:::     :::

ครบรอบ 20 ปีแชมป์ประวัติศาสตร์ของ ลา กอรุนญ่า จากฟากฟ้าสู่หุบเหว (ตอนจบ)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จากฟากฟ้าสู่หุบเหว เรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ของยอดทีมในตำนาน 'ซูเปอร์เดเปอร์' ลา กอรุนญ่า ดำเนินมาถึงตอนจบแล้ว

(ต่อจากตอนที่แล้ว)

ความสำเร็จจากการคว้าแชมป์ ลา ลีกา ในฤดูกาล1999-2000 กลายเป็นสะพานต่อยอดและยกสถานะสู่จุดที่สูงขึ้นของ เดปอร์ตีโบ ลา กอรุนญ่า ,  ยอดทีมจากแคว้นกาลีเซียขึ้นชั้นไปโลดแล่นในเวทีใหญ่สุดของถ้วยยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถึง 5 ฤดูกาลติดต่อกัน นอกจากนี้แล้ว ทีมของ ฆาเบียร์ อีรูเรต้า ยังโกยความสำเร็จในรูปแบบของถ้วยแชมป์เข้ามาเพิ่มอีกใบ 


6 มีนาคม 2002 กองเชียร์ลา กอรุนเญส จำนวนกว่า 26,000 คน เคลื่อนพลจากแคว้นกาลีเซียสู่มหานครมาดริด เพื่อตามให้กำลังใจทีมรักที่ทะลุเข้าชิงถ้วยโกปา เดล เรย์ กับ เรอัล มาดริด ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม 


ศึกครั้งนั้นนับได้ว่าน่าตื่นเต้นและเป็นที่กล่าวขวัญไม่แพ้ ‘เอล กลาซีโก้’ เพราะมันคือนัดชิง ‘โกปา เดล เรย์ เซนเตนารีโอ’ หรือ วาระฉลองครบรอบ 100 ปีของรายการ ซึ่ง 2 ใน 3 ของยอดทีมแห่งยุคโคจรมาเจอกันเอง   


ท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนขนลุกภายใน เอสตาดิโอ ซานตีอาโก้ เบร์นาเบว แม้กระทั่งกลุ่มนักเตะชั้นยอดอย่าง 

โรเบร์โต้ การ์ลอส,เฟร์นานโด เอียร์โร่,หลุยส์ ฟีโก้,โคล้ด มาเกเลเล่,ซีเนดีน ซีดาน,ราอูล กอนซาเลซ,เฟร์นานโด มอริเอนเตส,กูตี,สตีฟ แม็คมานามาน รวมถึงกระทั่งนักเตะที่สโมสรขายออกมาอย่าง ฟลาวิโอ คอนไซเซา ก็ยังหยุดความร้อนแรงของ ‘ซูเปอร์เดปอร์’ ไม่อยู่ 


2 ประตูในช่วงต้นและปลายครึ่งแรกของ เซร์คิโอ กับ ดีเอโก้ ตริสตัน คือลมใต้ปีกที่หอบให้ ลา กอรุนญ่า บินสูงสู่ฟากฟ้า พวกเขาโค่น ‘กาลาคติกอส’ คารัง 2-1 คว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ เซนเตนารีโอ มาครองอย่างยิ่งใหญ่ 


แชมป์โกปา เดล เรย์ ปี 2002 เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่มีความหมายต่อชาว ‘ซูเปอร์เดปอร์’ ทุกคน จะเรียกว่าเป็นแชมป์ที่ติดตราตรึงใจที่สุดรองจาก แชมป์ ลา ลีกา ก็คงไม่ผิดนัก น่าเสียดายที่ฤดูกาลนั้น ลา ลีกา พวกเขาไล่ บาเลนเซีย ของ ราฟาเอล เบนิเตซ ไม่ทัน (75-68 แต้ม) ไม่เช่นนั้นก็คงกลายเป็นดับเบิ้ลแชมป์ไปแล้ว 


กระนั้นก็ยังภูมิใจได้ เพราะพวกเขาจบในอันดับสูงกว่าทั้ง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า

………………………..

‘EURODEPOR’  จอมแสบแห่งยุโรป 


บนเวที แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ ที่คนสเปนเรียกสั้นๆว่า ‘ลา แชมเปี้ยนส์’ ลา กอรุนญ่า คือทีมเล็กที่พร้อมทำแสบใส่ยักษ์ใหญ่ หลายๆเกม แม้จะไม่เคยไปไกลถึงการคว้าแชมป์ หรือ ลงสนามในนัดชิงชนะเลิศ แต่หลายๆเกมของพวกเขาสร้างความภูมิใจอย่างมาก เช่นเกมบุกชนะ เปแอสเช 3-1 ,ชนะ แมนฯยูไนเต็ด ถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด 3-2 , ชนะ อาร์เซน่อล ที่ ไฮบิวรี่ 2-0,ชนะ ยูเวนตุส ที่ ตูริน 1-0 หรือ โค่น เสือใต้ บาเยิร์น ที่ โอลิมปิก มิวนิค 3-2 


ที่ไล่มาล้วนแต่เป็นเกมที่อยู่ในความทรงจำทั้งสิ้น แต่คงไม่มีฤดูกาลไหนยอดเยี่ยมไปกว่า 2003-04 


ลา กอรุนญ่า ตะลุยไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขาต้องเจอกับยอดทีมอย่าง เอซี มิลาน เลกแรกบุกไปแพ้ที่ ซาน ซีโร่ เละเทะ 4-1 แต่ทีมสร้างปาฏิหารย์ได้ในการเล่นที่ ริอาซอร์ ประตูจาก วอลเตอร์ ปันเดียนี่,ฆวน บาเลรอน,อัลเบิร์ต ลูเก้ และ ฟราน กอนซาเลซ ส่งให้ ‘ซูเปอร์เดปอร์’ พลิกล็อคเขี่ยยอดทีมจากแคว้นลอมบาร์เดียตกรอบอย่างเหลือเชื่อ หากจะเทียบความรู้สึก ก็คงคล้ายๆกับเกม บาร์ซ่า พ่าย โรม่า ที่ โรม ตกรอบ 


เดอะ การ์เดี้ยน หนังสือพิมพ์อังกฤษ ถึงกับยกให้เป็น 1 ใน 3 เกมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ลีก ขณะที่ มาร์ก้า ยกย่องว่านี่คือ 1 ใน 10 เกมแห่งทศวรรษเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ ลา กอรุนญ่า ในช่วงพีคสุดขีดกลับไปไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่อพ่ายให้ เอฟซี ปอร์โต้ ของกุนซือหนุ่มที่กำลังมาแรงของวงการอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่


เกมแพลนของ มูรินโญ่ ล็อคดาวน์แนวรุกอันดุดันของ ลา กอรุนญ่า ก่อนเฉือนชนะ 1-0 ในเลกสองที่ ริอาซอร์ จากจุดโทษของ แดร์เลย ซึ่งเป็นประตูเดียวจาก 2 เกมที่พบกัน 


อย่างที่รู้ มูรินโญ่ พา ปอร์โต้ ก้าวผ่าน ลา กอรุนญ่า ก่อนจะไปทุบ โมนาโก 3-0 ในนัดชิง ผงาดคว้าแชมป์ไปอย่างโลกตะลึง ก่อนจะย้ายไปยัง เชลซี และเริ่มตำนาน ‘เดอะ สเปเชี่ยลวัน’ 


ส่วน ซูเปอร์เดปอร์ ยังโลดแล่นในเวทียุโรปต่อจนถึงฤดูกาล 2004-05 จากนั้น อีรูเรต้า ก็โบกมือลาทีมย้ายลงใต้ไปรับงานคุม เรอัล เบติส ซึ่งอาจพูดได้ว่า นั่นคือจุดที่ทีมเริ่มถดถอย 


กลุ่มนักเตะชุดประวัติศาสตร์เริ่มทยอยย้ายออกไป บางคนที่ยังอยู่ก็เลยช่วงที่ดีที่สุดของตัวเอง ที่สำคัญอีกประการคือทีมพลาดคว้าตั๋วลุยยุโรปตั้งแต่นั้นมา 


ในวาระครบรอบการก่อตั้งสโมสร 1 ศตวรรษ ในปี 2006 ลา กอรุนญ่า เริ่มพบกับความเสื่อมถอย ในสนามพวกเขายังต่อสู้ได้ แต่นอกสนาม ทีมโดนเล่นงานหนักหน่วง หนี้สินที่มีเริ่มพอกพูน แม้ทีมจะยังคว้าแชมป์ อินเตอร์ โตโต้ คัพ ภายใต้การนำของ มิเกล อังเคล โลติน่า แต่เมื่อขาดรายได้ก้อนใหญ่จากรายการ แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ทำให้ทีมเริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง 


บอร์ดต้องระงับนโยบายการทุ่มซื้อแข้งซูเปอร์สตาร์ที่หมายตาไว้ทั้งหมด และหันมาใช้งานนักเตะจากอะคาเดมี่ของสโมสรเป็นหลัก ห้วงเวลานั้นทีมจำต้องดันเด็กๆขึ้นมาเล่นมากถึง 15 คน ทั้งๆที่บางรายยังไม่พร้อม แต่พวกเขาไม่มีทางเลือก เมื่อหนี้สินทะยานสูงขึ้นๆ จนแตะที่หลัก 90 ล้านยูโร 


 90 ล้านยูโร เมื่อ 15 ปีก่อน ถือเป็นเม็ดเงินมหาศาล เอากุสติน เลนดอยโร่ ประธานสโมสรสั่งการให้ทีมรัดเข็มขัดเพื่อความอยู่รอด ทั้งๆที่เขาเคยเป็นประธานมือเติบ 


เลนดอยโร่ เป็นนักการเมืองแคว้นกาลีเซียที่กินตำแหน่งบริหารระดับประเทศ ดังนั้นเขาจึงมีอิทธิพลค่อนข้างมาก และด้วยความใจถึง กล้าได้กล้าเสีย ทำให้ ลา กอรุนญ่า ของเขาสามารถคว้าสุดยอดผู้เล่นในยุคนั้นเข้าทีมมากมาย โดยเฉพาะ เบเบโต้ กับ เมาโร ซิลวา ซึ่งถือว่าเซอร์ไพรส์อย่างมาก เนื่องจากเวลานั้นทั้งคู่เป็นนักเตะเนื้อหอม ทีมยักษ์ใหญ่รุมตอมจะเอาตัวเข้าสังกัด แต่ เลนดอยโร่ ทุ่มสุดตัว พร้อมใช้วาทะศิลป์ระดับนักการเมืองขั้นเทพพรรณนาโวหารว่า “ไม่มีที่ไหนในสเปนอีกแล้วเพื่อนเอ๋ย ที่จะสวยงามและอากาศดีเทียบเท่า บราซิล เหมือนเช่นที่ กาลีเซีย” 

………………………………

วิกฤต และ ความเสื่อมถอย


วิกฤตการณ์ทางการเงิน นำพามาซึ่งความเสื่อมถอยของ ลา กอรุนญ่า , เพราะฟุตบอลเป็นเกมที่ไม่อาจคาดเดาได้  ในวันที่ผลงานไม่เป็นตามคาดหวัง เงินที่ลงทุนไปก็ถึงรอบบิลที่ต้องชำระ 

ในที่สุดความอ่อนแอทางด้านการเงินก็นำมาซึ่งความอ่อนแอในสนาม แข้งดาวรุ่งไม่อาจแบกทีมได้ ทีมค่อยๆเสื่อมถอย จากท็อป 3 ร่นลงมาเป็น ท็อป 10 จาก ท็อป 10 ก็มาถึงวันหายนะ...


วันที่ 21 พฤษภาคม 2011 ลา กอรุนญ่า ตกชั้น !! หลังจากโลดแล่นในลีกสูงสุดของประเทศมาตลอด 20 ปี ความพ่ายแพ้คารังต่อ บาเลนเซีย 0-2 คือจุดจบของทุกอย่าง

ดูจากภายนอก การลงไปเล่นใน เซกุนด้า ดิบิซิออน ฤดูกาล 2011-12 ของ ลา กอรุนญ่า เปรียบเสมือนการเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ‘ซูเปอร์เดปอร์’ โกยได้ถึง 91 แต้มจาก 42 เกม เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาเพียงโดยใช้เวลาเพียงแค่ฤดูกาลเดียว ทว่า โดยเนื้อแท้ ใครจะรู้ว่าพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว 


ในปี 2012 เลนดอยโร่ ยอมรับว่าไม่สามารถจ่ายหนี้ที่คั่งค้างได้อีกต่อไป สถานการณ์นี้ทำเอาระส่ำไปทั้งสโมสร ผลงานในลีกก็ขึ้นๆลงๆ ทีมเปลี่ยนเทรนเนอร์เป็นว่าเล่น แต่ก็ไม่อาจประคองตัวรอดพ้นจากการตกชั้นได้


ลา กอรุนญ่า ตกชั้นอีกครั้ง หลังเลื่อนกลับมาได้แค่ปีเดียว เลนดอยโน่ ถูกบีบให้ก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2014 ยุติบทบาทบริหารทีมที่เคยทำมา 25 ปี โดยมี โตนี่ เฟร์นานเดซ ก้าวขึ้นมาแทนที่ พร้อมแบกรับหนี้สิน 160 ล้านยูโร (จำนวนนี้เป็นหนี้กรมสรรพากร 90 ล้านยูโร) 


ชีวิตแฟนบอลลากอรุนญ่านับแต่ 2011 เหมือนนั่งรถไฟเหาะ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง ระหว่าง ลา ลีกา กับ เซกุนด้า  โดยหลังขึ้นมาในฤดูกาล 2014-15 พวกเขายืนระยะได้ดีอยู่ช่วงนึง แต่ก็ตกชั้นอีกใน 4 ปีต่อมา นับถึงตอนนี้แล้ว นี่คือฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันที่ ซูเปอร์เดปอร์ ลงเล่นในลีกรองของประเทศ 


เพ่งดูจากสถิติเก่าๆลา ลีกา สำหรับกองเชียร์ลากอฯ อาจดูไม่ไกลเกินเอื้อม แต่ความจริงก็คือสถานการณ์ของทีมมันน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ 

ยุคของ เฟร์นานโด บีดัล ปรธานคนปัจจุบันซึ่งรับช่วงต่อจาก โทนี่ เฟร์นานเดซ สโมสรยังไม่อาจกอบกู้ศักยภาพทางการเงินกลับมาอย่างที่ควรจะเป็น ทีมยังคงมีหนี้สินมากมาย ส่วนผลงานในซีซั่นนี้ก็ตกต่ำอย่างน่าใจหาย 


ภายใต้การนำของ เฟร์นานโด บาสเกซ กุนซือเลือดเนื้อเชื้อไขชาวกาลีเซีย ลา กอรุนญ่า กำลังปักหัวดิ่งลงเหว 31 เกมในปีนี้พวกเขาเก็บได้แค่ 35 แต้ม รั้งอันดับ 19 จาก 22 ของตาราง...ซึ่งเป็นโซนตกชั้น 


4 เกมหลังสุดของ ซูเปอร์เดปอร์ ก่อนหยุดพักเพราะโควิด ลา กอรุนญ่า เอาชนะใครไม่ได้เลย เสมอ 2 แพ้ 2 เกมล่าสุดออกไปโดน อัลเมเรีย ถล่มยับ 4-0 

ด้วยฐานะทางการเงินที่ย่ำแย่ ทรัพยากรนักเตะที่คุณภาพต่ำ ระดับของกุนซือ บวกกับฟอร์มปัจจุบัน พูดได้เต็มปากว่ามีความเสี่ยงอย่างมากที่เราจะเห็น ลา กอรุนญ่า ร่วงลงไปยัง เซกุนด้า เบ (ดิวิชั่น 3) ในซีซั่นหน้า 


มีอดีตผู้เกี่ยวข้องกับสโมสรหลายคนออกมาแสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เลนดอยโร่ 

เขากล่าวว่า “สิ่งที่กลัวอย่างที่สุดก็คือ หาก เดปอร์ตีโบ ตกชั้นสู่ เซกุนด้า เบ , มันมีความเสี่ยงสูงมากที่ทีมจะถูกกลืนหายไป” 


“กลืนหายไป” ตีความให้เข้าใจง่ายๆก็คือ “ยุบทีม” 


ฟังแล้ว คุณอาจไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ใครจะรู้ล่ะ ?! 

โลกฟุตบอลทุกวันนี้ถูกอำนาจเงินตราชักลากให้พุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไร้ความปราณี คงมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งทางการเงินเท่านั้นที่จะอยู่รอด ซึ่งนั่นเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ ลา กอรุนญ่า ขาดหาย 


มันคงเศร้าอย่างบรรยายไม่ถูก..หากวันนั้น วันที่ทุกคนหวาดกลัวมาถึง 

“วันที่ ลา กอรุนญ่า เหลือแค่ชื่อให้เล่าขาน”

เจมส์ ลา ลีกา





ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})