จุ๊ปป์ ไฮยน์เกส สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการนำ บาเยิร์น มิวนิค เป็นสโมสรแรกของเยอรมันที่คว้า'ทริเปิ้ลแชมป์'ฤดูกาล 2012-2013 ขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นำทีมเสือใต้ฟาดถาดแชมป์บุนเดสลีกาในฤดูกาล 2013-2014 พร้อมสร้างมาตรฐานที่น่าประทับใจ

ไฮยน์เกส เคยคุมทัพเสือใต้ 4 ช่วงเวลา คุมทีมลงสนาม 353 เกม ชนะ 232 เสมอ 63 แพ้ 58 คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 4 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 1 สมัย, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย และ เยอรมัน ซูเปอร์ คัพ 3 ครั้ง

กวาร์ดิโอล่า คุมทีมดังแคว้นบาวาเรียลงเล่น 161 เกม ชนะ 121 เสมอ 21 แพ้ 19 คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 3 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 2 สมัย, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ 1 ครั้ง และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 1 ครั้ง 

พลพรรคเสือใต้ชุดปัจจุบันกำลังเดินตามรอยชุดสร้างประวัติศาสตร์เมื่อ 7 ปีก่อนภายใต้การกุมบังเหียนของ ฮันส์-ดีเตอร์ ฟลิค ซึ่งยังอยู่บนเส้นทางลุ้นความสำเร็จทั้งสามรายการ

บาเยิร์น มิวนิค นำเป็นจ่าฝูงลีกเยอรมันหลังเก็บ 58 คะแนนจากการลงเล่น 26 เกม ทิ้งอันดับ 2 ดอร์ทมุนด์ 4 แต้ม ขณะที่เหลือโปรแกรมลงเตะอีก 8 เกม ทีมเสือใต้ยังผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของศึก เดเอฟเบ โพคาล โดยมีคิวลงดวลเกือกกับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต รวมถึงการคว้าตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกหลังการสยบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในรอบ 16 ทีม 

นั่นคือผลงานของ ฮันซี่ ฟลิค ที่เข้ามารับงานต่อจาก นิโก้ โควัช ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นำทัพเสือใต้ลงเล่น 22 เกม ชนะ 19 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิง 69 ประตู เสีย 14 ประตู 

จากผลงานข้างต้นทำให้สื่อเมืองเบียร์เปิดประเด็นที่น่าสนใจด้วยการตั้งคำถามว่า บาเยิร์น มิวนิค ยุคของ ฮันซี่ ฟลิค ดีกว่ายุคของ ปู่จุ๊ปป์ หรือ ป๋าเป๊ป หรือไม่? นั่นเป็นสิ่งที่เทรนเนอร์วัย 55 ปีต้องพิสูจน์ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร

ตอน ฟิลิป ลาห์ม ชูโทรฟี่แชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก สู้ท้องฟ้ายามค่ำคืนในกรุงลอนดอนที่สังเวียนเวมบลีย์เมื่อปี 2013 บาเยิร์น มิวนิค เป็นราชันของฟุตบอลยุโรปและลีกเมืองเบียร์โดยไร้ข้อโต้แย้ง 

ก่อนที่ กวาร์ดิโอล่า จะเข้ามารับไม้ต่อจาก ปู่จุ๊ปป์ ในช่วงซัมเมอร์ฐานะเทรนเนอร์ทีมเสือใต้ในช่วงหน้าร้อนปีนั้น เทรนเนอร์ชาวสเปนทำสถิติไม่แพ้ตลอดการลงเล่นบุนเดสลีกา 28 เกมแรกของซีซั่น ก่อนสะดุดครั้งแรกในเกมพ่าย เอาก์สบวร์ก 0-1 ต่อด้วยการปราชัยต่อ ดอร์ทมุนด์ 0-3 แต่ บาเยิร์น มิวนิค เดินหน้าเก็บชัยชนะตลอด 4 เกมสุดท้ายเข้าป้ายคว้าถาดแชมป์ลีกเมืองเบียร์เก็บ 90 คะแนน ทิ้งอันดับ 2 ดอร์ทมุนด์ ถึง 19 แต้ม

ส่วน ฮันซี่ ฟลิค นำทีมเสือใต้นำเป็นจ่าฝูงบุนเดสลีกาด้วยการทิ้งอันดับ 2 ดอร์ทมุนด์ 4 คะแนน มีโอกาสคว้าแชมป์ลีกเมืองเบียร์เป็นฤดูกาลที่ 8 ติดต่อกัน รวมถึงการลุ้นแชมป์อีกสองรายการทั้ง ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และ เดเอฟเบ โพคาล ด้วย

นับจากเลื่อนชั้นขึ้นมานั่งเก้าอี้เทรนเนอร์ทีมเสือใต้แทน โควัช ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ตอนนั้น บาเยิร์น มิวนิค อยู่อันดับ 4 ของตารางบุนเดสลีกามีคะแนนตามหลังจ่าฝูงขณะนั้นอย่าง มึนเช่นกลัดบัค ถึง 4 แต้ม หลังทีมเสือใต้พ่าย แฟร้งค์เฟิร์ต ยับเยิน 1-5 ในเกมที่ 10 ของฤดูกาล ซึ่งทำให้เทรนเนอร์ชาวโครแอตต้องจ่ายด้วยตำแหน่งของเขา ก่อน ฟลิค จะเข้ามาเริ่มต้นเขียนหน้าประวัติศาสตร์ในบุนเดสลีกของเขา

ฮันซี่ ฟลิค นำทีมดังแคว้นบาวาเรียคว้าชัยชนะ 13 จากการลงเล่น 16 เกมแรกบนเวทีบุนเดสลีกา คิดเป็นอัตราชนะ 81 เปอร์เซ็นต์ เก็บเฉลี่ย 2.5 คะแนนต่อเกม ผลงานของเทรนเนอร์วัย 55 ปีตามหลังเฉพาะผลงานของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เก็บเฉลี่ย 2.6 คะแนนต่อเกมในซีซั่น 2013-2014 ส่วน ไฮยน์เกส นำทีมเสือใต้เก็บเฉลี่ย 2.7 คะแนนต่อเกมในฤดูกาลก่อนหน้านั้น

อย่างไรก็ตามตัวเลขข้างต้นเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายได้ว่าทำไม บาเยิร์น มิวนิค ยุคนี้จะดีกว่ายุค ปู่จุ๊ปป์ หรือ กวาร์ดิโอล่า หลัง ฮันซี่ ฟลิค เริ่มเข้ามาทำงานฐานะเทรนเนอร์ขัดตาทัพจนกระทั่งจบฤดูกาล 2019-2020 ก่อนที่สโมสรจะมอบความไว้วางใจด้วยการทำข้อตกลงระยะยาวจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2023

โอลิเวอร์ คาห์น ฐานะบอร์ดบริหารของ บาเยิร์น มิวนิค กล่าวถึงเทรนเนอร์วัย 55 ปีว่า 'ฮันซี่ รู้ถึงความคิดของสโมสร' ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเคยค้าแข้งกับทีมเสือใต้ในช่วงปี 1985-1990 จึงตระหนักถึงความต้องการของสโมสรเป็นอย่างดี

'ในช่วงเวลาของผมฐานะนักเตะ นับเฉพาะความสำเร็จ คุณชนะ 1-0 มันไม่สำคัญกว่าจะเกิดขึ้นอย่างไร' ฟลิค ชี้แจง 'วันนี้ แค่ชนะไม่เพียงพอ แน่นอนที่สุดมันต้องลงเอยด้วยการคว้าแชมป์ แต่ผมสามารถเข้าใจเต็มร้อยว่า บาเยิร์น มีความทะเยอทะยานเกินกว่าจะมอบให้แฟนบอลด้วยชัยชนะเพียง 1-0'

ภารกิจของ ฮันซี่ ฟลิค ล้มเหลวในการเจาะตาข่ายฝ่ายตรงข้ามเพียงครั้งเดียวในเกมที่ บาเยิร์น มิวนิค เสมอ แอร์เบ ไลป์ซิก 0-0 เกมที่ 21 ของฤดูกาล ทีมเสือใต้ของเทรนเนอร์วัย 55 ปียังคว้าชัยด้วยสกอร์ 1-0 เพียงครั้งเดียวในแมตช์บุกเชือด ชาลเก้ ในรอบ 8 ทีมของศึก เดเอฟเบ โพคาล ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 

บาเยิร์น มิวนิค กลับมารีสตาร์ทซีซั่นหลังฤดูกาลนี้หยุดชะงักไปนานกว่า 2 เดือนเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ซึ่งทีมยักษ์ใหญ่แคว้นบาวาเรียบุกชนะ อูนิโอน เบอร์ลิน 2-0 นั่นทำให้ทีมเสือใต้ยุค ฮันซี่ ฟลิค มียอดรวมทำ 50 ประตูจากการลงเล่น 16 เกม มีค่าเฉลี่ยยิง 3.1 ประตูต่อเกม 

แม้แต่ทีมยุคของ ปู่จุ๊ปป์ หรือ กวาร์ดิโอล่า ยังทำได้ไม่ดีเท่านี้ นั่นเป็นค่าเฉลี่ยของการทำประตูดีสุดสำหรับโค้ชบุนเดสลีกา 

ทีมเสือใต้ของเทรนเนอร์วัย 55 ปี ยังมีค่าเฉลี่ยยิง 3.5 ประตูต่อเกมบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกด้วย 

การทำประตูของ บาเยิร์น มิวนิค ดูจะง่ายขึ้นเมื่อคุณมียอดกองหน้าอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อยู่ในทีมของคุณ 'เขายิงประตูได้อีกครั้ง ตอนนี้อยู่ที่ 26 ประตูและมีอีก 8 เกมที่จะทำลายสถิติของ แกร์ด มุลเลอร์ นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขามีคุณภาพที่สามารถทำได้' 

แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานกองหน้าของ บาเยิร์น มิวนิค ยังคงเป็นเจ้าของสถิติของสโมสรจากการยิง 40 ประตูบนเวทีบุนเดสลีกาช่วงฤดูกาล 1971-1972 ซึ่ง เลวานดอฟสกี้ ตามหลังอยู่ 14 ประตู 'ถ้ามีใครที่สามารถทำได้ มันก็คือเขา' ฟลิค กล่าวถึงหัวหอกทีมชาติโปแลนด์

ขณะเดียวกันเพื่อนร่วมทีมต่างช่วยทำให้ประตูของ 'เลวี่' มีความหมายมากขึ้นโดยเฉพาะผู้เล่นแนวป้องกันที่มีส่วนช่วยกันทำให้ทีมเสือใต้ยุค ฮันซี่ ฟลิค เสียเฉลี่ยเพียงเกมละ 0.6 ประตู และนับถึงเกมชนะ อูนิโอน เบอร์ลิน 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้ทีมของเทรนเนอร์วัย 55 ปี ทำสถิติเก็บคลีนชีตเกมที่ 10 ภายใต้การดูแลของบอสคนใหม่และยังเป็นเกมที่ 5 ติดต่อกันที่คู่แข่งไม่สามารถเปิดซิงทีมเสือใต้ 

ความสำเร็จของพวกเขาส่วนมากถูกสร้างขึ้นมาจากทักษะความสามารถของ ฟลิค รวมถึงการทำงานหนักของลูกทีม พวกเขาวิ่งเฉลี่ย 1.8 ไมล์ต่อเกม มากกว่าทีมชุด'ทริเปิ้ลแชมป์'ของ ไฮยน์เกส และ มากกว่าทีมยุค กวาร์ดิโอล่า ที่วิ่งเฉลี่ยเพียง 1.2 ไมล์ต่อเกม 

บาเยิร์น มิวนิค ยุค ฮันซี่ ฟลิค ยังเร่งสปรินท์ถึง 261 ครั้งต่อเกม ขณะที่ทีมของ ปู่จุ๊ปป์ กับ กวาร์ดิโอล่า เร่งสปรินท์ 165 กับ 214 ครั้งต่อเกมตามลำดับ

แต่ศิษย์เอกของเทรนเนอร์วัย 55 ปีอย่าง อัลฟอนโซ่ เดวิส แข้งดาวรุ่งชาวแคนาเดียนยังเชื่อว่า บาเยิร์น มิวนิค ยังสามารถทำได้ดีกว่าผลงานในปัจจุบัน

'มีที่ว่างสำหรับการพัฒนาแน่นอน' แบ็กซ้ายดาวรุ่งทีมเสือใต้กล่าวด้วยความมั่นใจ 'ทุกสิ่งที่คุณทำ คุณสามารถปรับปรุงได้ เราไม่ได้เล่นอย่างดีที่สุดในเกมนี้ แต่เราจะมองย้อนกลับไปในการฝึกซ้อมและปรับปรุงบางอย่าง'

บาเยิร์น มิวนิค จะพบกับคู่ปรับสองทีมถัดไปคือ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นสองทีมที่เล่นด้วยยากโดยเฉพาะทัพเสือเหลืองที่กำลังลุ้นแย่งความสำเร็จกับทีมเสือใต้ จึงน่าสนใจว่า ฮันซี่ ฟลิค จะเดินหน้าสร้างสถิติที่ยอดเยี่ยมต่อไปเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นทีมดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเหนือกว่ายุคของ จุ๊ปป์ ไฮยน์เกส กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้หรือไม่