:::     :::

"แดร์ คลาสสิเคอร์" ระดับ 5 ดาว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึก "แดร์ คลาสสิเคอร์" ระหว่าง 2 ทีมที่ดีที่สุดในเยอรมัน "โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์" กับ "บาเยิร์น มิวนิค" กลายเป็นเกมที่ทรงคุณค่ามากยิ่งขึ้นกับการโคจรมาเจอกันในช่วงเวลานี้

เดิมที "ศึก 2 เสือ" มีความน่าสนใจและน่าติดตามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความเข้มข้นและความสำคัญไม่แพ้ "เอล กลาซิโก้" เรอัล มาดริด ปะทะ บาร์เซโลน่า หรือ ลิเวอร์พูล ดวลแดงเดือด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

แต่เมื่อบุนเดสลีกา กลายเป็นลีกใหญ่ของยุโรปลีกเดียวที่แข่งกันได้ในเวลานี้ ทุกสายตายิ่งจับจ้องไปที่ แดร์ คลาสสิเคอร์ ในวันอังคารที่ 26 พฤษภาคมนี้ มากยิ่งขึ้น 

"เสือเหลือง" ท้าชน "เสือใต้" มีความสำคัญมากเพียงใดและมีอะไรน่าจับตาบ้าง ไล่เรียงได้จากหลายประเด็นด้านล่างนี้ 


1. นัดที่ "อาจ" ตัดสินแชมป์

เป็นอีกฤดูกาลที่ บาเยิร์น มิวนิค ถูกท้าทายตำแหน่งแชมป์โดยคู่ปรับหน้าเดิมอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังจากที่ผูกขาดครองแชมป์มา 7 ฤดูกาลติดต่อกัน

สถานการณ์ตอนนี้ "เสือใต้" นำหน้า "เสือเหลือง" 4 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขัน 7 นัด นั่นหมายความว่าผลการแข่งขันที่เจอกันแบบนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญสุดๆ ต่อคะแนนของทั้งสองทีม


นัดสำคัญที่จะไม่มีแฟนบอลในสนามเหมือนที่ผ่านมา

หาก ดอร์ทมุนด์ ของ ลูเซียง ฟาฟร์ เก็บชัยชนะได้จะบีบช่องว่างเหลือเพียงคะแนนเดียวและโยนความกดดันให้แชมป์เก่าในทันที

แต่หากออกมาตรงกันข้ามที่ชัยชนะตกเป็นของทีมดังจากแคว้นบาวาเรีย ช่องว่างจะขยายเพิ่มเป็น 7 คะแนนซึ่งในทางปฏิเสธเป็นเรื่องยากที่ "พลาด" แชมป์กับอีก 6 นัดสุดท้าย

ดอร์ทมุนด์ ต้องเอาชนะให้ได้เพื่อเพิ่มโอกาสคว้าแชมป์ของตัวเอง หรืออย่างน้อยต้องไม่แพ้ แต่หาก 3 คะแนนตกเป็นของผู้มาเยือนก็แทบจะบอกลาการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ได้เลย

2. ฮาแลนด์ vs เลวานดอฟสกี้

นอกจากการต่อสู้โดยรวมทั้งทีมแล้ว การวัดความคมระหว่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ หัวหอกดาวรุ่งของ ดอร์ทมุนด์ กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวซัลโวตัวฉกาจของ บาเยิร์น มิวนิค เป็นอีกจุดที่น่าจับตาสุดๆ

สถิติการยิงประตูของหัวหอกทั้งสองในฤดูกาลนี้ทรงประสิทธิภาพและร้ายกาจอยางยิ่งเมื่อกระหน่ำตาข่ายคู่แข่งทะลุ "หลักสี่" ที่จำนวน 41 ประตูเท่ากันเป๊ะ แถมมาจากการลงสนาม 35 นัดเท่ากันอีก 


สถิติของ ฮาแลนด์ กับ เลวานดอฟสกี้ สูสีมาก

ฮาแลนด์ ทำได้กับ 2 สโมสร โดยยิงให้ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ทีมดังในลีกออสเตรีย 28 ประตูจากทุกรายการ ก่อนยิงอีก 13 ประตูหลังย้ายมาเล่นในถิ่นซิกนัล อีดูน่า ปาร์ค ในตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา 

ขณะที่ เลวานดอฟสกี้ ก็รักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อยิงถึงสี่สิบประตูเป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกัน และตอนนี้ก็นำดาวซัลโวของบุนเดสลีกาที่ 27 ประตู

"เลวาน" สร้างชื่อในบุนเดสลีกาทั้งกับ ดอร์ทมุนด์ และ บาเยิร์น มานานนับทศวรรษ แต่วันนี้คลื่นลูกใหม่ที่อายุน้อยกว่าถึง 12 ปีกำลังก้าวขึ้นมาท้าทายอย่างองอาจและพร้อมแย่งตำแหน่งเพชฌฆาตเบอร์หนึ่งของลีก

3. สองทีมเกมรุกที่ดีที่สุด

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ดอร์ทมุนด์ กับ บาเยิร์น ได้รับการยอมรับว่าเป็น 2 ทีมที่มีเกมรุกดุดันและยิงประตูได้อย่างถล่มถลายเช่นเดียวกับในฤดูกาลนี้

การแข่งขัน 27 นัดที่ผ่านมา บาเยิร์น เป็นทีมที่ทำประตูได้มากสุด 80 ประตูและกลายเป็นสถิติใหม่ของทีมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของทุกปีทีผ่านมา ตัวเลขระหว่างในบ้านและนอกบ้านใกล้เคียงกันที่ 43 กับ 37 ประตู


บาเยิร์น ยิง 80 ประตูจาก 27 นัด

ขณะที่ ดอร์ทมุนด์ ยิงได้มากสุดอันดับ 2 ที่ 74 ประตู แต่ที่ต่างจากบาเยิร์นคือ พวกเขายิงในบ้านได้ 45 ประตู มากกว่านอกบ้านที่ยิงได้ 29 ประตูค่อนข้างชัดเจน 

เจาะลึกสถิติรายคน ทั้งสองทีมต่างยิงได้ฝั่งละ 14 คนเท่ากัน ส่วนสถิติด้านอื่นที่ต่างกันคือ ดอร์ทมุนด์ มีผู้เล่น 3 คนยิงได้อย่างน้อย 10 ประตูคือ เจดอน ซานโช่ 14 ประตู, มาร์โค รอยส์ 11 ประตู และ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ 10 ประตู 

ขณะที่ บาเยิร์น ยิงทะลุหลักสิบ 2 คนคือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 27 ประตู และ แซร์ช นาบรี้ 11 ประตู แต่ทีเด็ดของทีมอีกอย่างคือ โธมัส มุลเลอร์ เจ้าของแอสซิสต์มากสุดในลีกที่ 17 ครั้ง


4. ใครพลาดมากกว่า = แพ้

ในหลายต่อหลายครั้ง เกมใหญ่เกมสำคัญที่เต็มไปด้วยความกดดันและถูกจับจ้องมักตัดสินชัยชนะกันที่ความผิดพลาด และใครที่พลาดมากกว่ามักลงเอยด้วยความปราชัย

ทั้งสองทีมมีเกมรุกที่อันตรายอยู่แล้ว พร้อมทะลวงประตูอีกฝั่งได้ในทุกเวลา ดังนั้นต้องดูว่าเกมรับฝั่งไหนสามารถ "อุด" ได้ดีกว่า หากสามารถยันเอาไว้ได้ก็เพียงรอให้เกมรุกทีมตัวเองเจาะอีกฝั่งให้ได้เป็นพอ 


ฤดูกาลนี้ บาเยิร์น เสียไปแล้ว 28 ประตู น้อยสุดรองจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ที่เสีย 27 ประตู ขณะที่ ดอร์มทุนด์ โดนเจาะไป 33 ประตู แต่หากนับเฉพาะในบ้าน "เสือเหลือง" เสียไปเพียง 10 ประตู น้อยกว่าทุกทีมในลีก

ย้อนไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ดอร์ทมุนด์ เบียดลุ้นแชมป์กับ บาเยิร์น มาอย่างสูสี ทว่าแหกโค้งไม่น่าเชื่อในนัดที่ 35 ที่พ่ายคู่ปรับ ชาลเก้ คารัง 2-4 และสะดุดอีกนัดในเกมเยือน เบรเมน ท้ายที่สุดเป็น "เสือใต้" เข้าป้ายคว้าแชมป์ด้วยการมีคะแนนมากกว่า 2 คะแนน 


5. ความพร้อมและฟอร์มล่าสุด 

เทียบความพร้อมเรื่องขุมกำลังตอนนี้ บาเยิร์น สมบูรณ์มากกว่าเมื่อตัวหลักที่ใช้งานประจำในยุคของเทรนเนอร์ ฮันซี่ ฟลิค ต่างอยู่กันพร้อมหน้า 

นิคลาส ซูเล่ เซนเตอร์ทีมชาติเยอรมันบาดเจ็บ แต่ เยโรม บัวเต็ง จับคู่กับ ดาวิด อลาบา ได้เป็นอย่างดี เปิดพื้นที่แบ็กซ้ายให้ อัลฟอนโซ่ เดวิส ดาวรุ่งมาแรงยึดตำแหน่งต่อเนื่อง 

ส่วนแดนกลางมี โยชัว คิมมิช จับคู่กับ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ซึ่งพลาดนัดล่าสุดเพราะเจ็บเล็กน้อย แต่นัดนี้น่าจะกลับมาได้ หากไม่ไหวก็ยังมี เลออน โกเร็ตซ์ก้า และ ฆาบี มาร์ตีเนซ 

แนวรุกหายห่วงไร้กังวลนำโดย โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่กลับมาจากผ่าตัดช่วงพักเบรกก็ยิงต่อเนื่อง ส่วนแถวสองมีตัวเลือกเพียงทั้ง แซร์ช นาบรี้, คิงส์ลี่ย์ โกมัน, โธมัส มุลเลอร์, เลออน โกเร็ตซ์ก้า และ อีวาน เปริซิช ส่วน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่เจ็บอยู่ในตอนนี้ ไม่ส่งผลใดๆ แล้วและเตรียมย้ายกลับ บาร์เซโลน่า หลังสัญญายืมตัวสิ้นสุด


เจดอน ซานโช่ จะเป็นตัวจริงได้หรือไม่?

ฝั่งเจ้าถิ่น ดอร์ทมุนด์ มีปัญหาทั้งเก่าและใหม่ ในแนวรับมีตัวเจ็บอยู่แล้วอย่าง แดน-อักเซล ซากาดู และล่าสุด มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ มาเดี้ยงเพิ่มเมื่อสุดสัปดาห์ ต้องรอดูอาการอีกทีว่าจะพร้อมเจอทีมเก่าหรือไม่  

ขณะที่แนวรุกจะไม่มี มาร์โค รอยส์ ที่ยิงไป 11 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ในลีกเพราะบาดเจ็บเช่นกันและส่อแววต้องพักยาวตลอดฤดูกาลที่แล้ว

อีกจุดน่าสนใจคือ เจดอน ซานโช่ ที่มีส่วนร่วมประตูในลีก 30 ประตู (ยิง 14, แอสซิสต์ 16) ความฟิตไม่เต็มร้อยและเป็นเพียงสำรองใน 2 นัดหลังสุด ต้องดูว่านัดนี้จะฟิตพอเป็นตัวจริงหรือไม่

ส่วนฟอร์มการเล่นช่วงหลังเป็นอีกจุดที่ บาเยิร์น ดูดีกว่าเล็กน้อยเพราะเล่นได้ดีมากในยุคของ ฟลิค ที่่พาทีมชนะ 12 จาก 13 นัดหลังสุดในลีก พลาดเสมอเพียงนัดเดียวในเกมแบ่งแต้ม แอร์เบ ไลปซิก โดยช่วงดังกล่าวนี้ยิงรวม 45 ประตู หรือเฉลี่ยเกือบ 3.5 ประตูต่อนัด 

ดอร์ทมุนด์ ถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกันเพราะชนะ 9 จาก 10 นัดหลังสุด มีแพ้นัดเดียวต่อ เลเวอร์คูเซ่น 3-4 แต่ก็เป็นเกมที่แลกกันสนุกและไม่ถือว่าเป็นการแพ้พลิกล็อกเพราะ "ห้างยา" ในบ้านแข็งแกร่งพอตัว 

....

เรียกได้ว่าเป็น "แดร์ คลาสสิเคอร์" ที่มีหลายสิ่งหลายอย่างน่าจับตาเหลือเกินและแฟนบอลทั่วโลกพลาดไม่ได้เลยจริงๆ


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})