:::     :::

ไม่มีแวร์เนอร์ที่แอนฟิลด์

วันศุกร์ที่ 05 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
22,716
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ติโม แวร์เนอร์ กำลังจะกลายเป็นกองหน้าคนใหม่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่ใช่แอนฟิลด์ อย่างที่ตัวเองตั้งใจไว้ในตอนแรก

เรื่องราวการย้ายทีมของ "เทอร์โบติโม" ติโม แวร์เนอร์ ร้อนแรงมาตั้งแต่ปฎิทินเปลี่ยนมาเป็นปี 2020


ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ ติโมอยากย้ายทีมมาโดยตลอด ... เดี๋ยว นี่ไม่ใช่แม่สิตางศุ์ ติโม สิ ติโม


และจุดหมายปลายทางของติโม แวร์เนอร์เหมือนจะถูกคาดเดากันว่า จะเป็นลิเวอร์พูล มาโดยตลอด ไม่ว่าจะกี่เดือนผ่านไป ทุกอย่างยังคงชัดเจนว่า ติโม ใจลอย และรอคอยที่จะไปร่วมเป็นลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือคนบ้านเดียวกันอยู่ตลอด และเหมือนไม่ใช่มีแค่ติโมเท่านั้น แม้แต่ตัวเจอร์เก้น คล็อปป์เองก็มีข่าวว่าล็อกเป้าหัวหอกเพื่อนร่วมชาติรายนี้มาเป็นลูกน้องคนใหม่ในฤดูกาลหน้าด้วย


ความจริงการซื้อขายควรจะเกิดขึ้นไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดภาวะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำเอาประชาชนทั่วโลกปั่นป่วนไปกันหมด ไม่เว้นแม้แต่วงการฟุตบอลที่ต้องยกเลิกโปรแกรมการแข่งขันชั่วคราว จนทำให้ฤดูกาลต้องจบช้ากว่าปกติ


แต่ถึงจะมีเหตุการณ์พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก แต่ก็ไม่มีใครหรอกครับที่จะคิดว่า ติโม แวร์เนอร์ กับลิเวอร์พูลจะไม่ได้กัน !!


คือ ด้วยบทสัมภาษณ์ที่ไม่มีกั๊กของแวร์เนอร์เอง ไปจนถึงการไม่ปฎิเสธข่าวการย้ายทีมเลยของผู้ใหญ่ในทีมแอร์เบ ไลป์ซิก มันก็ชี้ชัด ว่ายังไงก็ย้ายแน่นอน และลิเวอร์พูลก็ดูเป็นตัวเลือกเดียวด้วย เพราะนักเตะอยากร่วมงานกับคล็อปป์ 


แต่ขึ้นชื่อว่าโลกลูกหนังแล้ว ไม่มีอะไรแน่นอนจนกว่าจะชูเสื้อ หรือจับปากกาเซ็นสัญญา ครับ 


เพราะถึงวันนี้ ตอนนี้ ติโม แวร์เนอร์ กำลังจะกลายเป็นกองหน้าคนใหม่ของทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ไปเสียแล้ว


จาก "สีแดง" กลายเป็น "สีน้ำเงิน" จาก "ลิเวอร์พูล" กลายเป็น "เชลซี" ที่กำลังจะได้ลายเซ็นของเขาไป


สาเหตุหลักๆ ไม่ใช่อยู่ที่ติโม แวร์เนอร์ ไม่เลือกหงส์ แต่กลายเป็นหงส์ต่างหากที่ไม่เลือกแวร์เนอร์




นับเป็นอีกหนึ่งซัมเมอร์ที่แวร์เนอร์ต้องผิดหวังอีกครั้ง หลังจากปีก่อน ก็ถูกบาเยิร์น มิวนิค หลอกให้แต่งตัวคอยเก้อ แต่สุดท้ายก็ไม่มารับตามที่สัญญากันไว้ จนต้องยอมอยู่ต่อเป็นกำลังหลักให้กับไลป์ซิกต่อไปอีก 1 ปี


ปีนี้ก็อีกเช่นกัน รักปักใจไปกับคล็อปป์แล้ว แต่ถึงเวลาเอาเขาจริงๆ บอร์ดบริหารของทีมกลับไม่เห็นด้วย จนนำไปสู่การไม่ยื่นข้อเสนอที่น่าพึงพอใจไปให้ไลป์ซิกพิจารณา 


แต่ปีนี้ ติโม จะไม่ทนอีกแล้ว จะไม่มีการรอเก้ออีกต่อไป ว่าแล้วพอรู้ว่าลิเวอร์พูลจะไม่ยื่นข้อเสนอเข้ามา เอเย่นต์ของแวร์เนอร์ก็เริ่มติดต่อไปยังทีมชั้นนำต่างๆที่เคยเป็นข่าวกับยอดหัวหอกเมืองเบียร์รายนี้ ว่ายังสนใจใช้บริการลูกค้าของเขาหรือไม่


และก็เป็นเชลซีที่เข้ามา และปิดการเจรจาทุกอย่าง อย่างรวดเร็ว ทุ่มเงินจำนวน 60 ล้านยูโร ตามค่าซื้อสัญญาของแวร์เนอร์ ก่อนมอบสัญญา 5 ปี มูลค่าปีละ 10 ล้านยูโร ให้เจ้าตัวพิจารณา แน่นอน ด้วยค่าเหนื่อยมหาศาล บวกกับการการันตีตัวจริงจากกุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ต่อสายตรงไปหาเจ้าตัวเพื่อขายโปรเจคเชลซี ยุคยังบลัด นั่นทำให้ติโม ตอบตกลง และพร้อมแล้วกับความท้าทายใหม่ที่กำลังจะเข้ามา


เชลซี ใช้การเล่นแร่แปรธาตุ เอาค่าตัว 65 ล้านยูโร ของอัลวาโร่ โมราต้า ที่กำลังจะกลายเป็นสมบัติของทีมแอดเลติโก มาดริด อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2020 มาใช้ซื้อแวร์เนอร์ แม้จะยังบอกไม่ได้ตอนนี้ว่าจะคุ้มหรือไม่ แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นการลงทุนที่ฉลาดของเชลซี ที่เปลี่ยนส่วนเกินของทีมอย่างโมราต้า ให้กลายเป็นแวร์เนอร์ ที่สด และห้าวกว่าในเวลานี้


ตัดกลับมาที่ลิเวอร์พูล ... เป็นอีกครั้งที่ลิเวอร์พูลต้องพลาดเป้าหมายแรกในตลาดนักเตะของพวกเขาไป หากใครจำไม่ได้ ลองนึกตามนี้ดูครับ


2016/17 เป็นข่าวกับมาริโอ เกิทเซ่ อย่างหนัก สุดท้ายเกิทเซ่เลือกย้ายกลับโบรุสเซีย ดอร์ดมุนต์ จนคล็อปป์ต้องหันไปหาซาดิโอ มาเน่ มาเป็นตัวแทน


2017/18 ข่าวว่าคล็อปป์ล็อกเป้ายูเลี่ยน บรันดท์ ปีกดาวรุ่งของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น หมายมั่นปั้นมือจะเอามาปั้น แต่สุดท้ายก็แห้ว จนเป็นที่มาของโปรเจ็คพา โม ซาล่าห์ มาโด่งดังที่แอนฟิลด์


2018/19 นาบิล เฟคีร์ เกือบจะได้ย้ายมาร่วมทีมอยู่แล้ว แต่ก็ดันมีปัญหาเรื่องเรียกเงินกินเปล่า จนลิเวอร์พูลถอนข้อเสนอในวินาทีสุดท้าย ทำไปทำมาลิเวอร์พูลก็ได้เซอดาน ชากิรี่ มาแทนที่ ในราคาไม่ถึง 1 ใน 3 ของเฟคีร์


จะเห็นได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยของคล็อปป์ และลิเวอร์พูล แม้ครั้งนี้เหตุผลจะต่างออกไปจากครั้งก่อนๆ คือ ต้องการรักษาสภาพคล่องทางการเงินของทีมเอาไว้ ไม่อย่างเพิ่มค่าใช้จ่าย ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกลูกหนังกำลังถดถอย


ปัจจุบันลิเวอร์พูลมีรายจ่ายเฉพาะค่าเหนื่อยของนักเตะ และทีมงาน รวมไปถึงลูกจ้างทั้งหมดเป็นเงินถึงปีละ 310 ล้านปอนด์ต่อปีเลยทีเดียว คิดเป็น 58% ของเงินรายได้ที่หาได้ทั้งหมด


แล้วกับปีที่รายได้หดหายแน่ๆ จากการที่ไม่สามารถขายบัตรเข้าชมให้แฟนฟุตบอลได้ รวมไปถึงการขายของลิขสิทธิ์สโมสรที่โดนผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปเต็มๆ นั่นทำให้มีการคาดการณ์ว่า ลิเวอร์พูลอาจจะสูญเสียรายได้ไปเกือบ 100 ล้านปอนด์ต่อปี หากทุกอย่างยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ


ลองคิดดูเล่นๆนะครับ ค่าเหนื่อยมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น จากการต่อสัญญา ไหนจะต้องจ่ายโบนัสให้กับผู้เล่นตามสัญญาหากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ รายจ่ายมีแต่มากขึ้น สวนทางกับรายรับที่หายไป 1 ใน 5 


โอกาสเข้าข่ายผิดกฎทางการเงินของยูฟ่า มีสูงเลยทีเดียวครับ


การตัดไฟแต่ต้นลมซะ อาจจะไม่ถูกใจแฟนเดอะ ค็อป ทั้งหลาย แต่เชื่อเถอะครับว่า มันเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วในภาวะสถานการณ์ไม่ปกติแบบนี้


อ่านมาถึงตรงนี้ อยากจะให้เดอะ ค็อป ทุกคน ได้เห็นภาพรวมครับ 


เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่บุญ และวาสนาด้วย ... คนเราบางคนรักกันแทบตาย แต่ถ้าเวลามันไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่


แบบนี้อาจจะเจ็บ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง และอยู่กับมันให้ได้ครับ ใครจะไปรู้ วันหนึ่งเมื่อฟ้าเป็นใจ เราอาจจะได้เห็นติโม แวร์เนอร์กลับมาเป็นลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ก็เป็นได้


หวังว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นในชุดยูนิฟอร์มสีแดงเพลิงของหงส์แดงนะครับ


เพราะถ้าไม่งั้นแล้ว แฟนหงส์แดงคงทำใจลำบาก ที่จะไปตามเชียร์คล็อปป์ และแวร์เนอร์ ในชุดขาวๆของทีมชาติเยอรมนี !!!



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด