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกใช้วิธีโรเตชั่นมาตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่แชร์แต้มสิงห์บลูส์ ซึ่งพอถึงเกมนี้ กุนซือเยอรมันก็ทำแบบนั้นอีกครั้ง

^{การโรเตชั่นของคล็อปป์ได้ผลดี}

    ดาวซัลโวของทีม และพรีเมียร์ลีกอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ติดสนับก้นบนม้านั่งสำรอง พร้อม ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

    ตายห่า!

    นั่นคือสิ่งที่เดอะ ค็อปส่วนใหญ่คิดในหัว

    สองแข้งที่ดีที่สุดในทีมถูกจับวางไว้ที่ข้างสนาม และแบบนี้จะไหวเหรอวะ

    ???

    โชคดีที่ สโต๊ค เล่นเกมรับลึกไม่เป็น พวกเขายืนในระบบสามเซนเตอร์ โดยอาจได้เกมรับเสริมจากวิงสองฝั่งอย่าง มาเม่ บิราม ดิยุฟ และ เอริก ปีเตอร์ส

    โอเค ปีเตอร์ส น่าจะถนัดเกมรับอยู่ เพราะนี่คือฟูลแบ็กอาชีพโดยกำเนิด ผิดกับ ดิยุฟ ที่เติบโตมาในฐานะกองหน้า

    การปิดพื้นที่ และยืนตำแหน่งค่อนข้างมีปัญหา ซึ่งเราจะสามารถเห็นได้ชัดว่า ซาดิโอ มาเน่ สามารถพาบอลไปยังพื้นที่อันตรายได้บ่อยครั้ง

^{มาเน่เบิกตาข่ายแรกให้หงส์แดง}

    ยิ่งพอ ลิเวอร์พูล ปลดล็อกได้ประตูขึ้นนำค่อนข้างเร็วตั้งแต่นาทีที่ 17 จากจังหวะประสานงานของ โดมินิก โซลันกี้ และดาวเตะเซเนกัล มันยิ่งทำให้โมเมนตัมทั้งหมดเอนเอียงมาอยู่ฝั่งทีมเยือนโดยสิ้นเชิง

    พูดถึง โซลันกี้ นี่คือการออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีกนัดแรกของเขากับหงส์แดง

    ถามว่าฟอร์มเป็นไง ดีไหม? ก็เรียกได้ว่าน่าพอใจเลยแหละ เห็นในโลกโซเชียลชื่นชมกันว่าดูดีกว่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เสียด้วยซ้ำ

    ข้อดีของกองหน้าดาวรุ่งคือขยัน และสามารถผ่านบอลในจังหวะชี้เป็นชี้ตายได้

    เราได้เห็นถึงเซนส์อันยอดเยี่ยมจากลูกคิลเลอร์พาสให้ มาเน่ หลุดเดี่ยวไปยิงชนเสาในช่วงท้ายครึ่งแรก

    แต่ปัญหาก็คือความเฉียบคมที่ควรมีให้มากกว่านี้กับการเป็นกองหน้าตัวเป้า ตรงนี้ยังคงต้องเทรนกันต่อไป แต่เชื่อว่าหากไม่หยุดพัฒนา อนาคตในถิ่นแอนฟิลด์สนใสแน่ ไอ้หนู!

^{โซลันกี้เล่นโดดเด่นจนได้รับคำชม}

    เกมนี้จะเห็นได้ชัดว่าการขึ้นเกมรุกฝั่งขวาของ โจ โกเมซ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน นั้นโดดเด่นมาก

    แม้ช่วงแรกๆ ที่ ดิ อ็อกซ์ เพิ่งย้ายมายังลิเวอร์พูลด้วยค่าหัว 35 ล้านปอนด์จะดูเป็นการซื้อที่โง่ไปหน่อย แต่ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน เหมือนว่าเขาจะเริ่มซึมซับกับระบบการเล่นรวมถึงปรัชญาของ คล็อปป์ ได้บ้างแล้ว เขาเลยกลายเป็นตัวอันตรายอย่างที่ได้เห็นในเกมทุบหม้อแตก

    แต่ถ้ามองถึงปัญหา แน่นอนหงส์แดงยังคงมีจุดบอดกับการตั้งรับลูกโด่ง สังเกตุชัดเจนเลยว่า ปีเตอร์ เคร้าช์ เก็บบอลได้บ่อยมาก ยังดีที่แนวรุกซึ่งพร้อมจะมาซัพพอร์ตนั้นมีน้อย บอลจังหวะสองเลยตกเป็นของลิเวอร์พูลเสียส่วนใหญ่

    การมีคลีนชีตในเกมเยือนไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่านัดนี้มีโชคเต็มๆ

    มีอย่างที่ไหน ทั้ง โจ อัลเลน หรือ ดิยุฟ ได้ยิงจ่อๆ ขนาดนั้นจะซัดให้มันหลุดกรอบไปได้

    ถ้าเป็นคนอื่นคมๆ หน่อยคงตุงตาข่ายไปแล้ว

    และหากบอลมันเกิดไปนอนสงบนิ่งจมตาข่ายหลัง ซิมง มิโญเลต์ ขึ้นมา สกอร์ถล่ม 3-0 อาจเปลี่ยนเป็นเหลือเพียงคะแนนเดียวก็ได้ใครจะรู้

    ตรงนี้ต้องชื่นชมความเด็ดขาดของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ตอกย้ำว่านี่คือการเสริมทัพยอดเยี่ยมที่สุดประจำฤดูกาล

    มีที่ไหน ลงมาสำรองก็เกือบนาทีที่ 70 แล้วยังอุตส่าห์ซัดเบิ้ลได้ตั้ง 2 ลูก

^{ซาลาห์เป็นคนที่หงส์แดงขาดไม่ได้แล้ว}

    12 ประตูจาก 14 เกมไม่ใช่ว่าใครจะทำได้ง่ายๆ แล้วนี่ก็ไม่ได้ลงครบ 90 นาทีทุกนัดด้วย

    เขาทะยานโด่งไปอยู่บนท็อปชาร์จดาวซัลโวซีซั่นนี้เหนือ แฮร์รี่ เคน, เซร์คิโอ อเกวโร่, โรเมลู ลูกากู, อัลบาโร่ โมราต้า หรือกระทั่ง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์

    เห็นค่าตัว ลูกากู 75 ล้านปอนด์นึกว่าจะเก่งกว่านี้ซะอีก

    แอบแขวะ!!!

    ก็ถือว่าขาดไม่ได้แล้วจริงๆ สำหรับ โม ซาลาห์ ในชั่วโมงนี้

    มองดูโปรแกรมถัดไป เยือน โบรท์ตัน ก็ใช่จะประมาทได้ เพราะทีมของ คริส ฮิวจ์ตัน ผลงานดีใช้ได้เลย โดยเฉพาะเกมเหย้าที่ไร้พ่ายมา 7 นัดติดเข้าให้แล้ว

    แต่ลิเวอร์พูลเองก็ได้ความมั่นใจจาก 2 เกมที่ผ่านมาเหมือนกันว่าทีมของเรามีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถโรเตชั่นได้ ไม่ใช่จะต้องพึ่งพาเฉพาะแต่กับคนโน้นคนนี้เพียงอย่างเดียว

    ทั้งหมดนี้แหละ คือแง่ดีที่เราได้เห็นจากเกมโค่น สโต๊ค ที่ผ่านมา

    ไหนๆ หงส์แดงก็เพิ่งบุกไปตีหม้อแตกได้สำเร็จแล้ว

    ฉะนั้น แฟนบอลอย่างเราก็ควรจะไป "ตีหม้อ" ฉลองชัยของทีมมั่งเหมือนกันดีกว่า

    อิอิ...