:::     :::

เป้าหมายที่เป็นไปได้ของ'ลา เรอัล'

วันพฤหัสบดีที่ 04 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ ลูกหนังนอกกรอบ โดย JOKE
1,067
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แฟนบอลของ เรอัล โซเซียดาด จะมีโอกาสแสดงพลังหนุนทีมรักลงเล่นรายการแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นหน้าหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการทำผลงานในช่วง 11 เกมสุดท้ายของทัพ'ลา เรอัล'

เรอัล โซเซียดาด คว้าตั๋วไปเล่นรายการแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งล่าสุดหลังจบฤดูกาล 2012-2013 ฐานะอันดับ 4 ของลีกเมืองกระทิง แต่ทัพ'ลา เรอัล'มีโอกาสที่จะกลับไปมีส่วนร่วมกับรายการใหญ่ของยุโรปอีกครั้งในฤดูกาลหน้า 

ทีมดังแคว้นบาสก์ยุค ฟิลิปป์ มงต์ตานิเย่ร์ เข้าป้ายอันดับ 4 ตามหลัง บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก มาดริด โดยมีคะแนนเหนือกว่า บาเลนเซีย เพียงแต้มเดียว หลังการเก็บ 66 คะแนนจากการลงเล่น 38 เกม สถิติชนะ 18 เสมอ 12 แพ้ 8 

'ลา เรอัล'ยุคนั้นมีแกนนำอย่าง เคลาดิโอ บราโว่, อองตวน กรีซมันน์, การ์ลอส เวล่า, ชาเบียร์ ปรีเอโต, อีมานอล อาคีร์เรตเช่, อินญีโก้ มาร์ตีเนซ รวมถึง อาเซียร์ อียาร์ราเมนดี้ กับ ดาบิด ซูรูตูซ่า ที่ยังอยู่กับทีมชุดปัจจุบัน 


มงต์ตานิเย่ร์ นำทีมดังแคว้นบาสก์ฝ่าด่าน โอลิมปิก ลียง ในการเล่นรอบเพลย์ออฟด้วยสกอร์รวม 4-0 (0-2, 2-0) คว้าตั๋วเข้ารอบแบ่งกลุ่มสำเร็จ ทว่าพวกเขาปิดฉากด้วยการเป็นทีมบ๊วยของกลุ่ม เอ โดยเก็บได้เพียงแต้มเดียวหลังการเผชิญหน้ากับทีมเขี้ยวลากดินอย่าง แมนฯยูไนเต็ด, เลเวอร์คูเซ่น และ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ส่วนหนึ่งแต้มที่ได้มาจากเกมเสมอทีมปีศาจแดง 0-0 บนสังเวียนอาโนเอต้า

เรอัล โซเซียดาด ทะยานขึ้นสู่อันดับ 4 หลังการคว้าชัยบนเวทีลีกา 4 จาก 5 เกมหลังสุดจนกระทั่งฤดูกาลจะหยุดชะงักเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนลีกเมืองกระทิงจะกลับมารีสตาร์ทอีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้าเพื่อสะสางงานอีก 11 เกมให้ปิดฉากซีซั่นนี้ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ 


ทัพ'ลา เรอัล'มีภารกิจไล่ล่าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกในช่วงที่เหลือของฤดูกาล ทีมดังแคว้นบาสก์ต้องต่อสู้กับ เซบีย่า, เคตาเฟ่, แอตเลติโก มาดริด, บาเลนเซีย อาจนับรวมถึง บียาร์เรอัล กับ แอธเลติก บิลเบา เพื่อลุ้นแย่งอีก 2 โควตานอกเหนือของ บาร์เซโลน่า กับ เรอัล มาดริด ที่จับจองตั๋วสองใบแรกค่อนข้างแน่ ก่อนที่จะลุ้นแย่งแชมป์ โกปา เดล เรย์ กับคู่ปรับร่วมแคว้นอย่าง บิลเบา อีกหนึ่งรายการ 

นั่นเป็นภารกิจของ อีมานอล อัลกวาซิล เทรนเนอร์วัย 48 ปีกับลูกทีมของเขา 

อัลกวาซิล ทำงานกับทีมเยาวชนของ เรอัล โซเซียดาด มาตั้งแต่ปี 2011 เคยก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์ยุค เดวิด มอยส์ ช่วงปี 2014 เขาถูกดันขึ้นมารับหน้าที่กุมบังเหียนชั่วคราวในช่วงท้ายฤดูกาล 2018-2019 หลังการปลด อูเซบีโอ ซากริสตาน ออกจากตำแหน่งในช่วงเดือนมีนาคมและมีส่วนช่วยให้ทัพ'ลา เรอัล'อยู่รอดปลอดภยบนเวทีลีกาสำเร็จ


อย่างไรก็ตาม เรอัล โซเซียดาด ตัดสินใจดึง อาเซียร์ การีตาโน่ เข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์ในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น ขณะที่ อัลกวาซิล ต้องถอยกลับไปทำงานฐานะเทรนเนอร์ของ เรอัล โซเซียดาด เบ ตามเดิม 

จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนธันวาคมปี 2018 หลัง'ลา เรอัล'ปลด การีตาโน่ ออกจากตำแหน่งพร้อมดัน อัลกวาซิล ขึ้นมาคุมทีมชั่วคราวจนจบฤดูกาลนั้น ซึ่งเทรนเนอร์วัย 48 ปีนำต้นสังกัดจบซีซั่นอันดับ 9 ทว่าความแตกต่างจากปีก่อนคือสโมสรมอบสัญญาหนึ่งปีตอบแทนผลงานของเขา ก่อนที่ อัลกวาซิล จะพิสูจน์ให้เห็นว่าทีมดังแคว้นบาสก์ตัดสินใจไม่ผิด

โรเบร์โต้ โอลาเบ้ ผู้อำนวยการฝ่ายฟุตบอลวัย 52 ปีที่ก้าวขึ้นมารับงานต่อจาก โลเรนโซ่ การ์เซีย ในช่วงเดือนมีนาคมปี 2018 มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในถิ่น'อาโนเอต้า'หลังเห็นว่า อาเซียร์ การีตาโน่ ไม่ใช่คำตอบที่สโมสรต้องการ


'ผมคิดว่าตัวเองเป็นผู้อำนวยการกีฬาที่ใกล้ชิดกับเกมมาก ผมให้ความสำคัญมาก ดังนั้นผมจึงใส่ใจนักเตะทุกคน เมื่อปีที่แล้วหนึ่งในขั้นตอนที่ดำเนินการเกี่ยวกับรูปแบบเกมและผมร่วมตัดสินใจเล็กๆน้อยๆ'

'ผมร่วมงานกับ อาเซียร์ การีตาโร่ และ รูเบน เด ลา บาร์เรร่า อาจเป็นไปได้ที่ทุกคนจะบอกว่ามันจะไม่เวิร์คและแน่นอนว่ามันเป็นแบบนั้นเพราะในอีก 6 เดือนต่อมา เราได้ตัดสินใจอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่การค้นหาคนมากกว่าการค้นหารูปแบบการเล่น สิ่งที่เรากำลังมองหาคือการเปลี่ยนแปลงในแนวดิ่งมากขึ้น'

'อีมานอล (อัลกวาซิล) เป็นคนที่ตีความสิ่งดีที่สุดที่เรากำลังพิจารณาว่าจะเป็นรูปแบบการเล่นของสโมสรและคนวางแนวทางการเล่นแต่ละตำแหน่ง แต่นั่นเป็นการตีความตามพื้นที่, การเคลื่อนที่ของทีม, เกมที่ดุดันและกระตือรือร้น เราเชื่อในการเล่นแต่ละตำแหน่ง การผนึกกำลังภายในของเราเป็นปัจจัยสำคัญ แต่การที่จะทำได้ดีนั้นไม่ใช่จบเกมด้วยการผ่านบอล 700 ครั้งในแต่ละเกม แต่ต้องมีความชัดเจนว่าการผ่านบอลแต่ละครั้งหมายถึงอะไร'


อัลกวาซิล นำทัพ'ลา เรอัล'ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศของศึก โกปา เดล เรย์ กับ แอธเลติก บิลเบา พร้อมโอกาสในการแย่งตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่ง มาร์ติน โอเดการ์ด หนึ่งในแข้งกำลังสำคัญของทีมดังแคว้นบาสก์ยืนยันว่าเป้าหมายหลักของทีมคือการผ่านเข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นหน้า 

โอเดการ์ด มิดฟิลด์ชาวนอร์วีเจี้ยนวัย 21 ปีย้ายมาค้าแข้งกับ เรอัล โซเซียดาด ด้วยสัญญายืมตัว 2 ปี เขาทำผลงานแจ่มยิง 7 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการในซีซั่นนี้ 28 เกม ยืนยันเป้าหมายของทัพ'ลา เรอัล'คือการล่าตั๋วลุยแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้า แม้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาจะได้ลงเล่นฟุตบอลถ้วยรายการใหญ่ของยุโรปกับทีมดังแคว้นบาสก์หรือจะต้องย้ายกลับ เรอัล มาดริด ก็ตาม 

มิดฟิลด์วัย 21 ปีมีโอกาสเล่าเรื่องราวของเขาเล็กน้อยนับตั้งแต่ซีซั่นถูกระงับระหว่างการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ โดยเริ่มต้นจากการใช้ชีวิตในช่วงล็อกดาวน์ว่า 'มันยากเล็กน้อยและยาวนาน เพราะครอบครัวผมอยู่ในนอร์เวย์และผมอยู่ที่นี่คนเดียว แต่ก็ยังมีคนที่แย่กว่านั้นมาก โดยรวมแล้วผมทำได้ดีและครอบครัวก็ทำได้ดีเช่นเดียวกัน'


ฟุตบอลลีกเมืองกระทิงเปิดไฟเขียวให้นักเตะเริ่มกลับมาฝึกซ้อมตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการซ้อมเดี่ยวและต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเคร่งครัด ก่อนขยับมาเป็นการซ้อมกลุ่มย่อย, กลุ่มใหญ่จนกระทั่งถึงการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรีสตาร์ทในช่วงสัปดาห์หน้า 

'จนถึงตอนนี้ พวกเรามีความรู้สึกที่ดีมาก มันเป็นการฝึกซ้อมแปลกๆในกลุ่มเล็กๆ แต่ตอนนี้เรากำลังฝึกซ้อมเต็มทีมและนั่นทำให้สิ่งต่างๆง่ายขึ้นและดีขึ้นสำหรับการฝึกซ้อม ผมรู้สึกแข็งแกร่ง แต่เห็นได้ชัดว่าเรายังขาดจังหวะของเกม เรากำลังฝึกซ้อมอย่างหนักจริงๆ เริ่มจากที่บ้าน จากนั้นเป็นกลุ่มเล็กๆและตอนนี้เราแค่ขาดความต่อเนื่องที่มาจากการเล่นเกมเท่านั้น'

โอเดการ์ด ยังกล่าวถึงเป้าหมายของทัพ'ลา เรอัล'สำหรับการกลับมารีสตาร์ทฤดูกาลนี้ โดยตั้งเป้าหมายสูงถึงการจบซีซั่นอันดับ 3 คว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นหน้า


'เราอยู่ในที่ที่เราต้องการอยู่ อยู่ใกล้กับแชมเปี้ยนส์ลีกและนั่นคือสิ่งที่เราทุกคนต้องการ คงเป็นเรื่องยากที่จะทำบางอย่างเพื่อหยุด มาดริด หรือ บาร์ซ่า แต่ส่วนที่เหลือ ผมคิดว่าเราสามารถทำสิ่งต่างๆได้ดีเพื่อพยายามจบซีซั่นด้วยอันดับ 3 หรือ 4'

'มันเป็นความฝันสำหรับนักฟุตบอลในโลกนี้ที่จะลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกและเป็นสิ่งที่เราต้องการจะทำในฤดูกาลหน้า'

มิดฟิลด์ชาวนอร์วีเจี้ยนยังกล่าวถึงประเด็นการลงเล่นแบบไม่มีแฟนบอลเข้าชมเกมในสนามว่า 'มันจะเป็นเรื่องแปลกมากหากไม่มีแฟนๆของเราเพราะพวกเขามีความสำคัญมากสำหรับเรา พวกเขาคอยสนับสนุนพวกเราเสมอและมันทำให้มันรู้สึกยอดเยี่ยมมากกับการเล่นในบ้าน แต่ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้ เราต้องเดินหน้าต่อไปและคว้าชัยชนะเพื่อพวกเขา'


มิเกล เมรีโน่ มิดฟิลด์วัย 23 ปี อีกหนึ่งแข้งกำลังสำคัญของทีมดังแคว้นบาสก์มีความมุ่งมั่นในการกลับมาลงสนามอีกครั้งในซีซั่นนี้และแสดงความชัดเจนว่าเขาตั้งเป้าหมายนำต้นสังกัดคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกไม่ต่างจากแนวคิดของเพื่อนร่วมค่ายอย่าง โอเดการ์ด 

'พวกเราต้องการแข่งขัน ผมเห็นตัวเองลงเล่นรายการแชมเปี้ยนส์ลีก เรามีทีมที่สามารถทำได้ ตอนนี้เราต้องพิสูจน์แล้ว' แต่มิดฟิลด์วัย 23 ปียอมรับว่าคงคิดถึงเสียงปลุกเร้าจากแฟนบอล เนื่องจากการกลับมาครั้งนี้จะไม่เปิดสนามให้แฟนๆเข้าชมเกมตามปกติเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะ 

'เราคงจะคิดเสียงเชียร์จากแฟนๆ แต่ผมมั่นใจว่าทีมยังสามารถทำผลงานได้ดีแม้ว่าจะปราศจากแฟนบอลหนุนหลัง'


'เรายังคงจดจ่อกับเกม จดจำว่าคุณต้องการชัยชนะมากแค่ไหน มันจะมีบทบาทสำคัญเนื่องจากการไม่มีคนอยู่ข้างหลังอาจจะส่งผลกระทบอย่างมาก' ก่อน เมรีโน่ จะยกตัวอย่างจากเกมบุนเดสลีกาที่เรื่องจิตใจนำไปสู่การก่อความผิดพลาดในเกมเนื่องจากเสียงเชียร์ของแฟนบอลมีส่วนช่วยเพิ่มความมั่นใจของนักเตะ 

โปรแกรม 11 เกมสุดท้ายของ เรอัล โซเซียดาด ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายในการเผชิญหน้ากับ โอซาซูน่า (เหย้า), อลาเบส (เยือน), เรอัล มาดริด (เหย้า), เซลต้า บีโก้ (เหย้า), เคตาเฟ่ (เยือน), เอสปันญ่อล (เหย้า), เลบันเต้ (เยือน), กรานาด้า (เหย้า), บียาร์เรอัล (เยือน), เซบีย่า (เหย้า) และ แอตเลติโก มาดริด (เยือน) 

ส่วนทัพ'ลา เรอัล'จะทำสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่นั้นอีกไม่นานเราคงจะทราบคำตอบ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด