:::     :::

ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก ที่ค่าตัวน้อยกว่า 10 ลป.

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
13,912
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือรายการระดับโลก

นักเตะชื่อดังหลายต่อหลายคน มีความฝันอยากจะมาค้าแข้งที่นี่ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการซื้อ-ขายตัวผู้เล่นเกิดขึ้นอย่างมากมาย บางคนเป็นการซื้อที่คุ้มค่า และบางคนก็เป็นการซื้อที่ไม่ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้ 


ช่วงนี้ สื่อชื่อดังอย่างบีอาร์ ฟุตบอล ทำการคัดเลือกทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก ที่มีค่าตัวต่ำกว่า 10 ล้านปอนด์ ที่สามารถงัดฟอร์มการเล่น จนตอบแทนสโมสรได้ทุกเพนนี ส่วนจะเป็นใครบ้างนั้น เราไปติดตามกันเลย


เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ (ฟูแล่ม ไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) 

หลังจากพยายามควานหาตัวตายตัวแทนของปีเตอร์ ชไมเคิ่ล อยู่นานมาก กระทั่งในช่วงปี 2005 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการควักเงินประมาณ 2 ล้านปอนด์ เพื่อดึงตัวฟาน เดอร์ ซาร์ มาเฝ้าเสาในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก่อนที่เขาจะใช้ประสบการณที่มี พาทีมคว้าโทรฟี่แชมป์มาครองอย่างมากมาย โดยเฉพาะแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 หน พร้อมกันนี้ เขายังเคยคว้ารางวัลถุงมือทองคำ และสถิติไม่เสียประตูในลีกยาวนานกว่า 1,311 นาทีอีกด้วย 


เนมานย่า วิดิช (สปาร์ตัก มอสโก ไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) 

ย้อนกลับไปตลาดซื้อ-ขายฤดูหนาวปี 2006 แฟนบอลของ ปีศาจแดงถึงกับประหลาดใจกันหมด เมื่อสโมสรทำการเจียดเงินราว 7 ล้านปอนด์ เพื่อดึงวิดิช มาเสริมแผงหลัง จากฟอร์มช่วงแรกที่ปรับตัวลำบาก ทำให้หลายคนมองว่า นี่ถือเป็นการซื้อตัวที่น่าผิดหวัง อย่างไรก็ตาม เขากลับกลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่เก่งมากสุดคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร สถิติการเล่นในตลอด 8 ฤดูกาลเศษ เขาพาทีมคว้าแชมป์รายการสำคัญอย่างพรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก และสโมสรโลก มาครองเป็นผลสำเร็จ 


แว็งซอง กอมปานี (ฮัมบูร์ก ไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้)

ถือเป็นช่วงเดินหน้าสู่ความยิ่งใหญ่ของพลพรรคเรือใบสีฟ้าด้วยการคว้ากอมปานี มาจากฮัมบูร์ก ในสนนราคาเพียงแค่ 6 ล้านปอนด์เท่านั้น จากนั้น เขาสามารถก้าวมาเป็นกัปตันระดับตำนานของสโมสร นอกจากบัญชาเกมรับอย่างน่าชื่นชมแล้ว เขายังเติมเกมขึ้นมาทำประตูสำคัญได้บ่อยครั้งอีกด้วย ผลงานการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และลีก คัพ 4 สมัย สามารถยืนยันถึงการลงทุนที่คุ้มค่าได้เป็นอย่างดี

เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (โอลิมปิก มาร์กเซย ไปเชลซี) 

ย้อนกลับไปปี 2012 เชลซี จ่ายเงินประมาณ 6.5 ล้านปอนด์ เพื่อดึงอัซปิลิกวยต้า มาจากโอลิมปิก มาร์กเซย โดยเขากลายเป็นกัปตันทีม และแบ็คคนสำคัญของทีม สถิติที่น่าเหลือเชื่อบอกว่า 4 ฤดูกาลหลังสุด เขาพลาดการลงสนามน้อยมาก นี่ถือเป็นการลงทุนที่แสนคุ้มค่า จากผลงานที่สม่ำเสมอของเขา สามารถพาทีมคว้าแชมป์รายการสำคัญอย่างพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และยูโรป้า


แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (ฮัลล์ ซิตี้ ไปลิเวอร์พูล) 

ลิเวอร์พูล ยอมจ่ายเงินหลัก 8 ล้านปอนด์ ให้กับฮัลล์ ซิตี้ ในช่วงปี 2017 เพื่อดึงแบ็คซ้ายรายนี้มาร่วมทีม ช่วงแรกหลายคนมองว่าเป็นการซื้อตัวที่ไม่น่าจะเวิร์ค เพราะว่าชื่อเสียง และฝีเท้าของโรเบิร์ตสัน ยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับของแฟนบอลมากเท่าไหร่ แต่ผลสุดท้าย 8 ล้านปอนด์ กลับกลายเป็นเงินที่แสนถูก เมื่อเขากลายเป็นแบ็คซ้ายตัวหลัก ที่เติมเกมรุก และแอสซิสต์แบบบ้าคลั่ง โดยเป็นกำลังสำคัญ ในการพาทีมเถลิงบัลลังก์แชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 6 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา 

เดเล่ อัลลี (เอ็มเค ดอนส์ ไปสเปอร์ส)

ย้อนกลับไปปี 2015 สเปอร์ส ควักเงิน 5 ล้านปอนด์ เพื่อซื้ออัลลี มาเสริมทัพ โดยเวลานั้น เขายังเป็นเพียงนักเตะระดับลีก วัน เท่านั้นเอง ก่อนที่เขาจะตอบแทนแบบคุ้มค่า ด้วยการบัญชาเกมในแดนกลาง และสามารถก้าวไปติดทีมชาติอังกฤษ ได้อย่างน่าชื่นชม ด้วยลูกเล่น, ความสามารถ และทักษะต่างๆ ทำให้เขากลายเป็นกองกลางที่พรสวรรค์พัฒนาขึ้นตามลำดับ จนตกเป็นที่ต้องการตัวของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่


เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (ก็อง ไปเลสเตอร์ ซิตี้) 

เลสเตอร์ ซิตี้ ลงทุนอย่างคุ้มค่า กับตัวเลขเพียงแค่ 5.6 ล้านปอนด์ เพราะพวกเขาได้กองกลางจอมขยันมาจากก็อง ในช่วงปี 2015 แม้ว่าก็องเต้ จะเล่นอยู่ในถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยมเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น ทว่าการตัดเกม, การเสียสละ และการทำเพื่อทีม พร้อมกับขยันแบบสุดความสามารถของตัวเอเง ก็เพียงพอที่จะช่วยให้พลพรรคจิ้งจอกสยามผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์สโมสร ก่อนที่จะทำกำไร ด้วยการปล่อยไปเชลซี 32 ล้านปอนด์


เจา มูตินโญ่ (โมนาโก ไปวูล์ฟส) 

มูตินโญ่ ถือว่าเป็นกองกลางที่สร้างชื่อมาอย่างยาวนาน แถมยังผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เขามีดีกรีเป็นถึงแชมป์ยูโร 2016 กับทีมชาติโปรตุเกส เหลือเชื่อมากว่าสโมสรอย่าง วูล์ฟส จะได้ตัวเขามาในราคาแค่ 5 ล้านปอนด์ หลังจากนั้น เขาก็คุมเกมในแดนกลางให้กับทีมได้อย่างลงตัว จนสร้างมาตรฐานให้กับวูล์ฟส จนกลายเป็นทีมที่ก้าวมาต่อสู้ และลุ้นพื้นที่หัวตารางคะแนนได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

ริยาด มาห์เรซ (เลอ อาฟร์ ไปเลสเตอร์ ซิตี้) 

เป็นเพียงคนเดียวที่ก้าวมาติดอยู่ในลิสต์ ที่ค่าตัวไม่ถึงล้านปอนด์ด้วยซ้ำไป โดยเลสเตอร์ ซิตี้ ได้มาในราคาแสนถูกเพียงแค่ 450,000 ปอนด์ จากทักษะที่น่ายกย่อง และเท้าซ้ายที่หาตัวจับยาก เขาช่วยสร้างสรรค์เกม และผลิตสกอร์ให้กับเลสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เช่นเดียวกับในรายของก็องเต้ เขาช่วยทีมจิ้งจอกสยามซิวแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ก่อนขายให้กับทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 60 ล้านปอนด์ 


ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (อินเตอร์ มิลาน ไปลิเวอร์พูล) 

ย้อนกลับไปปี 2013 ลิเวอร์พูล ทุ่มเงิน 8.5 ล้านปอนด์ให้กับอินเตอร์ มิลาน เพื่อดึงเพลย์เมคเกอร์บราซิเลี่ยน มาร่วมทีม โดยตลอดระยะเวลา 5 ฤดูกาลเศษ เขากลายเป็นนักเตะแบกความหวังในแนวรุก ทั้งในส่วนของการสร้างสรรค์เกม และการยิงไกลที่เป็นอาวุธลับ ทำให้หลายคนลืมเรื่องค่าตัวนั้นไป แน่นอนว่า เขายุติเส้นทางกับหงส์แดงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ทีมยังทำกำไรด้วยการขายต่อให้บาร์เซโลน่า ในราคามหาศาลถึง 105 ล้านปอนด์


โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (เฟเยนูร์ด ไปอาร์เซน่อล)

อาร์แซน เวนเกอร์ ยอมทุ่มเงิน 2.75 ล้านปอนด์ ดึงตัวอาร์วีพีมาจากเฟเยนูร์ด  ในปี 2004 แม้ว่าความสำเร็จในรูปแบบของโทรฟี่นั้น จะมีแค่เพียงเอฟเอ คัพ ทว่าเขากลับยิงประตูได้อย่างมากมาย และเป็นการยากที่ฝ่ายตรงข้ามจะรั้งไหว จนเขาสามารถคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีก มาแล้ว เมื่อเปรียบเทียบตัวเลข 2.75 ล้านปอนด์ ผลงานของเขากลายเป็นแสนถูกไปเลย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด