:::     :::

ศูนย์หน้าที่'ป๋า'ซื้อ(ตอน3)

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม 2563 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
11,410
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตอนสุดท้าย ศูนย์หน้าที่ตำนานผู้จัดการทีม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เซ็นสัญญาเข้าสู่ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอดช่วงเวลาที่คุมทีมในพรีเมียร์ลีก

นับตั้งแต่คนแรกในฤดูกาล 1992-93 มาจนถึงปีสุดท้ายของ 'เซอร์ อเล็กซ์' ในฤดูกาล 2012-13 มีศูนย์หน้าคนใดบ้างที่ถูกซื้อเข้าสู่รัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และใครประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว?

หลังจากสองตอนที่แล้ว เอ่ยถึงไป 17 ราย และนี่คือศูนย์หน้า 9 คนสุดท้ายที่ย้ายเข้ามาในยุค 'เฟอร์กี้'
เฮนริค ลาร์สสัน
การขาย รุด ฟาน นิสเตลรอย ก่อนเริ่มซีซั่น 2006-07 และไม่ได้ศูนย์หน้าคนใหม่เข้ามาแทนที่ กลายเป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจ 'เฟอร์กี้' ตลอดครึ่งฤดูกาลแรก แม้ในแดนหน้ายังมี เวย์น รูนี่ย์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, หลุยส์ ซาฮา, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นตัวเลือกก็ตาม
ทันทีที่ตลาดซื้อขายเดือนมกราคมเปิดทำการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เปิดตัว ลาร์สสัน ย้ายเข้ามาด้วยสัญญายืมตัวสองเดือนนิดๆ เพราะเป็นช่วงที่ฟุตบอลลีกสวีเดนปิดฤดูกาลพอดี แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะ 'เฟอร์กี้' ชื่นชอบฝีเท้าดาวยิงสวีดิชเป็นอย่างมาก แม้ย้ายมาในวัย 35 ปีก็ตาม
3 ประตูจาก 13 เกมรวมทุกรายการ ไม่เตะตาเท่ากับผลงานที่อยู่ในสนาม การมีส่วนร่วมกับเกม และที่สำคัญที่สุดคือ ลาร์สสัน ลงสนามปุ๊บ จูนติดปั๊บ แทบไม่ต้องปรับตัวกับเพื่อนร่วมทีมใหม่เลย
แม้มีการร้องขอจาก 'เฟอร์กี้' ต่ออายุสัญญายืมตัวไปจนจบซีซั่นในเดือนพฤษภาคม แต่ ลาร์สสัน ลูกผู้ชายตัวจริง รับปากกับต้นสังกัด เฮลซิงบอร์ก เอาไว้แล้วว่าจะกลับไปช่วยทีมในฤดูกาล 2007
คาร์ลอส เตเวซ
การเซ็นสัญญาที่ยุ่งเหยิง และกลายเป็นกรณีตัวอย่างให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษ เกิดขึ้นก่อนเปิดซีซั่น 2007-08 ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, เตเวซ และ มีเดีย สปอร์ต อินเวสต์เมนท์ ลิมิเต็ด หรือ เอ็มเอสไอ ของนักธุรกิจคนดัง เคีย ชูรับเชียน
เรื่องนอกสนาม จบลงที่ เอ็มเอสไอ ยอมจ่ายเงินชดเชย 2 ล้านปอนด์ให้ ขุนค้อน เป็นการเปิดทางให้ ปีศาจแดง เซ็นสัญญายืมตัวระยะเวลาสองปี ย้ายมาเข้ามาสวมเสื้อหมายเลข 32 ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
19 ประตูจาก 63 เกมพรีเมียร์ลีก และ 34 ประตูจาก 99 เกมรวมทุกรายการจากสองฤดูกาลในชุด ผีแดง มีส่วนสำคัญพาทีมครองแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย ฤดูกาล 2007-08, 2008-09 และที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลแรก
น่าเสียดายที่ในซีซั่นที่สอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความพยายามที่จะเซ็นสัญญาถาวร แต่ เตเวซ กลับเลือกย้ายไปอยู่กับทีมคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เงินถึงกว่า
มานูโช่
'เฟอร์กี้' พึงพอใจผลงานในช่วงทดสอบฝีเท้าศูนย์หน้าที่เทียบเชิญมาจากสโมสร เปโตร อัตเลติโก ในลีกแองโกล่า จนต้องตัดสินใจเสนอสัญญาระยะเวลา 3 ปีให้ และย้ายเข้าสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2008 แต่พอถึงสิ้นเดือนก็ปล่อยไปให้ พานาธิไนกอส ยืมจนจบซีซั่น เพราะติดปัญหาเรื่องใบอนุญาติทำงานในอังกฤษ
หลังจากได้รับเวิร์คเพอร์มิต มานูโช่ ก็ถูกบรรจุอยู่ในทีมโดยสวมเสื้อเบอร์ 26 ในฤดูกาล 2008-09 แต่ดูเหมือนว่าพอลงสนามจริง ศูนย์หน้าแองโกล่ากลายเป็นของปลอมทำเหมือนซะได้ ขนาดปล่อยให้ ฮัลล์ ยืมใช้งาน ก็ยังไปโชว์ห่วยที่นั่น จนสุดท้ายต้องขายไป เรอัล บายาโดลิด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2009
ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
การเปลี่ยนแปลงในแดนหน้าเกิดขึ้นช่วงต้นฤดูกาล 2008-09 เมื่อขาย หลุยส์ ซาฮา ไปให้ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และใช้เวลาอีกไม่กี่วันต่อมา ทุ่มงบ 30.75 ล้านปอนด์ดึง เบอร์บาตอฟ มาจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ตอบรับข้อเสนอจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงเวลาเดียวกันด้วย
ด้วยฝีเท้าที่มีลีลาและเทคนิคแพรวพราว บวกกับบุคลิกส่วนตัวที่มีความเป็นศิลปินลูกหนัง ทำให้แฟนๆ ผีแดง หวนคิดถึง เอริก 'เดอะคิง' ก็องโตน่า ในช่วงทศวรรษที่ 1990 อยู่ไม่น้อย
เบอร์บาตอฟ เข้ามาประสานแนวรุกร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์, รูนี่ย์ และ คาร์ลอส เตเวซ ได้เป็นอย่างดี และค่อยๆ มีบทบาทมากขึ้นเมื่อ โรนัลโด้ ย้ายออกไป
ฤดูกาลที่ดีที่สุดของ 'เบิร์บ' คือซีซั่น 2010-11 ที่ซัลโว 20 ประตูในพรีเมียร์ลีก คว้ารางวัลรองเท้าทองคำร่วมกับ เตเวซ ที่ยิงได้เท่ากันในสีเสื้อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ไมเคิ่ล โอเว่น
การย้ายทีมด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไป เรอัล มาดริด เปิดทางให้หมายเลข 7 ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ว่างลง และหลังจากนั้นเพียงสองวัน เบอร์สวยๆ เลขนี้ก็ตกเป็นของ โอเว่น ที่เซ็นฟรีหลังหมดสัญญากับ นิวคาสเซิ่ล
การตัดสินใจครั้งนี้ของ โอเว่น สร้างความขุ่นเคืองให้กับแฟนๆ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก พอๆ กับแฟน ผีแดง ที่ไม่ค่อยแฮปปี้สักเท่าไหร่กับนักเตะที่เข้ามาใช้เบอร์ 7 ต่อจาก โรนัลโด้ แต่ไม่ใช่สำหรับ 'เฟอร์กี้'
อย่างไรก็ตาม การมาถึงของ โอเว่น ในวัย 29 ย่าง 30 แม้เป็นช่วงเวลาที่กำลังสุกงอมเต็มที่ แต่สภาพร่างกายและฝีเท้าไม่เหมือนสมัยรุ่งๆ ที่แจ้งเกิดกับ ลิเวอร์พูล จึงเป็นได้แค่บทบาทตัวสำรองในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนจบสามฤดูกาลด้วย 17 ประตูจาก 52 เกม
มาเม่ บิราม ดิยุฟ
'เฟอร์กี้' ยังกล้าๆ ลองของ หลังจากขาย มานูโช่ ออกไปเพียงไม่กี่วัน ก็เสี่ยงคว้าตัว มาเม่ บิราม ดิยุฟ ศูนย์หน้าเซเนกัลมาจากสโมสร โมลด์ แต่ปล่อยให้นักเตะเล่นในลีกนอร์เวย์จนจบซีซั่น 2009 จากนั้นถึงเข้าสู่ทัพ ผีแดง ในเดือนมกราคมปี 2010
ความมั่นใจในทีมชุดเดิม ทำให้ 'เฟอร์กี้' ไม่เสริมทัพใหญ่ๆ ในช่วงซัมเมอร์ 2009 แต่ที่ตัดสินใจเซ็น ดิยุฟ เพราะส่งแมวมองจับตาดูฝีเท้ามาสองปีแล้ว
หลังจากส่งลงสนาม แฟนๆ ผีแดง ถึงกับส่ายหน้า แม้จบซีซั่นแรกมี 1 ประตูจาก 6 เกม แต่ผลงานอื่นๆ เรียกว่าสอบตกหมด ไม่เหลือครบ 24 ประตูจาก 36 เกมที่เพิ่งยิงมาในลีกนอร์เวย์ และนั่นคือช่วงเวลาสั้นๆ ซีซั่นเดียวของ ดิยุฟ
ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็มในการจับตามองฝีเท้าของ เอร์นานเดซ หรือ 'ชิชาริโต้' และเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ จิม ลอว์เลอร์ หัวหน้าแมวมอง จึงถูกส่งไปประจำการที่เม็กซิโกสามสัปดาห์ และผลที่ได้รับออกมาในเชิงบวกทุกเกม จนในที่สุด ต้องมีการเร่งรัดเซ็นสัญญาตั้งแต่เดือนเมษายน เพราะกลางปีมี เวิลด์คัพ รออยู่
ซีซั่นแรกใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถือว่าสอบผ่าน 13 ประตูจาก 27 เกมพรีเมียร์ลีก และ 20 ประตูจาก 45 เกมรวมทุกรายการ และผลงานการยิงประตูอยู่ในขั้นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับบทบาทที่หนักไปทางเป็นตัวสำรองซะเยอะ
50 ประตูจาก 117 เกมในสามฤดูกาลที่ได้ร่วมงานกับ 'เฟอร์กี้' เป็นตัวเลขที่น่าชื่นชมอย่างมาก แต่พอเข้าสู่ยุค เดวิด มอยส์ สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปมาก จำนวนประตูเหลือเพียง 9 ลูกจาก 35 เกม และนั่นก็คือช่วงเวลาสุดท้ายในโรงละครแห่งความฝัน
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
หลังจากพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบบีบหัวใจสุดๆ ในฤดูกาล 2011-12 'เฟอร์กี้' ก็หมายมั่นปั้นมือที่จะแก้ตัวให้ได้ ในซีซั่นสุดท้ายที่วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะวางมือจริงๆ
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2012-13 'เฟอร์กี้' เซ็นสัญญาที่น่าตื่นตาตื่นใจกับ ชินจิ คางาวะ จอมทัพทีมชาติญี่ปุ่นมาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่ก็ยังไม่เท่าการคว้าตัว ฟาน เพอร์ซี่ นักเตะที่ดีที่สุดของทีมคู่ปรับอย่าง อาร์เซน่อล
สาเหตุที่ ปืนใหญ่ ยอมปล่อย 'อาร์วีพี' เพราะสัญญาที่เหลือเพียงปีสุดท้าย และไม่มีวี่แววว่าจะตกลงกันได้ ทำให้ตัดสินใจตอบรับข้อเสนอ 24 ล้านปอนด์จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
30 ประตูจาก 48 เกมรวมทุกรายการ ในซีซั่นแรก ทำให้ 'เฟอร์กี้' ปิดฉากคุมทีมอย่างยิ่งใหญ่ด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกส่งท้าย และยังส่งให้ดาวยิงดัตช์ครองรางวัลรองเท้าทองคำสองฤดูกาลติดต่อกัน เพราะก่อนหน้านั้นก็ทำได้กับต้นสังกัดเก่า
น่าเสียดายที่หลังจากนั้นการร่วมงานกับ เดวิด มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กาล ผลงานของ 'อาร์วีพี' ก็ตกลงเรื่อยๆ จนถูกขายไป เฟเนร์บาห์เช่ ในปี 2015
อังเจโล่ เอ็นรีเกซ
แมวมองฝั่งอเมริกาใต้ ป้อนข้อมูลให้ 'เฟอร์กี้' หลังจากเห็นผลงานของกองหน้าดาวรุ่งชาวชิลีวัย 18 ปี ที่ยิง 15 ประตูจาก 27 เกมให้กับ อูนิเวร์ซิดาด เด ชิลี สโมสรยักษ์ใหญ่ของชิลี
แต่ เอ็นรีเกซ เจอปัญหาใหญ่คือการปรับตัว โดยตลอดสามปีที่มีชื่ออยู่ในสังกัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยได้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ในเกมทางการเลยแม้แต่นัดเดียว โดยทั้งสามซีซั่นถูกส่งไปให้ วีแกน แอธเลติก, เรอัล ซาราโกซ่า และ ดินาโม ซาเกรบ ยืมใช้งาน ก่อนขายขาดไปให้ทีมดังโครเอเชียในที่สุด

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด