หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการถกเถียงกันไปมากมายทั้งในเรื่องของความปลอดภัย, การจัดการกับระบบ รวมถึงนักเตะบางคนที่เป็นกังวลว่าการกลับมาอาจจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื่อโควิด-19

แต่ในเมื่อบทสรุปออกมาแล้วว่าจะแข่งกันต่อ ในเรื่องของนักเตะนั้นสโมสรคงต้องไปจัดการกันเอาเอง

สำหรับสองเกมเปิดหัวจะเป็นเกมตกค้างระหว่าง แอสตัน วิลล่า พบ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ อาร์เซน่อล ซึ่งเลือกมาจากโปรแกรมคาราบาว คัพรอบชิงชนะเลิศ

หลังจากนั้นทุกทีมจะลงสนามเท่ากันที่ 29 เกม และจะลงเล่นในอีก 9 เกมที่เหลือไปจนกระทั่งจบฤดูกาล

ในส่วนของตำแหน่งแชมป์นั้นคงจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับ ลิเวอร์พูล ที่จะเดินหน้าสู่การคว้าโทรฟี่พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ไปครอง แต่ในส่วนที่เหลือของตารางนั้นยังคงต้องลุ้นกันอย่างดุเดือด

ทั้งในพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึง ยูโรปา ลีก, แน่นอนการหนีตกชั้นก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่แฟนๆให้ความสนใจกันอย่างมาก

ถ้าว่ากันตามตัวเลข แม้กระทั่งทีมในโซนตกชั้นก็มีโอกาสที่จะทำได้ แต่มันอาจจะเป็นไปได้ยาก ถึงกะรนั้นหากมองแค่อันดับ 4 ซึ่งเป็นพื้นที่สุดท้ายนั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ทีมกลางตารางอันดับ 9 หรือ 10 สามารถคว้ามาได้ เพราะตัวเลขคะแนนห่างกันเพียงแค่ 9 คะแนนเท่านั้น

กับเกมที่เหลืออีก 9 เกมถือว่ามากพอสมควร หรือในพื้นที่ยูโรปา ลีกก็เปิดกว้างเอามากๆ

ส่วนทีมตกชั้น นอริช ซิตี้ อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะตามหลังโซนปลอดภัย 6 แต้ม แต่ทีมที่มีโอกาสร่วงตกชั้นก็ยังมีอย่างน้อย 6-7 ทีมที่คัดเอา 3 ทีมร่วงสู่แชมเปี้ยนชิพ

เอาจริงๆเราก็ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายมันจะจบลงที่ตรงไหน (ยกเว้นแชมป์ที่ค่อนข้างแน่นอน) แต่ในเมื่อเราอยู่ในโลกของยุคดิจิตัล ก็เลยมีการนำ "AI" เข้ามาเพื่อคำนวนความเป็นไปได้ในช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้

บทสรุปจะออกมายังไงลองไปดูการทำงานของเทคโนโลยีสมัยนี้กัน

ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีกพร้อมเก็บ 101 คะแนน

ผลลัพธ์ในการจำลองบทสรุปของฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล จะเป็นแชมป์ลีกด้วยการเก็บ 101 คะแนน

อย่างที่รู้กันว่าสถิติเก็บแต้มสูงสุดของพรีเมียร์ลีกเป็นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เก็บ 100 คะแนนเมื่อปี 2017/18 ซึ่งเป็นปีที่ทัพ "เรือใบ" ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ

กับสถานการณ์ปัจจุบันที่ "หงส์แดง" เก็บไปแล้ว 82 แต้มจาก 29 เกม เหลืออีก 27 คะแนนให้เก็บ ซึ่งหากคว้าชัยรวดจะทำได้ถึง 109 แต้ม 

ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยการที่ทีมไม่มีโปรแกรมจากรายการอื่นให้ลงสนามแล้ว อาจจะเดินหน้าเก็บชัยชนะเพื่อทำสถิตินี้ขึ้นมา

ใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปนั้น สถิติการเก็บแต้มมากที่สุดนั้นเป็นของ ยูเวนตุส ที่เก็บไปถึง 102 แต้มในฤดูกาล 2013/14 ซึ่งอันที่จริงทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็มีโอกาสทำได้เหมือนกัน

แต่กับ AI ทำนายว่าท้ายที่สุดเมื่อแข่งครบ 38 เกม ลิเวอร์พูล จะเก็บได้ 101 คะแนน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของพรีเมียร์ลีกแล้ว

เรือใบกับอันดับ 2 ที่ช่องว่างกับแชมป์ห่างที่สุด

สำหรับทีมอันดับ 2 ของตารางก็คงไม่พลาดที่จะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทาง AI วิเคราะห์แล้วว่าจะเก็บแต้มได้ที่ 80 คะแนน

เมื่อมองไปที่แชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล ที่ทำนายไว้ว่าจะได้ 101 แต้ม เท่ากับว่าช่องว่างระหว่างแชมป์กับรองแชมป์จะแตกต่างกันถึง 21 คะแนนด้วยกัน

ด้วยตัวเลขที่ออกมานี้เท่ากับว่ามันจะกลายเป็นตัวเลขที่ห่างมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านี้แต้มห่างที่สุดของสองทีมหัวตารางเมื่อจบซีซั่นนั้นอยู่ที่ 19 แต้มในปี 2017/18 ที่ "เรือใบ" ได้แชมป์ด้วยการเก็บ 100 คะแนน เหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2 ที่ได้ไป 81 คะแนน

ที่สำคัญคือการเก็บได้ 80 คะแนนนั้น ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกนั้นเพียงพอต่อการได้แชมป์ถึง 6 ฤดูกาลเลย

ส่วนกับทีมอันดับ 3 นั้นมีการวิเคราะห์ว่าจะเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ด้วยการมีแต้มมากกว่าทีมอันดับ 5 ที่ 6 แต้มด้วยกัน

เชลซี กับพื้นที่สุดท้ายของแชมเปี้ยนส์ ลีก

หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความสนใจที่สุดในฤดูกาลนี้ก็คือใครจะคว้าพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกโควต้าสุดท้ายที่แย่งกันเพียบทั้ง เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, สเปอร์ส, วูล์ฟส์, อาร์เซน่อล รวมถึง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

จากการประมวลของทาง AI หนุนให้ทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จบที่อันดับ 4 ของตาราง โดยเก็บไป 63 คะแนน ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามมาเป็นอันดับ 5 ด้วยการมีแต้มตามหลัง 2 คะแนน

ส่วนอันดับ 6 นั้นเป็นของ สเปอร์ส โดยมีการประมวลผลว่า "ไก่เดือยทอง" จะเก็บเพิ่มได้อีก 17 คะแนนจาก 9 เกมที่เหลือ มีเพิ่มเป็น 58 คะแนน ตามด้วย วูล์ฟแฮมป์ตัน กับ อาร์เซน่อล ที่มี 56 คะแนน ขณะที่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จะมี 55 คะแนน

ขณะที่อันดับ 10 กลางตารางเป็น เอฟเวอร์ตัน ของ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่จะมี 50 คะแนน 

วัตฟอร์ด รอด, 3 ทีมท้ายตารางไม่เปลี่ยนแปลง

สถานการณ์หนีตกชั้นตอนนี้ถือว่าเข้มข้นเลย เพราะหากไม่นับ นอริช ซิตี้ ที่แต้มห่างออกไปอยู่บ้าง แต่ที่เหลือถือว่าสูสีสุดๆ

โดยเฉพาะ บอร์นมัธ ในอันดับ 18 ที่มีแต้มเท่ากับทั้ง เวสต์แฮม และ วัตฟอร์ด ที่อันดับเหนือกว่า แตกต่างกันเพียงประตูได้-เสียแค่ 1-3 ประตูเท่านั้น

กับการทำนายของ AI บอกถึงการขับเคี่ยวกันที่สูสีสุดๆ ซึ่งตัด นอริช ซิตี้ (29 คะแนน) และ แอสตัน วิลล่า (32 คะแนน) ที่ตกชั้น อันดับสุดท้ายที่จะตกชั้นนั้นออกเบียดมากๆ

แต่เทคโนโลยีนี้ประมวลให้ เวสต์แฮม อยู่รอดด้วยการมี 39 คะแนน ทีมที่ตกลงมาคือ ไบรท์ตัน มี 37 คะแนน ในขณะที่ วัตฟอร์ด และ บอร์นมัธ มี 36 คะแนนเท่ากันเมื่อจบฤดูกาล แต่ผลต่างประตูได้-เสียทำให้ "แตนอาละวาด" อยู่รอดอย่างหวุดหวิด

ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล (อันดับ 13) และ เซาธ์แฮมป์ตัน (อันดับ 14) เก็บแต้มได้ในเกณฑ์มาตรฐานมากกว่า 40 คะแนนและอยู่รอดปลอดภัยแบบที่ไม่ต้องลุ้นเหนื่อยอะไรมากนัก

ส่วนท้ายที่สุดแล้วหน้าตาของตารางคะแนนจะออกมาแบบไหน เหมือนกับที่ "AI" ทำนายไว้รึเปล่า เดี๋ยวได้รู้กัน