:::     :::

4 กุมารเสือเหลือง

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
3,923
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กลุ่มผู้เล่นสำรองดาวรุ่งหลายคนของ ดอร์ทมุนด์ จะมีโอกาสลงสนามมากขึ้นเพื่อแสดงศักยภาพในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้

หลายสโมสรของบุนเดสลีกากำลังสร้างทีมด้วยผู้เล่นสายเลือดใหม่โดยเฉพาะทีมระดับแนวหน้าอย่าง ดอร์ทมุนด์, ไลป์ซิก หรือแม้กระทั่ง บาเยิร์น มิวนิค ที่เริ่มผ่องถ่ายนักเตะสูงวัยออกจากสโมสรเพื่อเปิดทางให้แข้งดาวรุ่งก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ 

ถ้าเปรียบเทียบกันแต่ละค่ายลูกหนังของลีกเมืองเบียร์แล้วแนวทางการปั้นเด็กของ ดอร์ทมุนด์ มีความโดดเด่นกว่าทุกสโมสร หลังทีมเสือเหลืองเดินหน้านโยบายดังกล่าวมานานหลายปีและประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม ทั้งการก้าวขึ้นมาเป็นขุมกำลังสำคัญของทีมชุดใหญ่ รวมถึงการปล่อยตัวออกไปด้วยราคาแพงทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้สโมสร


ย้อนกลับไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 ทีมเสือเหลืองเซ็นสัญญากับ คริสเตียน พูลิซิช ตอนอายุ 16 ปี เขาใช้เวลาฟูมฟักกับทีมชุดใหญ่ราว 3 ฤดูกาลครึ่ง ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับ เชลซี ในช่วงหน้าร้อนปี 2018 ด้วยค่าตัว 60 ล้านยูโร 

ในปี 2016 ดอร์ทมุนด์ จ่ายเงิน 15 ล้านยูโรดึง อุสมาน เดมเบเล่ แนวรุกชาวฝรั่งเศสมาจาก แรนส์ ตั้งแต่อายุ 19 ปี เขาลงเล่นกับทีมเสือเหลืองเพียงซีซั่นเดียวก่อนย้ายไปค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 105 ล้านยูโร 


ก่อนทีม'เหลือง-ดำ'จะเจียดเงินราว 10 ล้านยูโรดึง เจดอน ซานโช่ ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษมาจาก แมนฯซิตี้ ในช่วงซัมเมอร์เดียวกัน ก่อนปั้นอดีตเด็กสร้างของทีมเรือใบก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งดาวโรจน์ของวงการลูกหนังและคาดว่าจะมีค่าตัวไม่น้อยกว่า 120 ล้านยูโรถ้าหากมีการย้ายสังกัดครั้งต่อไป 

แม้การเซ็นสัญญากับแข้งวัยรุ่นของ ดอร์ทมุนด์ จะไม่ประสบความสำเร็จทุกราย ตัวอย่างเช่น อเล็กซานเดอร์ อีซัค กองหน้าดาวรุ่งชาวสวีดิชที่ย้ายมาจาก เอไอเอ โซลน่า ในช่วงเดือนมกราคมปี 2017 ตั้งแต่อายุ 18 ด้วยค่าตัวราว 9 ล้านยูโร ก่อนทีมเสือเหลืองจะปล่อยนักเตะย้ายไปค้าแข้งกับ เรอัล โซเซียดาด ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยค่าตัวเพียง 6.5 ล้านยูโร 


ล่าสุด ดอร์ทมุนด์ เซ็นสัญญากับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยค่าตัวราว 20 ล้านยูโร ทว่าแตกต่างจากดาวรุ่งหลายคนก่อนหน้านี้เนื่องจากดาวยิงชาวนอร์วีเจี้ยนสร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักของวงการลูกหนังตั้งแต่ช่วงที่ค้าแข้งกับ ซัลซ์บวร์ก ทีมดังของออสเตรียก่อนหน้านั้น แต่หากมีการย้ายสังกัดรอบต่อไป ฮาแลนด์ จะทำเงินก้อนโตให้ทีมเสือเหลืองแน่นอน 

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ดอร์ทมุนด์ อยู่อันดับ 2 ของลีกเมืองเบียร์โดยตามหลังจ่าฝูง บาเยิร์น มิวนิค 7 คะแนน ขณะที่เหลือโปรแกรมลงเตะอีกเพียง 4 เกม คงเป็นเรื่องยากที่ทีมเสือเหลืองจะพลิกกลับมาคว้าแชมป์บุนเดสลีกาซีซั่นนี้ 

แต่อีกด้านหนึ่ง ดอร์ทมุนด์ ต้องการชัยชนะอีกเพียง 2 จาก 4 เกมสุดท้ายเพื่อการันตีตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกซีซั่นหน้า หลังทิ้งห่างอันดับ 5 เลเวอร์คูเซ่น 7 คะแนนและยังมีผลต่างประตูได้เสียบวกมากกว่าทีมห้างยาถึง 30 ประตู 


ดอร์ทมุนด์ เหลือโปรแกรมลงเล่น 4 เกมสุดท้ายกับ ดุสเซลดอร์ฟ (เยือน), ไมนซ์ (เหย้า), แอร์เบ ไลป์ซิก (เยือน) และ ฮอฟเฟนไฮม์ (เหย้า) ดังนั้นทีมเสือเหลืองจึงมีโอกาสซิวตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกตั้งแต่เสร็จสิ้นการแข่งขันนัดที่ 32 ของฤดูกาลและถ้าหาก บาเยิร์น มิวนิค เช็คบิลแชมป์ลีกเมืองเบียร์สมัยที่ 8 ติดต่อกันและสมัยที่ 30 ของสโมสรในเวลาเดียวกัน

มันก็มีความเป็นไปได้ที่ ลูเซียง ฟาฟร์ จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นดาวรุ่งสายเลือดใหม่ลงสัมผัสเกมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสนามมากขึ้นช่วง 2 เกมสุดท้ายของซีซั่น ซึ่งมี 4 กุมารเสือเหลืองที่อยู่ในข่ายว่าจะได้รับโอกาสดังกล่าว


1.โจวานนี่ เรย์น่า (มิดฟิลด์, 17 ปี) 

หนุ่มจีโอเป็นผู้เล่นที่มีพัฒนาการมากสุดในรุ่นเดียวกัน หลังย้ายจาก นิวยอร์ค ซิตี้ มาเข้าอะคาเดมี่ของทีมเสือเหลืองในช่วงปี 2019 ตอนอายุ 16 ปีเหมือน คริสเตียน พูลิซิช 

เขาได้รับความไว้วางใจจากเทรนเนอร์ ลูเซียง ฟาฟร์ ส่งลงเล่นฐานะตัวสำรองทั้ง 12 เกมในซีซั่นนี้ รวมเวลาในสนาม 181 นาที เขามีโอกาสออกสตาร์ทกับ ดอร์ทมุนด์ ครั้งแรกในเกมดาร์บี้แมตช์กับ ชาลเก้ นัดแรกของการรีสตาร์ทฤดูกาลนี้ ทว่าหนุ่มจีโอโชคร้ายบาดเจ็บน่องระหว่างการอบอุ่นร่างกายจนชวดลงเล่นเกมดังกล่าว

แต่คาดว่า เรย์น่า จะมีโอกาสลงเล่นตัวจริงครั้งแรกในช่วง 4 เกมสุดท้ายของฤดูกาลโดยเฉพาะช่วงคิวเตะอัดแน่นถึง 3 เกมถัดจากนี้ภายในสัปดาห์เดียว ดังนั้น ฟาฟร์ จึงจำเป็นต้องสับเปลี่ยนตัวผู้เล่นลงสนามตามความเหมาะสม 

มาร์โค รอยส์ แนวรุกกัปตันทีมวัย 31 ปีกำลังฟื้นตัวกลับมาจากการบาดเจ็บ ขณะที่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ พลาดการลงเล่นตลอด 2 เกมหลังกับ พาเดอร์บอร์น และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน หลังเดี้ยงมาจากเกมพ่าย บาเยิร์น มิวนิค 

ดังนั้น เรย์น่า จึงมีโอกาสปรับบทบาทจากสำรองมาเป็นตัวจริงและอาจจะเห็นดาวรุ่งวัย 17 ปีออกสตาร์ทมากกว่าหนึ่งเกมด้วย ทุกนาทีที่เขาลงเล่นในซีซั่นนี้จะช่วยเสริมประสบการณ์และสร้างความมั่นใจมากขึ้นในฤดูกาลหน้าที่เขายังต้องพัฒนาตัวเองต่อไป


2.เลโอนาร์โด้ บาเลร์ดี้ (เซนเตอร์, 21 ปี)

บาเลร์ดี้ เซ็นสัญญา 4 ปีครึ่งในช่วงเดือนมกราคม 2019 หลังย้ายมาจาก โบคา จูเนียร์ส ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร ทีมเสือเหลืองส่งเขาลงประเดิมเวทีบุนเดสลีกาฐานะตัวสำรองในเกมกับ ดุสเซลดอร์ฟ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยลงเล่นแทน ลูคัส พิสซ์เซ็ค ช่วงนาที 78 ก่อนจะลงเล่นในซีซั่นนี้ฐานะตัวสำรอง 5 เกม รวมเวลา 54 นาที แต่เขาน่าจะมีบทบาทมากขึ้นในช่วงท้ายฤดูกาล

จากการบาดเจ็บของ อักเซิล วิตเซล, เอ็มเร่ ชาน รวมถึง มาห์มูด ดาฮูด มีส่วนทำให้ ฟาฟร์ เรียกตัว บาเลร์ดี้ ขึ้นมาฝึกซ้อมฐานะมิดฟิลด์ตัวรับแก้ไขปัญหาฉุกเฉินหลังนักเตะตำแหน่งดังกล่าวหลายคนไม่พร้อมลงสนาม แม้ว่าจะไม่ใช่ตำแหน่งธรรมชาติของเขาก็ตาม 

อย่างไรก็ดีกองหลังชาวอาร์เจนไตน์คาดหวังว่าจะลงเล่นฐานะเซนเตอร์อีกครั้งในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ แม้ ฟาฟร์ จะมองว่า บาเลร์ดี้ มีโอกาสลงเล่นมิดฟิลด์ตัวรับมากขึ้น เว้นเสียแต่ว่าผู้เล่นแนวป้องกันของทีมเสือเหลืองจะบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเท่านั้น 

ดอร์ทมุนด์ จ่ายเงินก้อนโตเพื่อเซ็นสัญญากับ บาเลร์ดี้ ดังนั้น ฟาฟร์ จำเป็นต้องมอบโอกาสให้นักเตะลงสนามเพื่อให้เขาแสดงให้เห็นว่าสามารถทำได้ดีมากน้อยเพียงใด การลงสนามมากขึ้นโดยเฉพาะการออกสตาร์ทตัวจริงจะช่วยนักเตะได้มากสำหรับซีซั่นหน้า


3.มาเตว โมเรย์ (กองหลัง, 20 ปี)

ดอร์ทมุนด์ ดึง โมเรย์ จากศูนย์ฝึก'ลา มาเซีย' มาเซ็นสัญญาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เขาเริ่มต้นอย่างน่าตื่นเต้นในช่วงปรีซีซั่น ก่อนโชคร้ายบาดเจ็บไหล่ จากนั้นเขาถูกส่งลงเล่นกับทีมสำรองของ ดอร์ทมุนด์ โดยออกสตาร์ทตัวจริงทั้ง 11 เกม ก่อนได้รับโอกาสจาก ฟาฟร์ ส่งลงเล่นฐานะสำรองทั้งสองเกมกับ พาเดอร์บอร์น และ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 

โมเรย์ ประเดิมเวทีบุนเดสลีกาด้วยการลงเล่นแทน อาชราฟ ฮาคิมี่ ช่วงนาที 87 ในเกมขย่ม พาเดอร์บอร์น ก่อน ฟาฟร์ จะส่งแบ็กขวาวัย 20 ปีลงเล่นแทน ธอร์กกาน อาซาร์ ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมเชือด แฮร์ธ่า เบอร์ลิน แม้จะมีเวลาในสนามไม่นานนัก แต่กองหลังชาวสเปนทำผลงานน่าประทับใจในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตามคาดว่า โมเรย์ จะได้ลงเล่นมากขึ้นในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้และควรมีโอกาสออกสตาร์ทเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับซีซั่นหน้า เมื่ออนาคตของ อาชราฟ ฮาคิมี่ ยังไม่มีความแน่นอนและมีโอกาสสูงที่ฟูลแบ็กชาวโมร็อกโกจะย้ายกลับ เรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์นี้ 

ดังนั้น ดอร์ทมุนด์ จึงควรใช้ทุกโอกาสที่ทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพในตัวแบ็กชาวสเปนก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่ฤดูกาลหน้า ถ้า โมเรย์ สามารถสร้างความประทับใจในการลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ ทีมเสือเหลืองจะมีตัวเลือกในแนวรับฝั่งขวาเพิ่มเติมสำหรับซีซั่นถัดไป


4.โทเบียส ราสเชิ่ล (มิดฟิลด์, 20 ปี)

มิดฟิลด์หนุ่มเป็นอีกหนึ่งแข้งดาวรุ่งที่สร้างความประทับใจตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น แต่เขายังไม่ได้โอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่แม้แต่นาทีเดียว แม้ว่าทีมเสือเหลืองจะมีปัญหามิดฟิลด์ตัวกลางบาดเจ็บทั้ง อักเซิล วิตเซ่ล, เอ็มเร่ ชาน หรือ มาห์มูด ดาฮูด ก็ตาม ทว่า ราสเชิ่ล ยังไม่ได้รับโอกาสจาก ลูเซียง ฟาฟร์ ที่เลือกขยับ เลโอนาร์โด้ บาเลร์ดี้ จากเซนเตอร์มาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับ

แต่ด้วยตำแหน่งที่ค่อนข้างมั่นคงกับการคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกของทีมเสือเหลือง ดังนั้น ราสเชิ่ล น่าจะได้โอกาสลงเจิมทีมชุดใหญ่ในช่วงใดช่วงหนึ่งของ 4 เกมสุดท้ายในซีซั่นนี้ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด