:::     :::

"กายปีศาจ เลือดไทย หัวใจหงส์" Corbyn Murray และความฝันที่เราจะส่งใจช่วย

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
5,918
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นักเตะลูกครึ่งไทยที่ได้ติดอยู่ในทีมเยาวชนของแมนยูไนเต็ด และยังโดดเด่นเป็นที่จับตามองไปทั่วยุโรปในสมญานามเดอะนิวเบ็คแฮม แต่หัวใจทั้งดวงพลีให้กับหงส์แดงลิเวอร์พูลไม่เปลี่ยนแปลง

ต้องพูดเลยว่านี่ไม่ใช่แค่การขายข่าวให้คนไทยตื่นเต้นกันเหมือนเคยๆ เวลาที่มีนักเตะเชื้อสายไทยได้ไปเป็นนักเตะอยู่กับสโมสรต่างๆในยุโรป เวลามีข่าวใครขึ้นมาก็มักจะเป็นกระแสที่คนไทยสนใจอยู่เสมอ

แต่ในกรณีของเจ้าหนูมหัศจรรย์ว่าที่ขวัญใจคนใหม่ของพี่น้องชาวไทยอย่าง "Corbyn Murray" (คอร์บิ้น เมอร์เรย์)นั้น แตกต่างจากที่ผ่านๆมาอย่างสิ้นเชิง เพราะนี่คือหนูน้อยwonderkidระดับ "Talent" ของจริงที่สื่อนอกให้การยอมรับ เก่งจริงระดับโดดเด่น ไม่ใช่แค่เยาวชนโนเนมที่มีโอกาสติดทีมไปเฉยๆ

และที่สำคัญ สโมสรที่น้องได้ไปอยู่นั้น ไม่ใช่แค่สโมสรชื่อดังธรรมดาๆ แต่มันคือ "Manchester United" สโมสรที่มีแฟนบอลทั่วโลกหลายสิบล้านคนของพวกเรานี่แหละ มันถึงได้น่าทึ่งและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก


ผมเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะเคยได้อ่านประวัติของน้องมาบ้างแล้วว่า นี่คือหนูน้อยลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่ได้ติดอยู่ในทีมเยาวชนของแมนยูไนเต็ด ซึ่งโดยที่ล่าสุดคอร์บิ้น หรือ น้องขมิ้น(ชื่อเล่นที่แฟนๆชาวไทยเรียกน้องกันในเฟซบุคเพจ Kiana & Corbyn https://www.facebook.com/kianacorbyn/ ) ได้เซ็นสัญญาต่อออกไปอีก2ปีกับสโมสรเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วันนี้จึงเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งที่ผมจะได้เขียนบทความเล็กๆหนึ่งชิ้นนี้ถึงน้อง ในฐานะที่เป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และแฟนบอลทีมชาติไทยคนหนึ่งที่ได้เห็นนักเตะสายเลือดไทย มีโอกาสไปไกลถึงสโมสรระดับแนวหน้าของโลกเช่นนี้


ประวัติและเส้นทางการมาเป็นนักฟุตบอลของน้องคอร์บิ้น สามารถสรุปให้พอจะเห็นภาพได้ว่า หนูคอร์บิ้น เมอร์เรย์นั้นเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ คุณพ่อสก็อตต์ เมอร์เรย์เป็นชาวอังกฤษ ส่วนคุณแม่เก๋ จารุณี เมอร์เรย์ เป็นคนไทย ภูมิลำเนาอยู่ชลบุรี

ซึ่งแฟนๆหลายคนคงจะรู้ข่าวเรื่องนี้กันแล้วว่า ทางครอบครัวของคุณพ่อสก็อตต์นั้นเป็น"แฟนลิเวอร์พูล"กันทั้งบ้านจริงๆ เป็นชาวเมืองลิเวอร์พูล คุณพ่อก็เชียร์ แถมคุณปู่ก็เคยเป็นผู้จัดการของทีมท้องถิ่นในลิเวอร์พูล ซึ่งแน่นอน ตัวของน้องคอร์บิ้นเองก็ "เป็นแฟนพันธุ์แท้ลิเวอร์พูล" อย่างเต็มตัว โดยมีไอดอลเบอร์หนึ่งในใจอย่าง สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด นั่นเอง

สามารถเรียกน้องคอร์บิ้นว่าเป็น "แฟนหงส์แดงโดยกำเนิด" ได้เลยทีเดียว


แต่ทำไมหนุ่มน้อยแฟนหงส์ถึงมาอยู่กับทีมคู่แข่งอย่างแมนยูไนเต็ดได้ พอจะสรุปไทม์ไลน์แบบเข้าใจง่ายๆได้ดังนี้

1. จุดเริ่มต้นในวัย5ขวบ

น้องเริ่มเล่นฟุตบอลจริงๆจังๆตอนอายุราว5ขวบ (ซึ่งนั่นก็ประมาณปี2013ที่แมนยูได้แชมป์ลีกครั้งสุดท้ายพอดี) ทางครอบครัวเล่าให้ฟังว่า จริงๆแล้วตั้งแต่เกิดน้องก็ชอบเล่นและคลุกคลีอยู่กับฟุตบอลอยู่แล้วจากพื้นฐานทางบ้าน


2. "นิวเบ็คแฮมวัย7ขวบได้ถือกำเนิดขึ้น"

ตอน7ขวบ คอร์บิ้นเล่นให้กับทีมWoodbank Juniors  ในทัวร์นาเมนต์ที่บาซ่าเป็นเจ้าภาพจัดเชิญทีมเยาวชนจากอังกฤษไปแข่งที่คัมป์นู และนั่นคือวันที่คอร์บิ้นโชว์ฟรีคิกระยะไกล ปั่นเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลไปแบบตะลึงทั้งสนาม และหลังจากนั้นเองที่สื่อหลายสำนักต่างขนานนามเขาว่า "The New Beckham" กันจริงๆจังๆตอนน้องอายุ7ขวบ เป็นข่าวโด่งดังของปี2015 หรือตั้งแต่เมื่อ5ปีที่แล้วนี่แหละ

ซึ่งคุณพ่อสก็อตต์ได้เปิดเผยว่า ประตูที่ว่านั้นไม่ได้เป็นการฟลุคแต่อย่างใด เพราะน้องซ้อมลูกครอสและเซ็ตพีซแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แค่โชคดีที่ว่าครั้งนั้นมันเป็นครั้งที่มีกล้องได้ถ่ายไว้พอดีนั่นเอง ซึ่งจากการดูผู้เขียนก็เชื่อว่าของจริง เพราะจังหวะยิงฟรีคิกสายตาน้องเล็งจะยิงเสาไกลตั้งแต่แรก ชัดเจนเลยว่าตั้งใจยิง (ยังเจอคลิปยิงฟรีคิกอื่นอีกของน้องตอนอายุ7ขวบ ระยะไกลพอๆกับลูกที่คัมป์นู และน้องยิงชนเสาเกือบจะเข้าเหมือนกัน)

สำนักข่าวฟุตบอลของยุโรปหลายๆสำนักนำคอร์บิ้นไปรวมกับเด็กระดับwonderkidsรายอื่นๆอีกรวมเป็น7คน ซึ่งในนั้นต่างมีเด็กๆพรสวรรค์มากมายไม่ว่าจะเป็น นิวชาบี้อย่าง Xavi Simons ของบาซ่า หรือแม้กระทั่ง The New Lionel Messi อย่างKaramoko Dembele ที่เล่นu-20ของCeltics ตั้งแต่อายุ13  ปัจจุบันนี้อายุ17ปีแล้ว


สมญานาม"เดอะนิวเบ็คแฮม" นี้มาจากเพราะฝีมือการยิงฟรีคิกที่แทบจะถอดมาจากเบ็คแฮม ท่ายิงใกล้เคียงกันมาก ความแม่นยำ วิถีการยิง ซึ่งนอกจากการที่อยู่แมนยูแล้วนั้น สำคัญที่สุดคือหน้าตาน้องคือ "หล่อมากกกกกก" หล่อแบบเทพบุตรมาเลย หน้าคล้ายKakaมาก (เล่นมิดฟิลด์ตัวรุกเหมือนกันอีกตะหาก) ถ้าได้ขึ้นมาเล่นให้แมนยู เราก็จะมีนักเตะหล่อๆเอาไว้ให้เชียร์กันอีกคนเหมือนตอนที่มีพี่เบ็คเล่นอยู่นั่นเอง 

*อนึ่ง มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอยู่เรื่องนึงนั่นก็คือ คุณแม่เก๋ได้เปิดเผยว่า จริงๆแล้วที่บ้านก็คุ้นเคยกับเบ็คแฮมอยู่พอสมควรจริงๆ เพราะว่าก่อนจะเป็นแฟนกับวิคตอเรียนั้น พี่เบ็คสมัยตอนเป็นวัยรุ่นยังไม่โด่งดัง เคยเป็นแฟนเก่ากับ "คุณป้าของน้องคอร์บิ้น" มาก่อน เหมือนพี่เบ็คมีดวงผูกกับบ้านนี้เลย

[ขอขอบคุณข้อมูลสัมภาษณ์คุณแม่เก๋ จากคอลัมน์ของพี่แมน โกสินทร์ด้วยครับ]


3. 9ขวบกับการตัดสินใจเลือกทีม

ในวัย9ขวบ หลังจากเริ่มเป็นที่จับตามองก็มีทีมมากมายที่สนใจในตัวน้องถึง6สโมสรในตอนนั้นและได้มีโอกาสไปลองฝึกซ้อมและเยี่ยมชมอะคาเดมี่หมดแล้ว อันได้แก่ ลิเวอร์พูล เอฟเวอร์ตัน แมนซิตี้ แบล็คเบิร์น แมนยูไนเต็ด และทีมแถวบ้านอย่างบิวรี่ แต่สองช้อยส์สุดท้ายของทางบ้านคือ ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเท่านั้น โดยคุณพ่อสก็อตต์กล่าวว่า หลายๆอะคาเดมี่นั้นฝึกซ้อมแตกต่างกัน เช่น เอฟเวอร์ตันจะเน้นการจ่ายบอล ที่ลิเวอร์พูลจะฝึกสกิล การเคลื่อนที่

แต่ที่แมนยูไนเต็ดนั้นจะเน้นให้เยาวชนได้เล่นตามธรรมชาติของตัวเอง เน้นให้เด็ก"สนุกกับการเล่น" โดยที่ใช้เวลาต่อสัปดาห์เพียง8ชั่วโมงเท่านั้นเองที่ซ้อมสองวัน วันละ2ชั่วโมง และวันแข่งสองวันเสาร์อาทิตย์ก็วันละอีก2เช่นกัน ซึ่งไม่มากเกินไปสำหรับเด็ก และคุณพ่อสก็อตต์เห็นว่ามันเหมาะสมกับการพัฒนาและเติบโตของคอร์บิ้นที่สุดแล้ว เพราะที่แมนยูจะปล่อยให้เด็กๆนั้นได้เติบโตเบ่งบานขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่รีแลกซ์สบายๆ นี่เป็นอีกเหตุผลสำคัญของการตัดสินใจเลือก


แต่ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของการที่บ้านของครอบครัวเมอร์เรย์นั้นอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ซึ่งการจะเดินทางไปกลับสองเมืองระหว่างแมนเชสเตอร์กับลิเวอร์พูลนั้นทำให้น้องเหนื่อยอ่อนล้ามากที่กว่าจะถึงบ้านแต่ละวันก็ดึก บวกกับโรงเรียนของน้องก็อยู่ที่Bolton School Junior Boys ซึ่งใกล้กับแมนเชสเตอร์มากกว่า เป็นการเลือกที่ตัดสินใจยากมากเพราะน้องเป็นแฟนหงส์แดงและชอบเจอร์ราร์ดมาก

แต่สุดท้ายแล้วครอบครัวตัดใจเลือกช้อยส์สุดท้ายให้น้องมาเป็นนักเตะเยาวชนที่ "แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด" ในที่สุดเพื่อจะให้น้องคอร์บิ้นได้เล่นฟุตบอลที่เน้นความสนุนสนาน และให้น้องได้ฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างมีความสุขไม่ต้องลำบากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง และยังสะดวกในเรื่องการเรียนหนังสืออีกด้วย


ประเด็นในเรื่องของ 'การศึกษา' ในเคสนี้นั้นถือเป็นวิธีคิดที่น่าสนใจมากๆ นักบอลบางครอบครัวก็อาจจะใช้วิธี ฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างเดียวหนักหน่วงไปเลย แต่มุมมองของครอบครัวเมอร์เรย์ทั้งคุณพ่อและคุณแม่จะไม่ใช้วิธีดังกล่าว คุณพ่อสก็อตต์บอกว่า ฟุตบอลนั้นไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต และเขาเข้าใจ "ธรรมชาติของอาชีพนักฟุตบอล" เป็นอย่างดีว่าระยะเวลาการใช้งานมันสั้นและมีความเสี่ยงมากเพียงใด อย่างที่เราทราบกัน

เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตอะไรจะเกิดขึ้น เราจะยังติดทีมอยู่ไหม หรือเราจะบาดเจ็บไปนานขนาดไหน 1ปี 2ปี หรือเรื้อรังจนต้องแขวนสตั๊ดก่อนวัยอันควรที่มีให้เห็นอยู่มากมาย

ดังนั้นทางบ้านของน้องคอร์บิ้นจึงไม่ได้อัดฟุตบอลเพียวๆให้น้อง แต่ยังให้เขาได้เรียนรู้ศาสตร์แขนงอื่นๆด้วยดังที่เห็นว่า น้องยังคงต้องไปเรียนหนังสือที่โบลตันสคูลอยู่นั่นเอง และคุณแม่เก๋ก็ไม่ยอมให้น้องทิ้งการเรียนเช่นกัน และปล่อยให้น้องพัฒนาด้านฟุตบอลไปอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่มีความสามารถในด้านอื่นๆนอกเหนือจากฟุตบอลด้วย


4.เส้นทางระหว่างเป็นนักเตะเยาวชน

ขณะที่เข้ามาเป็นนักเตะเยาวชนแมนยูไนเต็ด นอกจากจะเคยมาร่วมเล่นฟุตบอลกับเยาวชนไทยตอนอยู่u-9แล้วนั้น เขายังพาทีมคว้าแชมป์ English International Supercup 2017และยังได้โชว์ฟอร์มให้เจอร์ราร์ดและโอเว่น ไอดอลของเขาได้เห็นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังได้ไปแข่งในทัวร์นาเมนต์เกมน็อคเอ้าท์ที่Tuscanyประเทศอิตาลีกับทางแมนยูไนเต็ด ได้ดวลกับทีมเยาวชนของ Empoli, Sassuolo, Torcy และ Academy Massa ผ่านเข้าไปจนถึงรอบ8ทีมสุดท้ายก่อนที่จะแพ้เยาวชนAjax 2-0


5. ล่าสุดแมนยูจับต่อสัญญาอีกสองปี

นี่ก็คือข่าวสดๆร้อนๆที่เพิ่งจะออกมาเมื่อวันที่16 พ.ค. 2020นี้ว่า สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ทำการต่อสัญญาCorbyn Murrayออกไปอีกเป็นเวลา2ปีเต็ม ซึ่งในปัจจุบัน น้องขมิ้นเพิ่งจะอายุ12ปีเต็มเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และปัจจุบันเล่นอยู่กับทีมชุดU-13ของสโมสร ซึ่งเมื่อต่อสัญญาเช่นนี้ก็หมายความว่า น้องมีโอกาสที่จะขึ้นไปอยู่ถึงชุด U-15 ของสโมสรได้อย่างแน่นอนแล้ว

และนั่นหมายความว่า หากสองปีต่อจากนี้เป็นไปได้ด้วยดี และสโมสรเห็นแววของน้อง  ดังนั้นการต่อสัญญาในครั้งต่อไปจะเป็นก้าวสำคัญทีเดียวเพราะหากได้ต่อออกไปอีกนั่นจะทำให้น้องมีโอกาสขึ้นไปทีมชุดU-18 ของแมนยูไนเต็ดในอีกช่วง5ปีข้างหน้า ซึ่งนั่นใกล้เคียงกับการได้ขึ้นfirst teamค่อนข้างมาก เพราะเด็กชุดu-18 กับu-23นี่แหละที่จะถูกพิจารณาให้ขึ้นไปเสริมทีมและซ้อมร่วมกับนักเตะชุดใหญ่ได้แล้ว


และทั้งหมดนั้นคือไทม์ไลน์ทั้งหมดของความเป็นมาของน้องว่ามาอยู่อะคาเดมี่ของแมนยูไนเต็ดได้ยังไง ซึ่งเขียนมาถึงตอนนี้นั้นหลายคนอาจจะยังนึกไม่ออกว่า แล้วการเล่นของน้องเป็นยังไง และน้องเล่นตำแหน่งไหน ซึ่งคำตอบของตำแหน่งในปัจจุบันนี้ที่คอร์บิ้นได้เล่นบ่อยๆคือ "มิดฟิลด์ตัวรุก" ที่เล่นได้ทั้งตรงกลางแบบcentral midfielder และตัวครอสริมเส้นด้วย

ความสามารถพิเศษและสกิลที่โดดเด่น

เจ้าหนูคนนี้จัดเป็น"จอมยิงไกล"คนนึงเลย เพราะทั้งฟรีคิกและการส่องยิง หลายๆประตูที่เขายิงอย่างสุดสวยนั้นยิงจากระยะที่โคตรไกลมากๆแทบทุกลูก ทั้งลูกที่คัมป์นู และล่าสุดยิงเกินครึ่งสนาม(บอล7คน) ลูกบอลพุ่งเป็นลูกไฟโคตรแรงเสียบเข้าประตูไปแบบอลังการ คลิปหาดูได้ที่หน้าเพจของน้องเลย

ลูกยิงที่หนักหน่วงรุนแรง และการทำประตูได้บ่อยครั้ง ขนาดคุณพ่อสก็อตต์ยังเอ่ยปากว่า เขาเป็นpowerful strikerเลยซึ่งก็จริง เพราะตีนหนักมาก ยิงแรงสุดๆขนาดว่าไกลมาก บอลยังพุ่งเร็ว ยิงได้ทั้งลูกปั่นและนัคเกิลบอลด้วย หลายๆครั้งที่อ่านเรื่องราวของคอร์บิ้น เขามักจะบอกคุณแม่เก๋เสมอๆว่า ยิงได้อีกแล้ว ทีมแพ้ชนะอีกเรื่อง แต่นั่นทำให้เราได้เห็นว่า น้องคอร์บิ้นนั้นมีเซนส์การพังประตูที่สูงมากจริงๆ


เรื่องนี้นั้นจึงย้อนกลับไปที่เรื่อง "ตำแหน่งการเล่น" ของน้อง เพราะว่าในตอนนี้เขายังไม่ได้fixตำแหน่งตายตัวให้นักเตะเยาวชน ให้เด็กๆได้ค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบสิ่งที่ตัวเองถนัดและเหมาะสม ดังนั้นดูจากสกิลของคอร์บิ้นแล้วนั้น ก็มีโอกาสเหมือนกันที่ในอนาคตอาจจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าก็ได้เพราะความสามารถในการพังประตูที่ดี หรืออาจจะเล่นWingerสายครอสก็เป็นได้เช่นกัน

แต่ให้ดูทรงแล้ว คิดว่าน้องน่าจะเป็น "มิดฟิลด์ตัวรุกจอมยิงไกลสายพลัง" ชัดเจนที่สุดตามตำแหน่งปัจจุบัน+ตามสกิลทักษะที่ถนัด

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว มันคงไม่ได้บังเอิญแน่ๆที่เขียนไปแล้วก็พบความจริงว่า สิ่งที่ผมคาดเอาไว้ในอนาคตว่า เขาจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกจอมยิงไกลนั้น อ่านไปอ่านมา นี่มันก็คำจำกัดความของ "สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด" ชัดๆนี่นา


ดังนั้นผมเชื่อว่าตำแหน่งที่คอร์บิ้น เมอร์เรย์ จะยึดเป็นหลักไปอีกนานตามไอดอลที่เขารักอย่างมาก นั่นก็คือการได้เป็นมิดฟิลด์จอมยิงไกลเท่ๆแบบเจอร์ราร์ดนั่นเอง

ใครที่อยากจะติดตามน้องก็ไปกดlikeและfollowกันได้เลยที่เพจ Kiana & Corbyn โดยตรง ซึ่งคุณแม่เก๋เป็นแอดมินคอยโพสต์เรื่องราวของน้องอยู่ และศาลาผีก็ได้ขออนุญาตคุณแม่นำภาพในเพจมาประกอบบทความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไปติดตามเส้นทางการเป็น "นักเตะเยาวชนสายเลือดไทยของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด" ของน้องกันได้แบบใกล้ชิดโดยตรงได้เลย

ต้องบอกว่านับจากนี้คงต้องจับตาดูดีๆ มีโอกาสสูงมากๆที่ในอนาคคตต่อจากนี้อีก7-8ปี เราอาจจะได้เห็นCorbyn Murray ประเดิมสนาม debutกับแมนยูสำเร็จก็เป็นได้ เพราะยูไนเต็ดนั้นถือเป็นสโมสรที่มีtraditionalสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ "การให้โอกาสนักเตะเยาวชน" ที่ชัดเจนยิ่งกว่าสโมสรไหนๆ

เพราะถ้าเอาจริงๆสมมติว่าลองเปรียบเทียบกัน ระหว่างอยู่เป็นเยาวชนแมนยู กับ อยู่ทีมเยาวชนลิเวอร์พูล โอกาสที่เยาวชนจะได้ขึ้นชุดใหญ่นั้น อยู่แมนยูมีโอกาสกว่าเยอะมาก ในขณะที่ดาวรุ่งท้องถิ่นของฝั่งลิเวอร์พูลนั้นมีขึ้นมาน้อย จะมีก็คือต้องระดับเจอร์ราร์ดแบบนั้นเลย

เพราะฉะนั้นหากเทียบกันแล้ อยู่อะคาเดมี่แมนยูถือว่า มีโอกาสขึ้นชุดใหญ่มากกว่า ยิ่งยุคโอเล่ที่สนับสนุนปรัชญาการให้โอกาสเยาวชนของสโมสรแล้วนั้น ยิ่งชัดเจนมากขึ้นอีก

ทางครอบครัวน่าจะเลือกได้ถูกต้องแล้ว


ซึ่งล่าสุดจากที่เห็นข่าวบนโพสต์ คุณแม่ก็มาอัพเดทว่าช่วงนี้น้องกำลังเจ็บเข่าอยู่จากอาการโรค Osgood-Schalatter disease หรือเรียกสั้นๆว่าOSD เป็นโรคปวดเข่าชั่วคราวที่พบบ่อยในเด็กและวัยรุ่นที่กำลังโต ชื่อไทยว่าโรคปุ่มกระดูกหน้าแข้งอักเสบนั่นเอง ซึ่งบริเวณระหว่างกระดูกสะบ้าหัวเข่า กับกระดูกหน้าแข้ง มันจะมีเส้นเอ็นเชื่อมอยู่ตรงนั้น เป็นอาการของเส้นเอ็นที่อยู่ใกล้กับกระดูกเกิดอักเสบ และเมื่อมีอาการจะปวดและบวมบริเวณใต้เข่าของน้อง ซึ่งปัจจัยหลักๆที่ทำให้เกิดโรคนั้นน้องมีครบเลยนั่นก็คือ

1.rapid growth น้องคอร์บิ้นโตขึ้นแบบก้าวกระโดด(คล้ายๆแม็คโทมิเนย์)แล้วกล้ามเนื้อเส้นเอ็นมันตามไม่ทันกระดูก

2.มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเล่นกีฬาที่กระโดด หรืองอเข่าบ่อยๆเช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล

3..high level of sporting activities การซ้อมอย่างเข้มข้นหนักหน่วง

ตอนนี้น้องจึงต้องพักการเล่นฟุตบอลไปก่อน หมั่นประคบร้อนประคบเย็น กายภาพบำบัด ใส่ที่รัดเข่า และทำการยืดเหยียดอยู่เป็นประจำ ช่วงนี้แมนยูไนเต็ดจึงสั่งให้น้องหยุดเล่นฟุตบอล และห้ามเล่นอะไรที่ทำให้เกิดแรงดันที่เข่าอีกในช่วง2อาทิตย์นี้ ยังไงก็อย่าลืมตามไปแวะเวียนให้กำลังใจน้องคอร์บิ้นและคุณแม่กันที่เพจได้ และหวังว่าน้องจะหายจากอาการเจ็บเข่าโดยเร็ว และกลับมาเล่นฟุตบอลได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง

บทความนี้เพียงแค่อยากจะนำเสนอและเล่าถึงเรื่องราวของเจ้าหนูมหัศจรรย์ที่เป็นความภูมิใจของแฟนบอลชาวไทยผู้นี้ให้ทุกๆคนได้รู้จักกันอย่างละเอียด

และจุดประสงค์หลักจริงๆของการเขียนครั้งนี้ก็คือ อยากให้แฟนบอลชาวไทยส่งกำลังใจเชียร์ให้น้องประสบความสำเร็จในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพเป็นหลักๆ โดยที่ไม่ต้องสร้างความคาดหวังหรือกดดันว่าน้องจะต้องเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ อย่างเช่น แฟนแมนยูเราก็ไม่ต้องคาดหวังว่า น้องจะต้องได้ขึ้นทีมชุดใหญ่ น้องจะต้องได้เป็นนักเตะไทยคนแรกที่ได้เล่นให้แมนยูเป็นต้น


เพราะอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ของน้องบอกเอาไว้ว่า เราก็ไม่รู้อนาคตว่า หลังจากนี้น้องจะยังคงรักษาการท็อปฟอร์มเช่นนี้ไว้ได้ต่อเนื่องหรือไม่ โค้ชจะเลือกหรือไม่เลือกก็ไม่อาจรู้ได้ ไม่มีอะไรแน่นอนทั้งนั้น

ผมจะเชียร์น้องในฐานะลูกหลานคนไทยของพวกเราให้ก้าวไกลไปตามฝันให้ได้สูงที่สุดก็พอ เพราะถ้าสักวันนึงน้องจะไปโด่งดังหรือย้ายไปเป็นนักเตะของลิเวอร์พูลแล้วละก็ ผมซึ่งเป็นแฟนผีคนนึงจะยิ่งดีใจด้วยซ้ำที่จะได้เห็นน้องได้ลงเล่นให้สโมสรในฝันที่ตัวเองรักและชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กอย่างหงส์แดง 

แต่หากสักวันนึงน้องได้กลายเป็นนักเตะเยาวชนเชื้อสายไทยที่พาตัวเองขึ้นทีมชุดใหญ่แมนยูสำเร็จได้จริงๆ มันจะยิ่งกว่าความฝันซะอีก ของทั้งน้อง และของแฟนๆปีศาจแดงโดยเฉพาะที่เมืองไทยเลยทีเดียว

แม้ใจน้องจะยังคงรักหงส์แดงอยู่ แต่คอร์บิ้นละครอบครัวก็ภาคภูมิใจในการได้เป็นนักเตะเยาวชนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างมากเช่นกัน

ไปให้สุดแล้วหยุดที่"เบอร์7"นะลูก

สรุปแล้วไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไรก็ตาม น้องจะได้เล่นให้แมนยู จะกลับไปโด่งดังกับลิเวอร์พูล หรือย้ายไปเล่นฟุตบอลอย่างสนุกสนานที่ไหนสักแห่ง เราในฐานะแฟนบอลก็จะตามเชียร์และเป็นกำลังใจให้น้องเสมอ แม้กระทั่งแฟนบอลชาวไทยเองก็ตาม อย่าเพิ่งคาดหวังว่า สักวันนึงน้องจะต้องกลับมาเล่นให้ทีมชาติไทยเท่านั้น

มันอยู่ที่จังหวะ โอกาส และอนาคตล้วนๆซึ่งคุณแม่ก็บอกว่ามันขึ้นอยู่กับตัวน้องเองหากถึงวันนั้น น้องเองก็เคยมีเอ่ยปากว่าอยากเล่นให้ทีมชาติไทยด้วยเหมือนกัน ในขณะที่อีกด้าน หากน้องไปได้ไกลกว่านั้น การเลือกทีมชาติอังกฤษก็น่าจะเป็นโอกาสในการก้าวหน้าที่ดีกว่า และคงไม่ผิดอะไรเลยหากเจ้าตัวจะเลือกเล่นให้ทีมสิงโตคำราม เชื่อว่าแฟนบอลไทยก็น่าจะเข้าใจน้องดีและยอมรับได้


ทุกๆอย่างเป็นเรื่องของอนาคต ไม่ว่าเส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของน้องจะเป็นยังไง เราก็จะตามส่งกำลังใจให้น้องประสบความสำเร็จให้ถึงที่สุด

ผมมั่นใจมากๆว่าน้องจะต้องทำได้สำเร็จ เพราะการมีสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็ง และทัศนคติที่ดีมากๆของคุณพ่อคุณแม่จะนำทางน้องไปสู่หนทางที่ถูกต้องและดีที่สุดสำหรับเขาได้อย่างแน่นอน

บทความนี้จึงเขียนเพื่อแนะนำขวัญใจตัวน้อยคนใหม่รายนี้ให้เป็นที่รู้จักของชาวไทยมากยิ่งขึ้น

Corbyn Murray..  พญาหงส์ผู้อวตารอยู่ในร่างของปีศาจแดง

-ศาลาผี-


References

https://www.facebook.com/kianacorbyn/

https://www.mirror.co.uk/sport/row-zed/footballs-7-most-exciting-wonderkids-8975431?fbclid=IwAR106sCssZKdGDxtjKdZWtWWARAI7ni1jH-zM1Xq2j4-kc9_5R6O3YcMFsk

https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/wonderkid-scores-beckham-esque-screamer-nou-6023989

https://www.siamsport.co.th/football/premierleague/view/61268

https://www.thsport.com/column-1640.html

https://www.honestdocs.co/osgood-schlatter-disease

https://www.unlockmen.com/nihon-stories-chadwick-yasuke-black-samurai

https://www.boltonschool.org/junior-boys/archive-news/corbyn-enjoys-italy-experience-with-man-utd/

https://www.youtube.com/watch?v=BNVIfkapmSs&t=2s

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด