:::     :::

เมื่อพรีเมียร์ลีกรีสตาร์ต

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ มาแล้ว แมวเพชร โดย แมวเพชร
1,577
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในที่สุดก็ถึงวันที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะ "รีสตาร์ต" แล้วนะครับ คืนวันที่ 17 มิถุนายนนี้เริ่มกันที่ 2 เกมตกค้างกันก่อนเลย

แอสตัน วิลล่า จะเปิดรัง วิลล่า ปาร์ค พบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีม "ดาบคู่" จอมเซอร์ไพรส์แห่งฤดูกาลในเวลาเที่ยงคืน ตามด้วยคู่ใหญ่ แมนฯซิตี้ ปะทะ อาร์เซน่อล ในเวลา 02.15 น.

่เมื่อ 2 คู่นี้จบลง นั่นจะทำให้ทั้ง 20 ทีมในพรีเมียร์ลีกแข่งขัน 29 นัดเท่ากันหมดนะครับ จากนั้นก็จะเริ่มรันโปรแกรมกันไป สัปดาห์ละ 10 คู่โดยจะมีเกมมิดวีกคอยแทรกเป็นระยะๆด้วยนะครับ 

แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดอยู่ขณะนี้การแข่งขันทั้ง 92 เกมที่เหลือจะเป็นแบบสนามปิดนะครับ ซึ่งแต่ละแมตช์การแข่งขันจะอนุญาติให้มีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพียงแค่ 300 คนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นนักเตะ, สตาฟโค้ช, ทีมแพทย์, ผู้ตัดสิน, เจ้าหน้าที่สนาม, นักข่าว ฯลฯ รวมกันจะต้องไม่เกินตัวเลขดังกล่าว

โดยเฉพาะใน "เร้ดโซน" จะอนุญาติเพียงแค่ทีมละ 37 คนเท่านั้น ก็ประกอบไปด้วย นักเตะ 20 คน สตาฟโค้ชและทีมแพทย์ 12 คน บวกด้วยคนอื่นๆของสโมสรอีก 5 คนเท่านั้น

ก่อนที่เกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้น จะต้องมีการยืนสงบนิ่ง 1 นาทีเพื่อเป็นเกียรติให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ของ NHS ที่กำลังต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 อยู่ในเวลานี้

โดยการประชุมทีมก่อนลงสนามนั้นจะมีเวลาให้สูงสุดแค่ 15 นาทีเท่านั้น ซึ่งตอนลงสนามทีมเยือนจะลงไปก่อน ตามด้วยเจ้าบ้าน และผู้ตัดสินตามลำดับ ถ้าสนามแห่งไหนมีอุโมงค์ 2 อุโมงค์ก็ให้ทีมเยือนและเจ้าบ้านอยู่แยกกันด้วย

การเสี่ยงทายเหรียญและเพลงประจำของพรีเมียร์ลีกจะยังคงให้มีเช่นเคย ส่วนทีมม้านั่งสำรองจะต้องทำให้มันใหญ่ขึ้นและยาวขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามกฏระยะห่างทางสังคม

แน่นอนว่าการเปลี่ยนตัวสำรองจะให้มีได้ 5 คน มีพักดื่มน้ำด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงฮีตสโตรกเพราะเตะกันในช่วงซัมเมอร์ รวมทั้งกฏกติกาแปลกอีกหลายอย่างที่เราจะได้เจอในเฉพาะช่วงนี้อีกสารพัด

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างที่กำหนดขึ้นมาก็เพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปได้จนจบ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยกันครับ และข้อกำหนดที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าการแข่งขันพรีเมียร์ลีกดำเนินไปแล้วปรากฏว่ามีการระบาดจนควบคุมไม่ได้ ก็จะให้มีการ "ตัดจบ" นะครับ โดยจะเอา คะแนนหารด้วยจำนวนนั้นเป็นคะแนนสุทธิเพื่อจัดอันดับกัน

นั่นหมายความว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จะได้ครองแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกของพวกเขาในรอบ 30 ปีอย่างแน่นอน

ส่วนการลุ้นอันดับ "ท็อปโฟร์" นั้นไฮไลต์อยู่ที่ เชลซี กับ แมนฯยูไนเต็ด น้าแมวไม่เชื่อว่า วูล์ฟส์, เชฟฯยูฯ, สเปอร์ส, อาร์เซน่อล ฯลฯ จะแทรกไปติดอันดับ 1 ใน 4 ได้หรอกนะ

ส่วน 3 ทีมตกชั้นก็จะไม่หลุดไปจาก นอริช, แอสตัน วิลล่า, บอร์นมัธ, ไบรท์ตัน, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ วัตฟอร์ด นะครับ

โดย นกขมิ้น หนักกว่าเพื่อน แต่ห้ามถอดใจเด็ดขาด เลสเตอร์ เคยหนักกว่าพวกเขาอีก แต่ปรากฏว่า 9 นัดสุดท้ายชนะ 7 เสมอ 1 แพ้แค่ 1 รอดตกชั้นเฉยเลย และปีถัดไปยังเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยอัตรา 5,000-1 ได้อีกต่างหากด้วย

ส่วนดาวซัลโวนั้น เจมี่ วาร์ดี้ ยิงไปแล้ว 19 ประตู นำ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง 2 ประตู ด้วยวัย 33 ปี ถ้าเขาได้รางวัลรองเท้าทองคำจะถือว่าอายุมากที่สุดที่ได้รางวัลนี้ทำลายสถิติ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ตอนที่มีวัย 32 ปีนะครับ

เราเตรียมลุ้นทุกๆอย่างที่ว่านี้ไปด้วยกันครับ

"แมวเพชร"



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด