:::     :::

ทำตามหัวใจ...

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2563 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
1,123
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ดรีส์ เมอร์เท่นส์ แนวรุกของ นาโปลี พบห้วงเวลาแห่งความสุขตลอดสัปดาห์นี้นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นแข้งระดับตำนานของสโมสรต่อด้วยการเซ็นสัญญาฉบับใหม่ก่อนตบท้ายด้วยการคว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย

'ทีมนี้, โค้ช, สตาฟฟ์ และ เมือง...'

นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ แนวรุกชาวเบลเจี้ยนวัย 33 ปี ตัดสินใจขยายสัญญากับ นาโปลี อีก 2 ปี พ่วงอ็อปชั่นเพิ่มเติมอีก 1 ปี ก่อนการลงเล่นนัดชิงชนะเลิศของศึก โคปปา อิตาเลีย กับ ยูเวนตุส เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ก่อนฉลองด้วยทำข้อตกลงใหม่ด้วยการคว้าแชมป์รายการดังกล่าวจากการดวลเป้าชนะทีมม้าลาย 4-2

การทำข้อตกลงดังกล่าวทำให้ เมอร์เท่นส์ รับค่าจ้างจาก นาโปลี ซีซั่นละ 4 ล้านยูโรพ่วงโบนัสเพิ่มเติม 500,000 ยูโร บวกกับโบนัสการเซ็นสัญญาอีก 2.5 ล้านยูโร 

นอกจากนี้ยังมีการผลักดันแผนเพื่อทำให้ เมอร์เท่นส์ กลายเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของเมืองเนเปิ้ลส์ด้วย 


'นาโปลี ยินดีที่จะประกาศว่าได้ทำข้อตกลงกับ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ ในสัญญาฉบับใหม่กับสโมสร เมอร์เท่นส์ เซ็นสัญญา 2 ปีกับเงื่อนไขขยายเพิ่มเติมในปีที่ 3' แถลงการณ์ของทีมดังเมืองเนเปิ้ลส์ระบุ 

ขณะที่ เอาเรลีโอ เด เลาเรนตีส ประธานสโมสรนาโปลีทวีตแสดงความยินดีกับแนวรุกชาวเบลเจี้ยนทันทีว่า 'ยินดีที่ได้อยู่ด้วยการเป็นเวลานาน อยู่ยีนยง ดรีส์!' 

ส่วน เมอร์เท่นส์ ทวีตหลังการทำข้อตกลงใหม่อย่างเป็นทางการว่า 'คนที่รักเนเปิ้ลส์รู้ว่าความรักนี้เป็นนิรันดร์ ผมจะมอบทุกอย่างตราบจนถึงวันสุดท้ายที่จะอยู่ในประวัติศาสตร์ของสโมสรนี้และเมืองนี้' 


นั่นหมายความว่า เมอร์เท่นส์ จะค้าแข้งกับ นาโปลี ไปจนถึงปี 2022 หรืออายุ 35 ปี และอาจอยู่จนถึงอายุ 36 หากมีการใช้เงื่อนไขเพิ่มเติมอีกหนึ่งปี

เมอร์เท่นส์ ย้ายจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ซบ นาโปลี ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2013 ด้วยค่าตัวเพียง 9.5 ล้านยูโร ก่อนแนวรุกชาวเบลเจี้ยนจะใช้เวลาราว 6 ฤดูกาลครึ่งก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ของสโมสร 

แนวรุกชาวเบลเจี้ยนกดประตูที่ 122 บนเวที โคปปา อิตาเลีย รอบรองชนะเลิศนัดสอง เกมเสมอ อินเตอร์ มิลาน 1-1 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา นั่นคือประตูสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสโมสร 


เมอร์เท่นส์ เคยทำสถิติเทียบเท่า มาเร็ค ฮัมชิค มิดฟิลด์ทีมชาติสโลวาเกียฐานะดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรจากผลงาน 121 ประตู ก่อนฤดูกาลจะหยุดชะงักเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส'โควิด-19' แต่แนวรุกชาวเบลเจี้ยนสามารถสร้างสถิติใหม่ทันทีที่กลับมารีสตาร์ทเกมแรก ทำยอดรวม 122 ประตูและทำ 73 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกรายการ 311 เกม นับรวมถึงแมตช์ชิงชนะเลิศของ โคปปา อิตาเลีย กับ ยูเวนตุส เกมล่าสุด

ซีซั่นแรกที่ค้าแข้งกับทีมดังเมืองเนเปิ้ลส์ เมอร์เท่นส์ มีบทบาทเป็นตัวรุกริมเส้น เนื่องจากมี กอนซาโล่ อีกวาอิน หัวหอกชาวอาร์เจนไตน์ปักหลักหน้าเป้าตอนนั้น แต่แนวรุกชาวเบลเจี้ยนยังทำผลงานเด่นยิง 13 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 47 เกม 

ช่วง 2 ฤดูกาลถัดจากนั้น เมอร์เท่นส์ ยังทำผลงานคงเส้นคงวาตามปกติ เขายิง 10 กับ 11 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ จนกระทั่ง กอนซาโล่ อีกวาอิน ย้ายไปค้าแข้งกับ ยูเวนตุส ในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 ด้วยค่าตัว 90 ล้านยูโร 


นาโปลี เจียดเงินส่วนหนึ่งซื้อ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค หัวหอกชาวโปลมาจาก อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม ด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโรในช่วงซัมเมอร์นั้น แต่โชคร้ายที่ มิลิค เข่าพังในช่วงเดือนตุลาคมจนต้องปิดเทอมยาว กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของนักเตะชื่อ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ 

เมาริซิโอ ซาร์รี่ เทรนเนอร์ของ นาโปลี ในขณะนั้นปรับให้ เมอร์เท่นส์ มาเล่นตำแหน่งหน้าเป้า แนวรุกของทีมดังเมืองเนเปิ้ลส์กลายเป็นสามประสานไซส์เล็กที่มีพิษสงรอบตัวทั้ง เมอร์เท่นส์, ลอเรนโซ่ อินซินเย่ และ โฆเซ่ กาเยฆอน โดยเฉพาะกองหน้าชาวเบลเจี้ยนทำผลกระฉูดเกินคาด


เมอร์เท่นส์ ยิง 34 ประตูจากการลงเล่นทุกรายการ 46 เกมในซีซั่น 2016-2017 เทียบเท่าผลงานการยิงประตูรวมกันตลอด 3 ปีแรกในถิ่น'ซาน เปาโล' แม้ผลงานของเขาจะดาวน์ลงไปตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากการยิง 22 กับ 19 ประตูตามลำดับ รวมถึงการกระทุ้งอีก 13 ประตูในซีซั่นนี้ แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับการก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะระดับประวัติศาสตร์ของสโมสร 

จากสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมของ เมอร์เท่นส์ กลายเป็นเป้าสนใจของหลายสโมสรแม้ว่าจะมีอายุ 33 ปีแล้วก็ตาม แต่สัญญาของเขากำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิถุนายนนี้จึงมีหลายทีมตามจีบเพื่อหวังดึงแนวรุกชาวเบลเจี้ยนไปเข้าสังกัดตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา 


คริสโตฟ แตร์กริเออร์ ผู้สื่อข่าวชาวเบลเจี้ยนเปิดเผยว่า 'ในเดือนมกราคมตอน เชลซี เคาะประตูเรียก เขาถูกหว่านล้อมสารพัด'

'แต่เมื่อคุณอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี ด้วยเงินที่ดีและคุณเป็นพระเจ้า ทำไมคุณจะต้องเปลี่ยนมันล่ะ?'

'เขาจะมาที่เวทีพรีเมียร์ลีกแบบไร้ตัวตน แต่ในอิตาลี เขาเป็นสตาร์คนหนึ่ง'

จากนั้นกระแสข่าวเชื่อมโยงกับ อินเตอร์ มิลาน ร้อนแรงไม่แพ้กันถึงขั้นสื่ออิตาเลียนบางสำนักอ้างว่า เมอร์เท่นส์ บรรลุข้อตกลงล่วงหน้าเตรียมย้ายไปค้าแข้งกับทีมเนรัซซูร์รี่แบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์นี้ ท้ายที่สุดมันก็ไม่เกิดขึ้น ก่อนแนวรุกชาวเบลเจี้ยนจะจรดปากกาเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ นาโปลี


'เรามอบทุกอย่างของเราเพราะพวกเขาต้องการบรรลุสิ่งพิเศษอย่างแท้จริง' เมอร์เท่นส์ กล่าวหลังเกมดวลเป้าชนะทีมม้าลายเมื่อวันพุธกับ ไร สปอร์ต สื่อเมืองมะกะโรนี

'เราทุกคนหนุนหลังอยู่ในเมืองเนเปิ้ลส์ระหว่างการล็อกดาวน์, สตาฟฟ์ทำงานอย่างยอดเยี่ยมและเราพร้อมจะลุยต่อ เมื่อคุณเล่นใน เนเปิ้ลส์ มันพิเศษจริงๆและแฟนบอลก็ยอดเยี่ยม แต่เราชนะในฐานะทีมค่ำคืนนี้และเป็นชัยชนะในช่วงเริ่มต้นระหว่างการกักตัว'

ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เมอร์เท่นส์ เตรียมย้ายออกจากถิ่น'ซาน เปาโล'ยุติการค้าแข้งในเมืองเนเปิ้ลส์ลงเพียง 7 ปี แต่เขาบอกปัดข้อเสนอจาก เชลซี และ อินเตอร์ มิลาน เพื่อทำตามเสียงหัวใจเรียกร้องจนกระทั่งการทำข้อตกลงใหม่กับสโมสรลุล่วงด้วยดี


'ผมคิดมานานและหนักมาก แต่ทีมนี้, โค้ช, สตาฟฟ์ของเขา อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่ กัตตูโซ่ ทั้งหมดเป็นความประทับใจสำหรับคนที่เล่นที่นี่ รวมถึงเมืองนี้ด้วยเช่นกัน'

'สำหรับผม การล็อกดาวน์เป็นเหมือนช่วงวันหยุดของผม ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่ในเมืองเนเปิ้ลส์ นั่นคือตอนที่ผมตัดสินใจเซ็นสัญญา'

นาโปลี มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างฤดูกาลนี้หลัง ออเรลีโอ เด เลาเรนตีส ประธานสโมสรตัดสินใจปลด คาร์โล อันเชล็อตติ ออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ก่อนดึง เจนนาโร่ กัตตูโซ่ อดีตเทรนเนอร์ เอซี มิลาน เข้ามารับงานต่อจาก 'อันเช่' ซึ่งมักจะเลือกใช้ระบบ 4-4-2 แต่แนวรุกชาวเบลเจี้ยนมองว่าระบบ 4-3-3 ตามแท็คติกของ กัตตูโซ่ เหมาะกับสไตล์การเล่นของทีมดังเมืองเนเปิ้ลส์มากกว่า 

'ผมคิดว่าการผ่านบอลจากแดนหลังและแท็คติกระบบ 4-3-3 นั้นเหมาะสมกับฟุตบอลของเรามากกว่า กับ อันเชล็อตติ, เราทำได้ดีบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ผมคิดว่าวิธีที่เราคว้าชัยชนะในวันนี้และเฉลิมฉลอง คุณสามารถบอกได้ถึงความปรารถนาในการคว้าชัยชนะที่เรามี' 


นาโปลี คว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย สมัยที่ 6 ของสโมสรจากการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 10 ครั้งและเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกนับตั้งแต่การเอาชนะ ฟิออเรนติน่า เมื่อปี 2014 การตัดสินแชมป์รายการนี้ด้วยการยิงจุดโทษยังเกิดขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ ลาซิโอ ดวลเป้าชนะ ซามพ์โดเรีย เมื่อปี 2009 ด้วย

มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ ภายในห่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ นับตั้งแต่การก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะประวัติศาสตร์ของสโมสร, เซ็นสัญญาฉบับใหม่รับทรัพย์ก้อนโต, คว้าแชมป์กับสโมสรอีกหนึ่งรายการและกำลังจะกลายเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของเนเปิ้ลส์ในอนาคต 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})