ปัญหาของทาคิ
ทาคุมิ มินามิโนะนั้นเริ่มต้นด้วยความน่าประทับใจ จากเกมการปะทะกันเองของลิเวอร์พูลกับต้นสังกัดเก่าของเขา อย่างซัลซ์บวร์กโดยทืี่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างเด็ดดวงนั่นก็ทำให้เขาเป็นที่จับตามองในระดับหนึ่งแล้ว ยิ่งไปสืบสาวราวเรื่องว่าเจ้าตัวมีค่าฉีกสัญญาแค่ 7.5 ล้านปอนด์แบบนั้น คล็อปป์เองก็ไม่รอช้ารีบหอบเงินไปแลกตัวทาคุมิ มินามิโนะมาด้วยอาการลิงโลดของทั้งตัวกุนซือและกองเชียร์เดอะ ค๊อปที่ปลื่มปริ่มไม่แพ้กันที่พวกเขาได้คว้า “ของดีราคาถูก” มาเป็นสมบัติของตัวเองได้สำเร็จ แต่กระนั้น ในโลกของการแข่งขันระดับสูงแบบนี้อะไรๆ มันก็ไม่หอมหวานเหมือนที่คิดไว้หรอกครับ
ทาคุมิ มินามิโนะนั้น ในการเล่นของเขาในแต่ละสโมสรหรือทีมที่เขาอยู่ เขาแทบจะเป็นตัวหลักหรือเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของการบุกของทีมนั้นๆ เลยก็ว่าได้ รูปแบบการเล่นของเขานั้นเรียกได้ว่าเขาต้องการลูกฟุตบอลมาอยู่กับเท้าให้ได้มากที่สุด เราจึงจะเห็นได้ว่าเขานั้นพยายามเรียกบอลอยู่ตลอดเวลา และขยันหาช่องวิ่งอยู่ตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นการตีรถเปล่าเอาซะส่วนมาก เพราะถ้าว่ากันตรงๆ ที่ลิเวอร์พูลนี้การเล่นของพวกเขายกระดับไปเหนือกว่าที่ทาคุมิ มินามิโนะเคยพบเจอมาอยู่หลายขั้นเลยทีเดียว ประกอบกับว่าคู่แข่งที่เขาต้องแย่งตำแหน่งด้วย แต่ละคนก็เป็นนักเตะดีกรีทีมชาติระดับต้นๆ ของโลกแทบจะทั้งนั้นนั่นจึงทำให้โอกาสที่ผ่านมาของทาคุมิ มินามิโนะนั้น มีน้อยจนหลายๆ คนเริ่มๆ บ่นแล้วว่า “ถ้าซื้อมาแล้วไม่ใช้ จะซื้อมาทำไม”
โอกาส ในวิกฤติ
ในสถานการณ์ที่เกมฟุตบอลต้องหยุดชะงักไปดื้อๆ แบบนี้ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย ทั้งเรื่องสถาการณ์การเงินของสโมสร หรือกระทั่งสถานการณ์การแข่งขันของหลายๆ ทีมที่ยังมีลุ้นอะไรหลายๆ อย่างก็ส่งผลเสียไปทั้งหมด แต่กระนั้นทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอครับ ในมุมของผู้เล่นอย่างทาคุมิ มินามิโนะนั้นสถานการณ์นี้กลับส่งผลดีกับตัวของเขาไปซะอย่างนั้น มันเหมือนกับว่าเขาได้เข้าไปในห้องมิติกาลเวลาในดราก้อนบอลยังไงยังงั้นเลย คือ เขามีเวลาในฤดูกาลนี้เพิ่มมากขึ้น มีเวลาปรับตัวกับทีม มีเวลาทำความรู้จักเพื่อนร่วมทีม มีเวลาซึมซับกับแท็กติกของเจอร์เก้น คล๊อปป์เพิ่มมากขึ้น และนั่นมันส่งผลดีต่อผู้มาใหม่อย่างเขามากมายอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะแม้ว่าเขาจะพูดภาษาเดียวกับโค้ชอย่างเจอร์เก้น คล็อปป์ได้ แต่การย้ายทีมมาในช่วงมกราคมนั้นเป็นการยากเสมอที่จะสอดแทรกทีมชุดเดิมเข้าไปได้ และมันยิ่งยากเป็นทวีคูณกับทีมอย่างลิเวอร์พูล และในอีกมุมที่นอกจากว่ามินามิโนะจะได้ปรับตัวและรู้จักกับทีมใหม่แล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์เองก็มีโอกาสรู้จักกับมินามิโนะได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน การที่เขามีเวลาเพิ่มมากขึ้นก็น่าจะทำให้คล็อปป์นั้นรู้ว่าตำแหน่งการเล่นที่ดีัที่สุดของมินามิโนะนั้นอยู่ตรงไหน จะเป็นอย่างที่โค้ชคนเก่าของซัลซ์บวก อย่างเจสเซ่ มาร์ชบอกไว้ว่่า
“ผมคิดว่าเขาจะทำได้ดีถ้าเล่นในตำแหน่งเดียวกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ อย่างเช่นการไล่กดดันในตอนที่ไม่ได้ครองบอล ส่วนถ้าเป็นตอนที่ได้ครองบอลเขาก็จะช่วยปั้นเกมแบบเหมือนพวกนักเตะหมายเลข 10 รวมถึงเข้าไปลุ้นทำประตูในกรอบเขตโทษได้" ซึ่งตรงนี้อาจจะพลิกสถานการณ์ให้คล็อปป์นั้นเข้าใจและเรียกใช้มินามิโนะ ในอนาคตมากขึ้นอย่างแน่นอน
มีลุ้น
แม้จะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่อง แต่ก็ต้องบอกว่า มินามิโนะนั้นทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมที่พบกับ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ จริงๆ เขาทั้งใส่สกอร์ให้กับตัวเอง 1 ประตู และยังสามารถทำแอสซิสต์ให้ นาบิ เกอิต้า ได้อีกด้วย และนอกเหนือจากนั้นการเล่นของเขาดูจะเฉียบคมขึ้น กว่าเกมแรกๆ ที่เขาลงสนามในสีเสื้อของลิเวอร์พูลอยู่มากพอสมควรจริงๆ แม้ว่าจะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่องกับทีมระดับรองลงไป แต่นั่นก็น่าจะเรียกความมั่นใจต่อตัวมินามิโนะเองอยู่มากพอสมควร และนอกเหนือกว่านั้นฟอร์มการเล่นของเขาก็น่าจะเข้าตาเจอร์เก้น คล็อปป์อยู่พอสมควร และกับสถานการณ์ที่ทีมต้องลงเตะแบบถี่ๆ ที่แทบจะไม่มีวันหยุดพักแบบนี้ การสลับเปลี่ยนตัวผู้เล่นลงสนามย่อมมีมากขึ้นกว่าสถานการณ์ปกติอย่างแน่นอน หรือดีไม่ดีจากฟอร์มการเล่นที่เตะตาคล็อปป์ในเกมเจอกับแบล็กเบิร์นนั้นอาจจะทำให้เจ้าตัวได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมดาร์บี้แมชต์นี้เลยก็เป็นไปได้
จะมีเกมไหนที่ใช้เป็นการแจ้งเกิดได้กว่าเกมดาร์บี้ แมชต์แบบนี้ ถ้ามินามิโนะได้รับโอกาส แล้วจะเลียนแบบเฟอร์กิล ฟานไดค์ที่ยิงประตูชัยในเกมพบกับท๊อฟฟี่สีน้ำเงินได้แฟนๆ ก็ไม่ขัดข้องหรอกนะ ฮรี่ๆ
