:::     :::

สตาร์ผู้ไม่เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีก

วันจันทร์ที่ 01 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,891
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากให้นึกถึงสุดยอดนักเตะระดับหัวกะทิของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงต้องมีชื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อย่างแน่นอน

ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนบอล ลิเวอร์พูล หรือไม่ก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาคือหนึ่งนักเตะฝีเท้าเยี่ยมที่หาตัวจับยากคนหนึ่งของวงการลูกหนัง

อดีตซูเปอร์สตาร์ที่เพิ่งอายุครบ 40 หมาดๆ คว้าแชมป์มาไม่น้อยในการค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ทั้ง เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, คอมมูนิตี้ ชิลด์ รวมถึงในเวทียุโรปทั้ง ยูฟ่า คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

แต่จุดด่างพล้อยเดียวของ เจอร์ราร์ด ก็คือ "แชมป์พรีเมียร์ลีก" ที่ไม่เคยได้มาครอบครอง

        

และนั่นก็เป็นเรื่องที่แฟนบอลทีมอื่นโดยเฉพาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอามาล้อเลียนอย่างสนุกปากจนกระทั่งทุกวันนี้

อย่างไรก็ตามบรรดายอดนักเตะที่เคยค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษนั้น "สตีวี่ จี" ไม่ใช่คนเดียวที่ไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีมาครอง

เรียกได้ว่ามีอีกไม่น้อยเลยที่ระเบิดฟอร์มสุดยอดจนเป็นที่จดจำแต่ไม่เคยได้เชยชมโทรฟี่พรีเมียร์ลีกกับเค้าสักที

แกเร็ธ เบล

สโมสร : สเปอร์ส


ถูกมองว่าเป็นแข้งอาถรรพ์ในช่วงแรกที่ย้ายมาค้าแข้งกับ สเปอร์ส เพราะยามที่ลงสนามมักจะมีผลงานไม่ดีแถมทีมก็ผลงานไม่ดีไปด้วย

จากแบ็คซ้ายที่ดูขัดๆลูกตาถูกดันขึ้นมาเป็นปีกซึ่งกลายเป็นถูกจุดกลายเป็นระเบิดฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมถึงขนาดเผาเครื่อง ไมค่อน แบ็คตัวเก่งของ อินเตอร์ มิลาน จนเละเทะในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ปีต่อปี แกเร็ธ เบล มีผลงานดีขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปี โดยเฉพาะช่วงที่พีคที่สุดกด 21 ประตูจาก 33 เกมในลีกในปี 2012/13 แต่ทีมก็จบในอันดับ 5 เท่านั้น ส่วนอันดับดีที่สุดกับ "ไก่เดือยทอง" ก็แค่อันดับ 4 ในปี 2011/12 ก่อนย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกในซัมเมอร์ 2013

มาร์แซล เดอไซยี่

สโมสร : เชลซี


ย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษหลังจากที่เพิ่งคว้าแชมป์โลก 1998 กับทีมชาติฝรั่งเศส รวมถึงกับ เอซี มิลาน ก็คว้าแชมป์มาทุกรายการทั้งเซเรีย อา, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ และ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลีย

แน่นอนว่าในช่วงที่มาค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทีมก็ถือว่ามีดาวดังคับคั่งเหมือนกัน และก็เป็นทีมขาประจำในการคว้าแชมป์บอลถ้วย ซึ่งทาง เดอไซยี่ ก็ช่วยทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ เอฟเอ คัพ มาครองได้ แถมในปี 2000 ยังได้แชมป์ยูโรกับทีมตราไก่ด้วย

แต่กับ เชลซี แม้จะเกาะอยู่ในตำแหน่งแถวบนของตาราง ทว่าดีที่สุดก็คือตำแหน่งรองแชมป์ในปี 2003/04 ปีสุดท้ายที่อยู่ค้าแข้งกับทีม

ดาวิด ชิโนล่า

สโมสร : นิวคาสเซิ่ล, สเปอร์ส

        

ปีกชาวฝรั่งเศสที่ย้ายจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มาค้าแข้งกับ นิวคาสเซิ่ล ในปี 1995 และปีแรกนี่แหละที่ ดาวิด ชิโนล่า ทำผลงานยอดเยี่ยมบี้แย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถมนำโด่ง 10 แต้มตอนคริสมาสต์ แต่ดันมีช่วงไปหลุดโค้ง แต่ก็ได้รองแชมป์ของตารางในปีแรกที่พรีเมียร์ลีก

สองปีกับ นิวคาสเซิ่ล ก่อนย้ายไปอยู่กับ สเปอร์ส ซึ่งก็ยังคงทำผลงานได้โดดเด่น แถมดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพียงแต่ผลงานโดยรวมของทีมไปม่ถึงฝั่งฝันเท่านั้น

ในปี 1998/99 ที่อยู่ "ไก่เดือยทอง" แม้ทีมจะจบที่อันดับ 11 ของตาราง แต่ ชิโนล่า คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ซึ่งเขาคือคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีโดยที่ทีมจบในอันดับครึ่งล่างของตารางเลย

จูนินโญ่ เปาลิสต้า

สโมสร : มิดเดิ้ลสโบรช์


ย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษครั้งแรกกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ หลังทีมเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก อังกฤษในปี 1995 ซึ่งนี่เป็นเหมือนตัวจุดประกายให้กับนักเตะชาวบราซิลค้าแข้งในอังกฤษ

ปีแรกกับลีกสูงสุดแดนผู้ดีอยู่ในช่วงปรับตัวกับผลงานแค่ 2 ประตูจาก 21 เกม แต่ในปีที่สอง จูนินโญ่ ระเบิดผลงานสุดยอดด้วยการซัด 12 ประตูจาก 32 เกม คิดเป็น 1 ใน 3 ที่ทีมทำได้ตลอดทั้งฤดูกาลเลย

แต่ทว่าฤดูกาล 1996/97 ทีมกลับต้องกระเด็นตกชั้นสู่แชมเปี้ยนชิพ และ จูนินโญ่ ก็ย้ายไปเล่นในสเปนกับ แอตเลติโก มาดริด ก่อนกลับมาช่วยทีมอีกปีในฤดูกาล 1999/00 และก็กลับไปอยู่ที่บราซิลบ้านเกิด 2 ปี

ในปี 2002 จูนินโญ่ สวมเสื้อ "โบโร่" เป็นคำรบสาม ซึ่งคราวนี้มีแชมป์ติดมือเมื่อพาทีมคว้าโทรฟี่ลีก คัพมาครองได้ในปี 2004 แต่กับพรีเมียร์ลีกนั้นห่างไกลเพราะด้วยศักยภาพของต้นสังกัดนั่นเอง

แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์

สโมสร : เซาธ์แฮมป์ตัน


นักเตะที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดตลอดกาลของ เซาธ์แฮมป์ตัน ผู้ได้ชื่อว่าเป็น "วัน-คลับ แมน" ที่ตลอดชีวิตค้าแข้งขอมอบใจให้กับทีม "นักบุญ" เท่านั้น

แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ค้าแข้งกับทีมตั้งแต่ปี 1986 สมัยที่ยังเป็นดิวิชั่น 1 เดิม ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปี 1992 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งช่วงที่ดีที่สุดคือช่วงต้นของการปรับเปลี่ยนที่ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ

แต่ถึงกระนั้น เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ยังเป็นเพียงสโมสรระดับกลางตารางค่อนไปทางล่างด้วยซ้ำ ไม่ว่าดาวยิงทีมชาติอังกฤษจะทำผลงานได้ดีแค่ไหนก็ตาม

อย่างน้อย แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ก็ยังมีรางวัลส่วนตัวทั้งดาวรุ่งยอดเยี่ยม, ประตูยอดเยี่ยมแห่งปี 1994/95, นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน, ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปี, เข้าสู่ทำเนียบฮอลล์ ออฟ เฟม และได้รางวัล "วัน-คลับ แมน" ด้วย

จานฟรังโก้ โซล่า

สโมสร : เชลซี

        

หลังจากสร้างชื่อโด่งดังจากการค้าแข้งในอิตาลีทั้งกับ นาโปลี และ ปาร์ม่า จนโดน รุด กุลลิท ดึงมาร่วมทีม เชลซี ในปี 1996 

สตาร์ร่างเล็กก้าวขึ้นมาเป็นขวัญใจสาวกสิงโตน้ำเงินอย่างรวดเร็วด้วยสไตล์การเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจในยุคนั้นพร้อมมีประตูมาฝากแฟนๆอยู่เสมอ ซึ่งกับ เชลซี ต้องบอกว่า จานฟรังโก้ โซล่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทีเดียวกับแชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย รวมถึงลีก คัพ, แชร์ริตี้ ชิลด์ (คอมมูนิตี้ ชิลด์ในปัจจุบัน), ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ

แต่ที่ขาดไปก็คือแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ในยุคนั้นเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล ที่ผลัดกันครองแชมป์ แม้จะเกาะอยู่ในกลุ่มหัวตารางแต่ดีที่สุดคืออันดับ 2 เท่านั้น

น่าเสียดายที่เกิดมาเร็วไปนิด ถ้าช้ากว่านี้อีกสัก 2-3 ปีที่มี โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์คงมีแชมป์ลีกกับเค้าไปแล้ว

หลุยส์ ซัวเรซ

สโมสร : ลิเวอร์พูล


อดีตเพื่อนร่วมทีมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ ลิเวอร์พูล ย้ายมาค้าแข้งกับในเดือนมกราคม 2011 ซึ่งในแต่ละปีที่ผ่านมา หลุยส์ ซัวเรซ ก็มีผลงานที่ดีขึ้นมาตลอด

จาก 4 ลูกในครึ่งปีแรกมาเป็น 17 ประตูในปีที่สองตามด้วย 30 ประตูและ 31 ประตูตามลำดับ โดยเฉพาะในปี 2013/14 ที่ประตูทั้งหมดที่ทำได้นั้นเกิดขึ้นในลีกทั้งหมด 

แต่อย่างที่รู้กันว่าในปีนั้น ลิเวอร์พูล จบลงที่อันดับ 2 ของตารางด้วยการเสียแชมป์อย่างน่าเจ็บปวดใจให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะมันมีเหตุการ "ลื่น" อันโด่งดังของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด นั่นเอง

น่าเสียดายที่ช่วงเวลาที่ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์มีแค่โทรฟี่ลีก คัพมาประดับรายการเดียวเท่านั้น ทำให้สุดท้ายเจ้าตัวตัดสินใจย้ายไปอยู่ บาร์เซโลน่า และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบัน

เฟร์นานโด ตอร์เรส 

สโมสร : ลิเวอร์พูล, เชลซี


คงต้องบอกว่าช่วงเวลาที่พีคที่สุดในเส้นทางอาชีพของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็คือช่วงที่ค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ในช่วงปี 2007-11 

ด้วยการประสานงานกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด นี่คือคู่หูมหาประลัยที่คู่แข่งทีมไหนเจอก็ต้องกลัว โดยเฉพาะผลงานการบุกถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ดในปี 2009 แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายทีมที่หัวเราะทีหลังดังกว่ากลับเป็น "ปีศาจแดง" ที่เข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครอง

เฟร์นานโด ตอร์เรส มีสิติสอยตาข่ายในพรีเมียร์ลีกที่ยอดเยี่ยมเลยด้วยการกด 65 ลูกจาก 102 เกม แต่ผลงานทีมดีที่สุดคือรองแชมป์เท่านั้น แถมไม่เคยได้แชมป์อะไรกับสโมสรเลย ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ เชลซี ในปี 2011 

แต่ในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ ดาวยิงทีมชาติสเปนไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่เหมือนเดิมอีกเลย ซึ่งสถิติในลีกกับ "สิงห์บลูส์" ทำได้แค่ 20 ลูกจาก 110 เกมเท่านั้น


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})