:::     :::

"ผมอยากเป็นเหมือนเอวร่า" แบรนดอน วิลเลี่ยมส์

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2563 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
4,798
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ด้วยวัยเพียง 19 ปี

แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ สามารถก้าวมาติดทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างเต็มภาคภูมิ พร้อมกันนี้ เขายังได้รับโอกาสในการลงสนาม และความไว้วางใจจากกุนซืออย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่มองว่าเขาคืออนาคตนักเตะแบ็คซ้ายของทีม 


ช่วงนี้ เราไปพูดคุยกับเขากันหน่อย เกี่ยวกับความรู้สึกต่างๆเกี่ยวกับสโมสรแห่งนี้ ที่เขาเล่นมาตั้งแต่ระดับเยาวชน รวมไปถึงเป้าหมายในอนาคตที่เขาวางเอาไว้ด้วย



เด็กผีตั้งแต่เกิด 

ครอบครัวภูมิใจในตัวผมมาก แน่นอนว่า ครอบครัวของผมเป็นแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การที่ผมได้ก้าวมาเล่นกับทีม จึงเป็นอะไรที่พิเศษสำหรับพวกเขา ตั้งแต่จำความได้ ผมก็เป็นแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นแบบนี้เสมอมา คุณไม่รู้หรอกว่าสโมสรยิ่งใหญ่ขนาดไหน กระทั่งคุณได้เดินทางไปต่างประเทศกับทีม คุณจะเห็นได้ว่า แฟนบอลพันธุ์แท้ของปีศาจแดง มีมากกว่าคนในประเทศอังกฤษ เสียอีก


จุดเริ่มต้นลูกหนัง 

เริ่มมาจากลูกพี่ลูกน้องของผม ที่เป็นคนแนะนำทุกอย่าง เขาบ้าบอลมากเลย ย้อนกลับไปเวลานั้น ผมไม่ได้ให้ความสนใจอยากจะเล่นฟุตบอลเท่าไหร่ ตอนนั้นผมอายุประมาณ 5-6 ขวบเอง เขาเป็นคนชักชวนผมมาเล่นฟุตบอล แถวบ้านของผมก็มีสนามบอลด้วย เป็นสนามแบบพื้นคอนกรีต เราไปเล่นที่นั่นกัน และเขาเป็นคนสอนผมเล่นฟุตบอล


ก้าวจากระดับเยาวชน

ก่อนที่ผมจะเปิดตัวในการเล่นกับทีมระดับยู-23 ผมคิดว่าตัวเองสามารถสร้างผลงานได้ดี ผมมองว่าหากผมเล่นได้ดีในระดับเยาวชน ผมน่าจะมีโอกาสลงสนามในรายการเล็กๆอย่างศึกลีก คัพ อาจบอกได้ว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผมคาดหวังเอาไว้สักเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อเสมอว่า ตัวเองสามารถทำได้


ฝึกซ้อมครั้งแรกกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดใหญ่ 

ตอนเช้า ผมจะได้รับข้อความจากโค้ชว่า ผมมีโอกาสก้าวมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ จากนั้น ผมก็เข้าโรงยิม และเห็นนักเตะทุกคน เมื่อผมก้าวขาลงผืนหญ้า ผมย่อมอยากที่จะพิสูจน์ตัวเอง อย่าทำอะไรเหมือนเดิม เพราะอย่าลืมว่า เกมที่แล้วที่ผมเพิ่งลงเล่นนั้น เป็นเพียงเกมระดับเยาวชนเท่านั้น  ดังนั้น ผมต้องทำสุดความสามารถ และสร้างความประทับใจให้กับผู้จัดการทีม


ประสบการณ์ครั้งแรกที่ปารีส 

ผมเพิ่งฝึกซ้อมในช่วงเช้าวันนั้น จากนั้น รายชื่อก็ออกมา สตาฟโค้ชบอกกับผมว่า จงเตรียมความพร้อมเอาไว้ ผมอาจจะติดทีมไปด้วย (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบุกไปเยือนเปแอสเช ในฤดูกาลที่ผ่านมา) ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองจะได้เดินทางไป และนั่งดูทีมลงเล่นบนอัฒจันทร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อรายชื่อออกมา ผมกลับติดเป็นตัวสำรอง !! มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าภาคภูมิใจ


ลงเล่นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ครั้งแรก 

หลายคนอยากให้ผมบรรยายมันออกมา ผมอยากบอกว่า ไม่มีคำไหนมาอธิบายความรู้สึกได้เลย (ลงเล่นทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยเป็นการเจอรอชเดล ในศึกลีก คัพ) มันบ้ามากเลยล่ะ คุณจะรับรู้ได้ เมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึงเท่านั้น จากนั้น ผมก็แค่กลับบ้าน รับประทานอาหาร หรือเล่นเกม ก่อนตื่นเช้าไปซ้อมฟุตบอล


เหตุการณ์สำคัญ

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า คือการพาทีมไต่อันดับที่สูงขึ้น นั่นเป็นเรื่องของการเล่นเป็นทีม ส่วนในระดับส่วนตัว ผมอยากยิงประตูที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มันมีความหมายต่อตัวผมมากเลย เรายังคงอยู่ในการแข่งขัน 3 รายการ ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างมากเลยว่า เราจะสามารถคว้าสิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าได้ รวมถึงเรามีโอกาสคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และยูโรป้า คัพ เช่นเดียวกัน


บุคคลต้นแบบ

ผมอยากเดินตามรอยปาทริซ เอวร่า เขาเป็นคนที่คอยนั่งลง และให้แนะนำผมมากมาย อาทิ ความหมายของการเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงการเล่นกับสโมสรแห่งนี้เป็นเวลา 15-20 ปี ขณะที่คนของสโมสรอย่างนิคกี้ บัตต์ ที่รับหน้าที่ดูแลอะคาเดมี่ เขาคอยให้คำแนะนำที่มีคุณค่าต่อคุณเหมือนกัน


ถ่อมตนบนความเปลี่ยนแปลง 

อย่างที่ผมบอกไป มันบ้ามาก ชีวิตของผมมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง (เมื่อก้าวมาเป็นนักเตะอาชีพแบบรวมเร็ว) อย่างไรก็ตาม ทุกคนพยายามกระตุ้นเตือนผมว่า ผมยังคงเป็นคนเดิม ไม่ได้หมายความว่า ผมต้องออกไปข้างนอก และทำอะไรที่มันแตกต่างออกไป สิ่งเหล่านั้น และคำสอนดีๆเหล่านั้น เกิดมาจากครอบครัว และเพื่อนของผม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด