:::     :::

ฟุตบอล...ก็แบบนี้

วันจันทร์ที่ 04 ธันวาคม 2560 คอลัมน์ สนามเด็กเล่น โดย เสือเตี้ย
2,139
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บิ๊กแมตช์ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม คืออีกครั้งเราต้องโพล่งออกมาหลังจบ 90 นาทีว่า "ฟุตบอล...ก็แบบนี้"

ทีมที่ครองบอลมากกว่า จ่ายบอลมากกว่า หาโอกาสยิงมากกว่า ยิงเข้ากรอบมากกว่า และทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แต่จะชนะไม่ได้หากไม่ทำในสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ยิงประตูให้มากกว่าคู่แข่ง" 

ถ้าเป็นวันอื่นกับการเล่นเกมรุกแบบนี้ อาร์เซน่อลจะเก็บชัยชนะได้อย่างแน่นอน ต่อให้เสียถึง 3 ประตูก็ตาม 

จะมีสักกี่ครั้งที่ทัพปืนใหญ่กดใส่คู่แข่งในกลุ่มนำด้วยกันพร้อมหาโอกาสยิงได้เกินสามสิบครั้ง

ตัดช่วง 11 นาทีแรกที่ออกสตาร์ทไม่ดีจนทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องยากตั้งแต่ต้น เกมนี้อาร์เซน่อลเล่นได้อย่างที่แฟนบอลอยากเห็น


สถิติปืนโตข่มชัดเจน แต่ผู้ชนะคือผีแดง

ลูกน้องของ อาร์แซน เวนเกอร์ ลุยหนักจนวินาทีสุดท้าย เดินหน้าบุกอย่างไม่ย่อท้อ และหาโอกาสยิงจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการต่อบอลสั้นแนวถนัด ยิงไกล ซ้ำดาบสอง หรือกดดันจน โรเมลู ลูกากู เกือบทำเข้าประตูตัวเอง

ยิงจนไม่รู้จะยิงยังไงแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ผ่านมือ ดาบิด เด เคอา ที่เซฟไปถึง 14 ครั้งในเกมนี้ กลายเป็นสถิติสูงสุดเทียบเท่า ทิม ครูล กับ วีโต้ มานโนเน่ ในอดีต 

ประตูเดียวของ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ที่นายทวารผีแดงอาจเซฟได้ด้วยซ้ำหากแนวรับไม่ชะงักจนหัวหอกปืนโตได้ยิงจ่อๆ ขนาดนั้น

อาร์เซน่อลเคยทำให้แฟนบอลผิดหวังหลายครั้งในเรื่อง "วิญญาณนักสู้" พวกหัวจิตหัวใจของคนที่ไม่ยอมแพ้  

แต่ไม่ใช่ในเกมกับแมนฯ ยูไนเต็ด ที่นักเตะทุกคนทำเต็มที่แล้ว เพียงแต่ว่าความผิดพลาดในแนวรับทำให้ไม่ได้ในสิ่งที่ควรได้


ดาบิด เด เคอา เหนียวหนึบเกินบรรยาย

โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, ชโคดราน มุสตาฟี่ และ นาโช่ มอนเรอัล จับคู่สตาร์ทร่วมกันในเกมลีก 5 นัดก่อนหน้านี้ ไม่เสียแม้แต่ประตูเดียว แต่ทุกอย่างพังลงตั้งแต่ 11 นาทีแรกกับผีแดง 

สิ่งที่ โชเซ่ มูรินโญ่ วางแผนได้ดีกับการปล่อยให้แดนกลางปืนโตเล่นบอลไปเลย แต่หากส่งคืนหลังเมื่อไหร่ จะมี 3 ตัวรุกอย่าง โรเมลู ลูกากู, เจสซี่ ลินการ์ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล คอยวิ่งไล่กดดัน

หากใครตามดูอาร์เซน่อลในหลายนัดจะเห็นว่า การออกบอลของกองหลังคือปัญหาที่ไม่เคยแก้ไขได้โดยเฉพาะเมื่อเจอเพรสซิ่งหนัก

มูรินโญ่ ศึกษาจุดอ่อนนี้ของ เวนเกอร์ และนำมาใช้ได้ผลสำเร็จ 

ผีแดงฉวยโอกาสในข้อผิดพลาดของอาร์เซน่อลได้ดี แต่ตรงกันข้าม อาร์เซน่อลไม่สามารถทำในแบบเดียวกันกับแนวรับผีแดง

การนำ 2 ประตูเร็วเข้าทางให้ มูรินโญ่ ไม่จำเป็นต้องบุก และใช้กลยุทธิ์แนวถนัดเวลาเยือนทีมใหญ่ด้วยกันนั่นคือ ตั้งรับรอสวนกลับ 

เพียงแต่ว่าเกมนี้ แนวรับผีแดง ยืนกันเละเทะมาก 3 เซนเตอร์ที่ใช้ ไม่ใช่คู่เซนเตอร์ตัวหลักที่ยืนร่วมกันในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่เพราะทั้ง เอริก ไบยี่ กับ ฟิล โจนส์ ต่างได้รับบาดเจ็บ 


4 แข้งปืนเข้ารุม ป็อกบา ปล่อยให้ วาเลนเซีย ยืนโล่งรอยิงประตูแรก

การตั้งรับลึกจึงยิ่งเพิ่มโอกาสให้อาร์เซน่อลบุกเข้าใส่อย่างไม่ลืมหูลืมตา กองหลังผีแดงปั่นป่วนและรวนตลอดทั้งเกม มีจุดเดียวที่ยืนหยัดหนักแน่นก็คือ ดาบิด เด เคอา 

แต่ความต่างก็อย่างที่ว่าไป อาร์เซน่อล เปลี่ยนโอกาสที่มีให้เป็นประตูมีประสิทธิภาพน้อยกว่าทางฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ 3 ประตูจากการยิงเข้ากรอบ 4 ครั้ง  

เทียบการเล่นเกมรุกตอนนี้ซึ่งยังมี อเล็กซิส ซานเชซ กับ เมซุต โอซิล ในทีม อาร์เซน่อล ไม่ได้เป็นรองทีมกลุ่มหัวแถวด้วยกัน อาจมีแมนฯ ซิตี้ ที่ขยับไปอีกขั้น แต่ที่เหลือสู้ได้หมด

แต่ปัญหาในเกมรับยังเป็นสิ่งที่เรื้อรัง ไม่คนใดคนหนึ่งต้องก่อความผิดพลาดแบบโง่ๆ และทำให้ทีมเจอเรื่องยุ่งยากแบบไม่จำเป็น

นี่คือสิ่งที่อาร์เซน่อลยังขาด พวกเขาต้องมีกองหลังระดับโลกสักคนที่สามารถสั่งการ และคุมแนวรับให้ "นิ่ง" กว่านี้ ไม่ใช่โดนไล่บี้ก็ "ลั่น" จนออกบอลไร้ทิศทาง


มอนเรอัล ชี้นิ้วสั่งให้ มุสตาฟี่ คืนหลัง แต่ มุสตาฟี่ ฝืนเล่นต่อจนจ่ายพลาด

กอสซิแอลนี่ คือคนที่น่าจะไว้ใจได้มากที่สุดเพราะมีประสบการณ์มากกว่าใครเพื่อน แต่วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีของแนวรับชาวฝรั่งเศสเพราะพลาดทั้งประตูแรกและประตูที่สาม

ส่วน มุสตาฟี่ กับ มอนเรอัล ก็ตามสภาพ รายแรกพลาดในประตูที่สองที่ฝืนเล่นบอลเองจะจ่ายพลาด แถมยังเจ็บซ้ำอีกต่างหาก

ตลอดหลายซัมเมอร์ที่ผ่านมา เวนเกอร์ ดึงกองหลังเข้ามาในทุกซัมเมอร์ แต่ยังไม่มีใครเข้ามาอุดช่องว่างได้เลย

คาลั่ม แชมเบอร์ส กับ ร็อบ โฮลดิ้ง เหมือนจะดีในช่วงแรก แต่จากนั้นก็ออกทะเล เช่นเดียวกับ กาเบรียล เปาลิสต้า ที่คงดีกว่ากับการเล่นในลา ลีกา ไม่ใช่ พรีเมียร์ลีก

มุสตาฟี่ มีวันดีๆ แย่ๆ สลับกันไป ในช่วง 2 นัดที่หายเจ็บกลับมาถือว่าเล่นได้เหนียวแน่นแล้ว แต่เกมนี้ก็พลาดง่ายๆ อีกครั้ง และโชคร้ายบาดเจ็บไปอีก 

สุดท้ายเลยเป็น นาโช่ มอนเรอัล ที่ขยับมาเล่นตรงกลาง และในฤดูกาลนี้ที่ได้ เซอัด โคลาซินัค เข้ามาก็แทบไม่ได้ลุยตำแหน่งเดิมทางกราบซ้ายอีกเลย 


รุม 2 คนแต่เอา ป็อกบา ไม่อยู่ ขณะที่ ชาคา ก็ไม่ตาม ลินการ์ด

การเสีย 2 ประตูอย่างรวดเร็ว สมบทด้วยอาการบาดเจ็บของ มุสตาฟี่ ทำให้อาร์เซน่อลต้องปรับแผนแบบเลี่ยงไม่ได้

พวกเขาจำใจต้องปรับจากหลัง 3 เป็นหลัง 4 เหลือคู่เซนเตอร์ 2 คน และเพิ่มตัวรุกลงตั้งแต่ 15 นาทีแรก

เวนเกอร์ ไม่ได้เล่นระบบแบ็กโฟร์มานานนับตั้งแต่ปรับช่วงท้ายฤดูกาลก่อน แต่สถานการณ์บีบบังคับให้กลับไปเล่นแผนเดิมซึ่ง ณ วินาทีนั้น โค้ชคนอื่นก็คงทำในแบบเดียวกับ เวนเกอร์ 

แต่สุดท้ายต้องยอมรับว่า เกมนี้คือเกมของ ดาบิด เด เคอา จริงๆ เขาทำให้ทุกคนเห็นว่าการมีผู้รักษาประตูที่ดี และฝีมือระดับโลก สามารถเก็บแต้มให้ได้ทีมได้เช่นกัน 

ส่วนอาร์เซน่อล จบเกมด้วยการมี 2 ความรู้สึกเกิดขึ้น

อย่างแรก คุณไม่สามารถเรียกร้องความมุ่งมั่นและใจสู้ของผู้เล่นในทีมได้มากกว่านี้อีกแล้ว พวกเขาทุ่มเทอย่างสุดความสามารถที่มี

แต่อีกมุม หากเกมรับยังผิดพลาดง่ายดายแบบนี้ คุณก็ไม่มีทางไปถึงเป้าหมายได้

นั่นคือเหรียญสองด้านของอาร์เซน่อล แต่ความจริงอย่างหนึ่งที่แน่นอนและสำคัญที่สุดคือ

ฟุตบอลวันกันที่สกอร์สุดท้ายว่าใครยิงได้มากกว่า 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด