:::     :::

"Squad Rotation" โอกาสจากสวรรค์ที่เปิดกว้างให้ผู้อยากอยู่รอด

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
5,036
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ในสภาวะพิเศษที่ไม่เหมือนปกติ ทีมที่Rotationบริหารจัดการนักเตะได้ดีจะคว้าผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมไปแน่ๆ ในขณะที่สภาวะที่ต้องสลับเปลี่ยนหมุนเวียนทีมในครั้งนี้ ก็เป็นโอกาสพิสูจน์ตัวเองที่เปิดกว้างที่สุดของนักเตะทุกคน นับตั้งแต่เริ่มซีซั่นมาเลยทีเดียว

เชื่อว่าบนโลกนี้คงจะมีไม่กี่คนที่รู้ซึ้งถึงความสำคัญของ "การโรเตชั่นทีม" มากไปกว่าโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้ซึ่งเป็นตำนานซุปเปอร์ซับเบอร์หนึ่งของโลกอย่างแน่นอน

Squad Rotation คือสิ่งที่ทำให้โอเล่ได้รับโอกาสลงเล่นในชุดใหญ่เมื่อย้อนกลับไปในปี1996 สิ่งนี้มันทำให้เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของแผงกองหน้าของทีมในชุดสำคัญปี1998/99 อันนำมาไปสู่การคว้าทริปเปิลแชมป์ของยูไนเต็ดได้ในที่สุด

การโรเตชั่นเป็นสิ่งที่ทั้งทำให้เขารู้สึกผิดหวัง และในเวลาเดียวกันก็เป็นดั่งเชื้อไฟอย่างรุนแรงที่ทำให้เขากระหายที่จะพิสูจน์คุณค่าของตนกับอเล็กซ์ เฟอร์กูสันอีกด้วยว่า เขาต่างหากที่สมควรจะได้ลงเป็นตัวจริงขาประจำกองหน้าของทีม

และตอนนี้เรากำลังจะมีแมตช์ให้เตะอย่างมากมายในช่วงสองเดือนต่อจากนี้ ที่อาจจะนำพายูไนเต็ดไปสู่พื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกได้ รวมถึงการมีโอกาสที่อาจจะคว้าถ้วยแชมป์มาด้วย อาจจะหนึ่ง หรือสองถ้วยก็เป็นไปได้ กับเกมพรีเมียร์ลีก9เกม และบอลถ้วยสองรายการที่เรามีเส้นทางที่ดีอยู่ในมืออย่าง The FA Cup และ Europa League ซึ่งนับจากนี้ไปจะไม่มีคำว่า "ว่าง" ช่วงกลางสัปดาห์อีกต่อไป เป็นเพราะฤดูกาลที่ผิดปกติของปีนี้จนทำให้โปรแกรมกลายเป็นอย่างที่ทราบกัน

ดังนั้นการโรเตชั่นอย่างถูกที่ ถูกคน และถูกเวลา จึงเป็นหัวใจสำคัญของงานนี้อย่างแท้จริง เมื่อมองลงไปในsquadเราโดยละเอียดจะเห็นว่ามีการแข่งขันภายในสูงมากสำหรับนักเตะแต่ละคนในเกมนัดที่เหลือเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองข้ามช็อตไปฤดูกาลหน้าด้วย

เช่นนี้แล้ว สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาหลังจากที่ทีมเรานั้นจำเป็นจะต้องโรเตชั่นนักเตะให้ดีที่สุด มันหมายถึง "โอกาสในการลงสนาม" ที่จะมีมากขึ้นให้กับทุกคนในทีมอย่างแท้จริงด้วยไม่ว่าจะตัวสำรองหรือเด็กทีมU-23 ทุกคนมีโอกาสหมด

ทั้งจำนวนแมตช์ที่มากและเตะติดกันถี่ๆที่จำเป็นต้องคอยสลับทีมลงเล่น รวมถึงโควตาการเปลี่ยนตัวที่ปรับให้สามารถส่งสำรองลงสนามได้5คน จากปกติเปลี่ยนตัวได้แค่3 และรายชื่อสำรองที่เป็นตัวเลือกเพิ่มมาเป็น9คนเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้จัดการ และลดภาระที่หนักเกินไปกับนักเตะ

เมื่อลงได้เยอะ โอกาสของนักเตะตัวอื่นๆในทีมที่จะได้ลงสนามจึงเปิดกว้างโดยตรงอย่างเห็นได้ชัด

เพราะฉะนั้นไปดูกันว่า นักเตะทั้งหมดของเรา กลุ่มไหนที่ต้องแย่งชิงตำแหน่งและโอกาสจะลงสนามเป็นยังไงกันบ้าง ในนี้มีคำตอบ

กลุ่ม "ต้องรอด"

ประการแรกสุดก็คือ กลุ่มนักเตะที่ "สู้เพื่อการอยู่รอดในอนาคต" ของตัวเอง ซึ่งเป็นที่ชัดเจนมากๆว่ายูไนเต็ดมีข่าวเชื่อมโยงกับเหล่า "มิดฟิลด์ตัวรุก" มากมายหลายเบอร์สุดๆที่จะเข้ามาชิงตำแหน่งตัวจริงในทีมของโซลชา ที่อาจจะซื้อเข้ามาในซัมเมอร์นี้ ซึ่งนั่นแปลว่า อาจจะไม่มีที่ยืนเหลือให้กับอันเดรส เปเรร่า กับ เจสซี่ ลินการ์ด อีกต่อไป.. และหากไม่เป็นเช่นนั้น หมายความว่าพวกเขาเหล่านี้ก็จะต้องสู้สุดชีวิต โชว์ฝีเท้าเพื่อความอยู่รอดในทีมให้ได้เมื่อโอกาสมาถึง

: เจสซี่ ลินการ์ดนั้นดูเหมือนจะรู้ชะตากรรมของตัวเองพอสมควร จากการที่ถูกลดบทบาทอย่างชัดเจนตั้งแต่บรูโน่เข้ามา ส่วนอันเดรส เปเรร่าก็เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าเปเรร่ายังคงอยากที่จะสู้เพื่อตำแหน่งของตัวเองต่อไป ซึ่งนี่คงเป็นโอกาสสุดท้ายจริงๆของสองคนนี้แล้ว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมเซ็นเอามิดฟิลด์ตัวรุกคนใหม่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นแจ็ค กรีลิช, ดอนนี่ ฟานเดอบีค หรือใครก็ตาม นั่นหมายความว่าโอกาสของเขาจะน้อยลงจนแทบจะหมดบทบาทไปเลย

กลุ่ม "เกาะกระหายเลือด"

นอกจากนี้ก็ยังมีกรุ๊ปที่พยายามที่จะ "ยึดตำแหน่งตัวจริงในแผนของโซลชาอย่างถาวรให้ได้" กล่าวคือเป็นพวกที่เป็นตัวจริงแหละ แต่ยังไม่ถูกมองว่าเป็นเบอร์1ถาวรในตำแหน่งนั้นๆ โดยที่ตัวสำคัญๆอย่าง Harry Maguire คือ "ตัวยืนหลัก" อย่างแน่นอนอยู่แล้ว สิ่งทีต้องหาก็คือพวกนักเตะที่จะมาลงเคียงข้างตัวยืนเหล่านี้นั่นแหละ ดังเช่นที่ทราบกันว่า นักเตะอย่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เอริค ไบญี่ ก็ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ ทั้งลูกกลางอากาศและความแข็งแกร่งที่ไม่เพียงพอของลินเดอเลิฟ หรือปัญหาอาการบาดเจ็บบ่อยๆ และสมาธิหลุดของเอริค ไบญี่เป็นต้น จะมีใครในนี้ที่ทำให้บอสประทับใจมากพอที่จะจับลงเป็นตัวหลักถาวรหรือเปล่า ไม่มีใครรู้

ส่วนฟิล โจนส์นั้นก็ .. อืม ก็เจ็บไง!

: ดังนั้นในซีซั่นที่เหลืออยู่ช่วงสองเดือนข้างหน้านี้ เชื่อว่าแฟนผีน่าจะเห็น "ตัวจริงฤดูกาลหน้าคนที่จะยืนจับคู่กับแมกไกวร์" ปรากฏตัวขึ้นแน่ๆ เพราะนี่คือโอกาสในการฟัดกันแบบตัวต่อตัวของ ไบญี่ กับ ลินเดอเลิฟ แบบเต็มๆ เพราะยังไงสองคนนี้ได้ลงแน่นอน ดีไม่ดีได้ลงพร้อมกันด้วย แม้สไตล์จะต่างกัน แต่มันจะได้เห็นฟอร์มกันชัดๆรอบนี้แหละ

สาเหตุที่พูดว่าตัวจริงฤดูกาลหน้า นั่นเป็นเพราะว่ายูไนเต็ดเห็นว่า กองหลังทีมเราแน่นมากพอสมควรแล้ว ขนาดลุคชอว์ยังหุบมาเล่นตรงกลางในสูตรหลังสามได้เลย แถมยังมีแบ็คอัพชั้นยอดอย่างตวนเซเบ้ หรืออาจจะรวมTFMอีก ดังนั้นปีหน้าไม่มีทางทุ่มซื้อกองหลังดีๆเข้ามาแน่ แม้จะมีข่าวกับUpamecanoมาบ้างก็ตามที

กลุ่ม "DeDe(an) ล่าข้ามศตวรรษ"

ในเวลาเดียวกัน อีกฟากหนึ่งของโลกที่ดูเหมือนจะสงบสุข แต่ดาวิด เดเคอาเองก็ไม่ได้สบายๆสายชิลได้ขนาดนั้น เมื่อความกดดันของเขามันมาจาก "นักเตะที่อยู่นอกโอลด์แทรฟฟอร์ดตอนนี้" อย่างดีน เฮนเดอร์สัน ที่โชว์โคตรท็อปฟอร์มตอนยืมตัวอยู่กับเชฟฟิลด์ยูไนเต็ด และทำให้หลายๆคนถกประเด็นกันว่า เขาพร้อมแล้วใช่หรือไม่ในการคัมแบ็คกลับมาโอลด์แทรฟฟอร์ดเพื่อท้าชิงตำแหน่งผู้รักษาประตูตัวจริงจากนายด่านสแปนิชเคราเฟิ้มรายนี้ ผู้ซึ่งช่วงหลังก็ก่อข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่เหมือนกันจึงเป็นเชื้อไฟเล็กๆให้กับข้อสงสัยนี้

: เคสของเดเคอากับดีนนี่พูดยากจริงๆ ต้องดูว่าอนาคตของเด ปีหน้าจะเอาไง จะอยู่ต่อไหม ใครจะมีซื้อ ซึ่งสภาพเศรษฐกิจแบบนี้เชื่อว่า เดเคอาน่าจะอยู่กับเราต่อชัวร์ๆแน่ปีหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นหนทางของดีน เฮนเดอร์สัน มีทางเลือกเดียวที่ดีที่สุดก็คือการได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง อาจจะต้องยอมปล่อยยืมตัวให้เชฟยูไปอีกปีนึงเพื่อเก็บเลเวลไปเรื่อยๆ

เชื่อว่ายูไนเต็ดไม่น่าจะนำดีนกลับมาเพียงเพื่อเป็นตัวสำรองให้เดเคอา หรือได้ลงแค่ในเกมบอลถ้วยอย่างแน่นอน ดีไม่ดีจริงๆแล้ว ดีนอาจจะดีกว่าเดเคอาในการลงเล่นเกมลีกด้วยซ้ำเพราะความสามารถด้านลูกกลางอากาศที่รับมือได้ดีในพรีเมียร์ลีก

กลุ่ม "คนเก่งฟ้าประทาน"

มีการพูดคุยกันอย่างหนาหูถึงเรื่องของปอล ป็อกบา กับ บรูโน่ แฟร์นันด์สที่จะมาลงสนามเข้าคู่กันเป็นครั้งแรก ซึ่งเอาจริงๆเราก็ไม่รู้กันด้วยซ้ำว่า ในใจลึกๆแล้วนั้นป็อกบาคิดยังไงกับเรื่องนี้ เขาจะตื่นเต้นที่จะเล่นร่วมกับมิดฟิลด์สายสร้างสรรค์เกมบุกแบบเดียวกับเขาอีกคนหรือไม่ หรือว่าเขาอยากพยายามที่จะโชว์ให้เห็นว่าเขาเป็น"กลางรุกที่เจ๋งกว่า"รึเปล่า

หรือจะใช้เกมที่เหลือเหล่านี้เพื่ออัพราคาตัวเอง และสร้างความสนใจให้แก่ทีมยักษ์ใหญ่อื่นๆในยุโรปช่วงตลาดซื้อขายหน้านี้

ไม่มีใครรู้

: อันนี้ต้องบอกว่า เรื่องราวของอนาคตเป็นสิ่งที่มันไม่มีอะไรแน่นอน และยังไม่จำเป็นที่จะต้องไปคิดไกลขนาดนั้น เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ยังไงตอนนี้ป็อกบาก็ยังอยู่กับเรา และเขาก็ดูกระหายที่จะกลับมาลงเล่นด้วยความสุขมากๆ ค่อนข้างเชื่อว่าป็อกบาจะเล่นอย่างเต็มที่ในซีซั่นที่เหลือนี้แน่นอน เซนส์ที่สูงของทั้งคู่น่าจะเล่นร่วมกันได้อย่างดี และคงจะเป็นกำไรแฟนบอลแน่ๆ

ต่อให้ในอนาคตเขาย้าย แต่ถ้าปีนี้นัดที่เหลืออยู่ลงมาเล่นเต็มที่ พาทีมคว้าแชมป์ หรือโควตาUCLได้ ถ้าจะย้ายทุกคนก็เข้าใจนะ

..ยิ่งพูดก็ยิ่งอยากดูคู่นี้!!!

กลุ่ม "จอมประจัญบาน"

อีกด้านหนึ่งของโอกาสในการลงเล่นร่วมกันตรงกลางสนามในฐานะ "มิดฟิลด์ตัวที่3" ถัดจากบรูโน่ ป็อกบา ก็ยังมีการแข่งขันกันสูงเช่นกันระหว่าง เฟร็ด แม็คโทมิเนย์ และ มาติช ที่เล็งโอกาสตรงนี้อยู่ ซึ่งทั้งสามคนนี้คือตัวที่เล่นได้อย่างน่าประทับใจมากๆในซีซั่นที่ผ่านมา จะเสียไปใครก็น่าเสียดายทั้งนั้น

ซึ่งในขณะนี้ทางพรีเมียร์ลีกอนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัวสำรองได้ถึง5คนแล้ว จากเดิม3คนต่อเกม จากรายชื่อตัวสำรองบนม้านั่งที่ใส่มาเป็นตัวเลือกได้ทั้งหมด9คน จากเดิม7 สิ่งนี้แหละที่จะทำให้เรามีโอกาสจะได้เห็นนักเตะอายุน้อยๆของทีมที่ต่างก็ต้องการโอกาสนี้เหมือนกันกัน

: ในส่วนของคู่กลางสนามนั้น ที่ผ่านมามันคือการจับคู่กันอย่างยอดเยี่ยมของสามคนนี้ทั้งนั้นเลย นั่นก็คือ เฟร็ด มาติช แม็คโทมิเนย์ สลับๆกันโดยที่มีเฟร็ดนี่แหละที่เป็นตัวแบกสุดๆของปีนี้ในแดนกลางอย่างแท้จริงระดับที่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรยังได้ ดังนั้นโอกาสสูงที่ "กษัตริย์องค์ที่3ของพื้นที่กลางสนามแมนยู" ถัดจากป็อก บรูโน่ ก็น่าจะเป็นเฟร็ดนี่ละตัวหลักๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงอย่างทีบอกไป โรเตชั่นและจำนวนนัดที่เหลือ ใครที่เป็นกองเชียร์ มาติช แม็คโท รับรอง ยังไงก็ได้ลงแน่ๆ

ให้เฟร็ดมันพักบ้างเถอะ

กลุ่ม "เจ้าหนูปรมาณู"

ยูไนเต็ดมีท่าทีว่าต้องการจะเก็บอังเคล โกเมสที่สัญญากำลังจะหมดปลายเดือนนี้เอาไว้ แต่ว่านักเตะอยากอยู่ต่อหรือไม่อันนี้ไม่รู้ แต่ตัวโกเมสเองก็ยังมีหน้าที่และบทบาทในทีมอยู่อย่างชัดเจนในการปรากฏตัวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่แฟนบอลหลายคนที่เคยคิดๆกันมาก่อนอย่างที่เคยเขียนไปว่า โกเมสนั้นไม่เคยได้รับโอกาสลงสนามอย่างแท้จริงเลย ได้โอกาสลงน้อยกว่าการ์เนอร์ด้วยซ้ำ คราวนี้จึงเป็นเวลาดีที่สุดแล้วที่เขาจะได้ปล่อยของเพื่อย้ำให้ทุกคนระลึกได้ว่า ทำไมเขาถึงได้ชื่อว่าเป็นดาวรุ่งมีแววมานานหลายปี

ส่วนเคสอื่นๆอย่าง แอกเซล ตวนเซเบ้, ดิโอโก้ ดาโลต์, ตาฮิธ ชอง นักเตะเหล่านี้หากมีเวลาได้ลงสนาม มันจะเป็นตัวที่พิสูจน์อย่างแท้จริงว่าเขาจะยังมีตัวตนอยู่ในทีมชุดนี้ต่อไปในรูปแบบไหนอีกหรือไม่

ตำแหน่งฟูลแบ็ค มีการแย่งชิงพื้นที่นี้กันโดยตรงระหว่าง ลุค ชอว์ กับ แบรนดอน วิลเลียมส์ทางด้านกราบซ้าย ส่วนแบ็คขวานั้น อารอน วานบิสซาก้านั้นได้ยึดพื้นที่นั้นไปแล้วอย่างที่รู้ๆกัน

: ที่สำคัญเราอย่าลืมรายของ โฟซูเมนซาห์ ที่กลับมาอยู่ในทีมแบบเต็มตัวและหายสนิทดี พร้อมลงสนามแล้ว ส่วน ตาฮิธ ชองเองนั้นก็ได้ลงเป็นตัวสำรองในตัวรุกริมเส้นอยู่เป็นประจำมากๆ สองคนนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนที่ดีไม่แพ้กับดาโลต์ที่จ้องพื้นที่ฝั่งขวาอยู่ตาเป็นมัน และน่าจะช่วยสลับกับนักเตะคนอื่นๆลงทดแทนได้อย่างดีเพื่อไม่ให้เพื่อนล้าเกินไปด้วย แม้กระทั่งการ์เนอร์ก็สามารถลงมาคุมบอลไล่บอลช่วงท้ายเกมได้แน่ๆ เด็กเยาวชนเรามันเจ๋งตรงนี้

ให้เด็กพวกนี้มันแบ่งๆกันเหนื่อย ยังวัยรุ่นอยู่ เตะทุกวันก็ไหว!(ฮา)

กลุ่ม "ฮันเตอร์ x ฮันเตอร์"

สถานการณ์ในแดนหน้าดูเหมือนจะค่อนข้างชัดเจนว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาลนั้นคือสองเพชรฆาตที่ดีที่สุดในซีซั่นนี้ของสโมสร ในขณะที่ "เรียกข้าว่าอีกา" โอดิอ้อน อิกาโล่ ก็ได้ลงเล่นให้กับทีมในฝันของเขา, แดนเจมส์ที่กำลังเรียกฟอร์มของตัวเองมาให้ได้, มาต้าที่พยายามจะทำให้ทุกคนยังไม่ลืมว่าความสามารถที่เขามีนั้นอยู่ในระดับไหน และสุดท้ายกับเมสัน กรีนวู้ด กับการเดินหน้าโชว์ผลงานที่โดดเด่นมากๆในซีซั่นสร้างชื่อขึ้นมาของเขาในปีนี้

: สูตรที่โอเล่จะใช้ ถ้าตามปกติก็คงจะเป็นฟร้อนท์ทรีในสูตร4-2-3-1 ที่จะเป็นหน้าสาม ดังนั้น แรช หมาก เจมส์ เซ็ตสามแนวรุกแรกของซีซั่น หรือ มาคัด มาเที่ยว มาสั้น (Marcus Martial Mason) เซ็ตกองหน้าเซอร์บีรัส สามมา-หมาสามหัว พร้อมที่จะกัดทุกอย่างให้กระจุยไม่ว่าจะเป็นโซฟาหรือรองเท้าแตะ(ฮา) สองเซ็ตนี้ก็จัดลงได้สบายๆ 

หรือหากเป็นแผนหลังสาม สูตรหน้าคู่ก็อาจจะมาแน่ๆโดยที่หมากเป็นตัวยืนคู่แรช และอาจมีเจมส์ กับ อิกาโล่ คอยสอดแทรกในสูตรสวนกลับนี้ได้สบายๆ

แดนหน้าเป็นเซ็ตที่ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่แล้วหลังจากได้แรชกับอิกาโล่กลับมาอย่างเต็มตัว

กลุ่ม "คดีฆาตกรรมปริศนา"

สำหรับนักเตะที่ถูกฆาตกรรมโดยไซยาไนด์ในห้องปิดตายไปแล้วอย่าง"เซียนโป๊กเกอร์" มาร์กอส โรโฮ ผู้มีที่ว่างในบ่อนแต่ไม่มีที่ว่างในทีมให้ เช่นเดียวกันกับคริส สมอลลิ่งที่หา"เบสเพลส"ของตัวเองเจอ และท้ายสุด "เจ้าแห่งตุ๊กตานรก" อย่างอเล็กซิส ซานเชส ดูทรงแล้วไม่น่าจะได้กลับมา ถึงกลับมาก็คงไม่มีที่ว่างให้เขาอีกต่อไปแล้ว เพราะนี่คือทีมใหม่ที่ถูกสร้างรากฐานมาแล้วเรียบร้อย และมันไม่มีอเล็กซิสอยู่ในนั้น น่าจะถูกฆาตกรรมอำพรางโดยสมบูรณ์ไปแล้วเซ็ตนี้

ส่วนฟิล โจนส์ ไม่มีใครไปฆาตกรรมมัน มันก็ฆาตกรรมตัวเองได้!

และนี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า กับโปรแกรมรีสตาร์ทของฟุตบอลอังกฤษ ในเกมลีกที่เหลืออยู่9เกมใน "สงครามเก้านัด" / เกมเอฟเอคัพที่ยูไนเต็ดยังคงมีลุ้นจะคว้าแชมป์อยู่ และ ยูโรป้าลีกที่ระงับแบบไม่มีกำหนด แต่ก็ไม่ได้ประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการแต่ประการใด ก็ยังอาจจะได้ลงเตะต่ออีกเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า เรามีแมตช์ให้ลงเตะมากมาย ในระยะเวลาอันสั้นมากๆที่ผู้จัดการแข่งขันคงจะต้องรีบบีบโปรแกรมให้มันทันตารางของฤดูกาลหน้าให้สำเร็จ เพื่อรักษาเรื่องของผลประโยชน์และเม็ดเงินมหาศาล ดังนั้นศึกครั้งนี้ของแมนยู จะไม่เหมือนการแข่งขันที่ผ่านมา เพราะนี่คือ "ศึกแห่งความอดทน" ล้วนๆ

หากเปรียบเป็นการวิ่ง นี่คือการวิ่งที่ต้องใช้ความอดทนระยะยาว มากกว่าที่จะรีบเร่งเครื่องสปรินท์แล้วเฉือนกันได้ในระยะสั้นๆแค่100หรือ200เมตร

ทีมที่จะประสบความสำเร็จในปีนี้ได้นั้น ปัจจัยสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ "การบริหารจัดการทรัพยากรในทีม" ให้เอาตัวรอดในโปรแกรมรวบรัดหฤโหดนี้ให้ผ่านพ้นไปรอดฝั่ง ซึ่งเมื่อconditionมันแตกต่างจากการแข่งขันตามปกติที่เคยเป็นๆมา สิ่งที่จะเป็นตัวตัดสินสำคัญที่สุดมันคือการบริหารจัดการทีมเลยล้วนๆ


โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อาจจะไม่ได้เป็นผู้จัดการที่"เก่งทางด้านแทคติกและการแก้เกม" อย่างที่เราก็ทราบๆกันอยู่บ้างแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมองเห็นในตัวน้าแกมาตลอดก็คือ Man Management (ความสามารถในการบริหารคนให้ทำงาน) และ Squad Management (การจัดการสิ่งต่างๆภายในทีม) โอเล่ทำได้ดีมากๆและมีจุดแข็งตรงนี้นะ คือทำให้ลูกน้องสบายใจและตั้งใจทำงานได้ เรียกขวัญกำลังใจได้ และคุมบรรยากาศห้องแต่งตัวดี

โซลชาได้เรียนรู้จากเซอร์อเล็กซ์มาแล้ว และรู้อย่างแน่นอนว่า โรเตชั่นนั้นมันเป็นเรื่องของการวาง"สมดุลทีม"ให้ดีๆนั่นเอง หากเขาดูดวิชามาจากอดีตบอสเก่ามาแล้วเรียบร้อยนั้น โซลชาคงจะคิดเอาไว้แล้วอย่างแน่นอนว่า ไลน์อัพที่จะลงสนามในเกมต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่วันนี้ จะเป็นใคร กลุ่มไหนลงด้วยกัน และเล่นยังไงบ้าง เขาคงจะมีภาพในใจที่วางแผนเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน

ยกตัวอย่างง่ายๆดังเช่นเรื่องที่มีข่าวออกมาว่า ป็อกบาอาจจะไม่ได้ลงตัวจริงเลยในเกมกับสเปอร์นั้น ก็อยู่ในประเด็นนี้เช่นกันอย่างที่กล่าวไป มันไม่ใช่ศึกระยะสั้นที่จะตัดสินกันด้วยการรีบยัดFull Teamลงไปอัดกับสเปอร์แบบเต็มกำลังทีเดียว แต่แลกมาด้วยตัวสำคัญเจ็บ และส่งผลกระทบกับแมตช์ที่เหลือ แต่กลับกัน หากเก็บป็อกบาเอาไว้ลงในนัดต่อๆไป กระจายกำลังตัวเก่งๆให้ไปพยุงทีมที่มีสำรองสลับลงมาเล่น แบบนี้อาจจะเหมาะกับเกมที่เตะต่อเนื่องติดๆกันกว่าก็เป็นได้

ไม่ต้องกังวลว่าป็อกบากับบรูโน่จะไม่ได้เล่นด้วยกัน เดี๋ยวนัดหลังๆมันก็ได้สตาร์ทพร้อมกันอยู่แล้วแน่ๆไม่ต้องห่วง เกมมีให้เล่นอีกเยอะ

ผู้ชนะที่แท้จริงในศึกนี้ ไม่ใช่ทีมที่ส่งนักเตะตัวเก่งลงมาแล้วถล่มคู่ต่อสู้10-0 แต่นักเตะล้าและบาดเจ็บกลับไป ตรงกันข้าม ทีมที่ดูแลประคบประหงมนักเตะอย่างดีให้พร้อมสำหรับการลงต่อเนื่องกันแล้วผลงานไม่ดรอปได้จนถึงนัดสุดท้ายต่างหาก คือ"ผู้ชนะที่แท้จริง"

ถ้าดังที่ผมพูดไปทั้งหมด ในเมื่อศึกที่เหลืออยู่ มันคือ "สงครามที่สู้กันด้วยบริหารจัดการทีม" แล้วละก็ บอกเลยว่า เข้าทางโอเล่เลย ที่เป็น"managerสายแข็งด้านบริหารจัดการทีม" แบบเต็มๆ

Rotation War ที่กำลังจะเกิดขึ้น นอกจากจะเป็นโอกาสให้นักเตะได้แสดงฝีมือกันพร้อมหน้าทุกคนในทีมแล้ว ยังเป็นเวทีแสดงกึ๋นให้โลกรู้ของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาอีกด้วย..

-ศาลาผี-

Reference

https://utdreport.co.uk/2020/06/15/squad-rotation-will-give-everyone-a-chance-to-impress-ole-gunnar-solskjaer/

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด