:::     :::

ชายผู้ยอมให้คนทั้งโลกประณาม

วันจันทร์ที่ 04 ธันวาคม 2560 คอลัมน์ The Column โดย โยอันน์
23,060
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เขายอมให้คนทั้งโลกประณามเรื่องสไตล์ และวิธีการเล่นหากมันทำให้ทีมชนะ - หลักปรัชญา 7 ข้อเวลาเล่นบิ๊กแมตช์ของ มูรินโญ่...ชัยชนะที่ เอมิเรตส์ - โยอันน์ จะมานั่งคุยกับ "เด็กผี"
p- เป็นอีกครั้งที่เสียงก่นด่า และวิจารณ์ ต่างๆ นานา พุ่งเข้าหา "วิธีการเล่น" ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
p- เป็นอีกครั้งที่ทุกคนพูดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สมควรพ่ายแพ้ 
p- แต่ก็เป็นอีกครั้งเช่นกันที่ท้ายที่สุดแล้ว โชเซ่ มูรินโญ่ ได้รับการชูมือ
p- คนอย่าง เดอะ สเปเชี่ยล วัน ผู้หยิ่งจองหอง และทรนง ไม่มีวันสนใจเสียงนกเสียงกา เสียงวิจารณ์ต่อแท็คติกของเขาหากสุดท้ายแล้วเป็นผู้กุมชัยชนะ
p- กฎเหล็กของ มูรินโญ่ ที่เคยเปิดเผยไว้เวลาคุมทีมลงทำศึก "บิ๊กแมตช์" มีด้วยกัน 7 ข้อ 
p- เรื่องเหล่านี้เป็นนักข่าวสเปน ที่มีความสนิทสนมส่วนตัวกับ มูรินโญ่ เป็นผู้เผยแพร่

1. ทีมใดทำ "ผิดพลาดน้อยกว่า" ทีมนั้นจะเป็นผู้ชนะ
2. ทีมที่ทำ "ผิดพลาดมากกว่า" จะทำให้อีกทีมได้เปรียบ
3. ยามที่เล่นเกมเยือนสิ่งที่ต้องทำคือ "บีบคู่แข่งให้พลาด"
4. ยิ่งครองบอลเยอะ "ยิ่งผิดพลาดได้เยอะกว่า"
5. ความกลัว กังวล และลนลานในเกมใหญ่จะเกิดขึ้นกับ "ทีมที่ครองบอลมากกว่า"
6. "ไม่ต้องครองบอล" จะลดข้อผิดพลาด
7. "ไม่มีบอลกับตัว" จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ

p- 7 ปรัชญาหลักของ โชเซ่ มูรินโญ่ ยามที่คุมทีมลงทำศึกบิ๊กแมตช์เวลาเจอกับทีมใหญ่ๆ ซึ่งสวนทางกับหลักความสวยงามของเกมฟุตบอลที่รังสรรค์โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชัดเจน
p- ชัยชนะ 3-1 ที่ เอมิเรตส์ ตอบหลักปรัชญาของ มูรินโญ่ ให้เราทราบทั้งหมด
p- 3 ประตูของทีมเยือนเกิดจาก "ความผิดพลาด" ในเกมรับของ อาร์เซน่อล เอง และ ยูไนเต็ด ฉกฉวยความผิดพลาดนั้นไว้ได้
p- ประตูแรก กอสซิแอลนี่ จ่ายบอลสั้นเกิน โดน วาเลนเซีย ตัด
p- ประตูที่สอง ลินการ์ด ไล่กดดัน มุสตาฟี่ ที่พยายามเซ็ตบอลจากแดนหลังจน ลูกากู เก็บได้
p- ประตูที่สาม เกิดจากจังหวะสวนกลับที่ผู้เล่น อาร์เซน่อล "หลังลอย" ขึ้นสูงเพื่อไล่ตามตีเสมอ

p- ทุกอย่างตอบโจทย์ที่ มูรินโญ่ ต้องการให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น และถ้าใครบอกว่าทัพ "ปีศาจแดง" ถูกคู่แข่งบีบให้ต้องตั้งรับ
p- ผมจะตอบว่า "ใช่"...แต่ไม่ทั้งหมด !
p- มัน คือ "การเลือก" ของ มูรินโญ่ ทั้งนั้นตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ตเกม ว่าเขาต้องการเล่นแบบไหน โดยมีปรัชญา 7 ข้อของเขาเป็นตัวชี้นำ
p- ทุกสิ่งทุกอย่าง "เข้าทาง" ตั้งแต่ต้นเกม เมื่อ 12 นาทีแรกขึ้นถึง 2-0 ทั้งที่ไม่ได้เล่นดีเด่มากมาย ที่เหลือหลังจากนั้น คือ "เล่นตามที่ มูรินโญ่ แพลนไว้" โดยมีสกอร์นำอยู่ 2 เม็ด
p- อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือ เป็นเกมที่ "แนวรับ" ยูไนเต็ด และโดยเฉพาะเจาะจงที่เซนเตอร์แบ็ก 3 คน จัดกระบวนทัพได้อย่าง "มั่วซั่วสุดๆ"
p- โอเคแหล่ะว่า การต้องตั้งรับต่ำแบบนั้นมันทำให้พวกเขาเหนื่อย และล้ากับการต้องวิ่งตามบอลตลอดเวลา 
p- ในแง่ของความเป็นโค้ชตามที่ผมร่ำเรียนมานะครับ "ทีมที่วิ่งตามหลังลูกบอลตลอด" เหนื่อยกว่า "ทีมที่มีบอลอยู่กับเท้า"
p- เท่ากับว่า มูรินโญ่ เป็นผู้ที่เลือกเอง ว่าจะให้แนวรับของเขาเผชิญกับความยากลำบากในการเล่นเกมรับตลอดเวลานับตั้งแต่ที่ขึ้นนำ
p- แถมยังเป็นนัดที่ 3 เซนเตอร์ฮาล์ฟเคลียร์บอล หรือ เข้าบอลกันได้โฉ่งฉ่างเหลือเกิน แต่ทั้งเกมกลับโดนแค่เม็ดเดียว ???


สถิติหลังเกมบอกเอาไว้ว่า
- แมนฯ ยูไนเต็ด ครองบอล 25%
- ได้ยิง 8 ครั้ง
- เข้ากรอบ 4 ครั้ง

p- ในทางกลับกันอีกทีมหนึ่งสร้างโอกาส 33 ครั้งตลอดทั้งเกม ได้ยิงให้ เด เคอา ต้องออกแรงเซฟถึง 14 ครั้ง กลายเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกในเกมเดียว
p- กลับทำได้ประตูเดียว
p- "ผมไม่รู้ว่าเราไม่มีคะแนนได้อย่างไร เมื่อเราเล่นฟุตบอลได้สวยงามขนาดนั้น สร้างสรรค์โอกาสได้ขนาดนั้น"
p- "เมื่อคุณมีโอกาสมากขนาดนั้น แต่คุณกลับแปรเปลี่ยนเป็น 3 คะแนนไม่ได้ นั่นหมายความว่า ประสิทธิภาพของเรายังไม่ดีพอ"
p- "พวกเราสมควรเป็นผู้ชนะมากกว่าพวกเขา แต่เราออกสตาร์ตได้อย่างเลวร้าย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น"
p- ครับ ! นั่น คือ เสียงโอดครวญจาก อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือผู้ปราชัย แต่อย่าลืมฟุตบอลไม่ได้ตัดสินที่ใครออกหมัดมากกว่ากัน
p- มูรินโญ่ กับ ยูไนเต็ด เปรียบเสมือนมวยที่ยกการ์ดขึ้นตลอดเวลา เพื่อรอให้การ์ดของคู่ต่อสู้เปิดแล้วค่อยฮุคหนักๆ เข้าไป
p- เวนเกอร์ เองก็พยายามแล้วกับการเปลี่ยน "ทั้งระบบ" และ "วิธีการเล่น" ทั้งในครึ่งแรก และครึ่งหลัง แต่ ยูไนเต็ด มี "ของขลัง" ในอยู่หลังบ้าน
p- สิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่า ดาบิด เด เคอา !!!

p- 5 ครั้งเต็มๆ ที่ อาร์เซน่อล "ต้องได้" ประตู
p- โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจังหวะที่ ลากาแซ็ตต์ แตะไปยิงติดเซฟ ก่อนที่ อเล็กซิส ตามซ้ำ แต่ เด เคอา ทำในสิ่งที่เหลือเชื่อ
p- มันน่าจะเป็นการเซฟแห่งทศวรรษเลยกับการใช้ "ฝ่าเท้า" ยกขึ้นมาเพื่อบล็อคลูกยิงโดยที่ตัวเองยังนอนอยู่กับพื้น

p- ไม่ต้องสงสัยนี่คือ "มือหนึ่งของโลก" ในวันที่ บุฟฟ่อน กับ นอยเออร์ เริ่มโรยรา และใกล้เลิกเล่น ต่อให้คุณเป็นแฟนบอลทีมใดก็เถอะ !
p- จังหวะที่ผมกำลังปั่นต้นฉบับให้พวกคุณทัศนากันอยู่นั้น ผมเองก็กำลังง่วนกับการลุ้น เดวิด มอยส์ ให้ยัน แมนฯ ซิตี้ อยู่ไปด้วย
p- โชคร้ายที่แม้จะขึ้นนำก่อน แต่สุดท้าย เวสต์แฮม ของ มอยส์ ต้านไม่ไหว โดนท้ายเกมพ่ายแพ้ไป 1-2
p- เท่ากับว่า "เพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญ" ชนะเป็นเกมที่ 13 ติดต่อกันเทียบเท่าสถิติสูงสุดที่ อาร์เซน่อล ทำไว้เมื่อฤดูกาล 2001/02 และเชลซี เมื่อปีที่แล้ว
p- บนความเหมือนกันของทีมที่ชนะ 13 เกมติดต่อกันทั้ง 2 ทีม คือ ทั้ง อาร์เซน่อล และเชลซี เป็นฝ่ายได้ครองแชมป์ลีกในปีดังกล่าว
p- แมนฯ ซิตี้ เองกำลังเดินทางสู่สิ่งนั้นเช่นกัน
p- 3 เกมหลังสุดเต็มๆ ครับที่ผมต้องถ่างตารอดู แมนฯ ซิตี้ ที่ลงเล่นหลังทีมของเราเพื่อนั่งแช่งไปด้วย แล้วก็เหมือนเดิมที่พวกเขายิงประตูชัยช่วงท้ายเกม
p- เหนื่อยไล่เหมือนกันครับแบบนี้ เพราะช่องว่างมันยังคงที่ 8 คะแนนเท่าเดิม แม้ว่าเราจะชนะเกมเยือนยากๆ ทั้งสองเกมที่ลอนดอน เหนือ วัตฟอร์ด กับ อาร์เซน่อล
p- สิ่งสำคัญในเกมหน้า คือ การที่เราต้องเสีย ป๊อกบา ไปในเกมนี้ และจะโดนแบนแน่ๆ 3 นัด
p- อันนี้ชัดเจนครับ แม้ใครจะพยายามยืนยันว่า มันหนักเกินไป และ ป๊อกบา เองไม่ได้ตั้งใจทำในลักษณะนั้น
p- ผมขอใช้ประสบการณ์ความรู้ที่ผมร่ำเรียนโค้ชมา โดยมีครูบาอาจารย์ทั้งหลายแหล่เป็นผู้สอนครับ บทเรียนหนึ่งว่าด้วยเรื่อง "การตัดสิน"
p- จังหวะของ ป๊อกบา แบบนี้เราเรียกว่า "การเล่นรุนแรงโดยไม่เจตนา แต่มีลักษณะที่ทำให้คู่แข่งบาดเจ็บหนัก"
p- แบบนี้แดงสถานเดียวครับ ไม่มีผิดพลาดใดๆ ทั้งสิ้น

p- แบบนี้เกมหน้ารับมือ แมนฯ ซิตี้ ในบ้านทำยังไงดี ?
p- อย่างที่ทุกคนรู้ กองกลางฝรั่งเศส คือ หัวใจในแดนกลางของเรา คอยบัญชาการเกม คุมจังหวะ และเป็นตัวเปิดเกมรุก
p- 2 เดือนกว่าๆ ก่อนหน้านี้ที่เขาเจ็บหนัก เห็นได้ชัดว่า "มิติ" คือ คำที่หายไปจากสารบบในทีมของเรา
p- ฤดูกาลนี้ Formation หลักของ มูรินโญ่ กับเรา คือ 4-2-3-1 แต่ในเกมใหญ่ๆ หรือเกมเยือน เขามักจะปรับเป็น 3-4-1-2 เกือบทุกนัด
p- หลายๆ คนบอกว่า ในมือสถานการณ์บีบให้ต้องเดินหน้าเพื่อเอาชนะลดช่องว่าง ก็ควรเล่นเกมรุกไปเลย
p- ผมขอเลือกมองต่างครับ !
p- ไม่มีทางที่คนอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ จะเปิดเกมรุกเข้าหาทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต่อให้เกมนั้นทีมต้องการชัยชนะ หรือ เล่นในบ้านก็ตาม !!!
p- เขายอมที่จะถูกคนทั้งโลกประณามเรื่อง "สไตล์" และ "วิธีการเล่น" หากมันทำให้ลูกทีมของเขาเป็นฝ่ายได้รับการชูมือในท้ายที่สุด
p- ผมเชื่อว่า 3-4-1-2 จะได้ถูกหยิบมาใช้งานเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน และผมเชื่อว่าอีกด้วยว่ามันจะเป็นผู้เล่นชุดเดิม วิธีการเล่นแบบเดิม แบบที่เคยเกิดขึ้นในเกมที่ เอมิเรตส์

p- แค่เปลี่ยนจาก ป๊อกบา เป็น มารูอาน เฟลไลนี่ เท่านั้น !!!
p- มันน่าเป็นห่วงจริงๆ ครับ อันนี้เถียงไม่ได้เลย แต่ช่วงหลังๆ ซิตี้ ก็เริ่มออกอาการแล้วเหมือนกันเวลาโดนทีมตั้งรับหนักๆ 
p- จับผลัดจับผลูต้นเกม กระทุ้งดื้อๆ ก่อน ดอกสองดอก แล้วรับทั้งเกม ใครจะเถียงว่า หนทางเอาชนะไม่มี ???
p- แมนฯ ซิตี้ ยุคนี้ เป็นทีมที่ "เกือบจะสมบูรณ์แบบ" อันนี้ไม่มีใครเถียงครับ
p- แต่คำว่า "แพ้ไม่เป็น" ไม่มีในพจนานุกรมของเกมกีฬาครับ
p- สิ่งที่พวกเรา "เด็กผี" ทำได้ตอนนี้ คือ "แค่หวัง"...
p- หวังว่ามันจะ "เข้าทาง" มูรินโญ่ และ "เข้าทาง" ทีมของเรา !!!
p-  10 ธันวาคมนี้ เราจะนั่งรอคำตอบของฤดูกาลนี้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยกัน
...โยอันน์...


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด