:::     :::

ชีวิตเป็นอย่างไร ... ตั้งแต่วันไร้พ่าย

วันเสาร์ที่ 02 กันยายน 2560 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
4,194
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ท้องฟ้าเหนือเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ช่างหม่นหมอง, อาร์เซน่อล เปิดฉากฤดูกาล 2016-17 ได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อเก็บชัยชนะ 1 และแพ้ 2 ในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่บุกพ่ายลิเวอร์พูล 0-4 ถึงกับทำให้แฟนบอลต่างพบกับความสิ้นหวัง พร้อมกับมองตรงกันว่า สโมสรแห่งนี้ไม่เหลือเค้าโครงของยักษ์ใหญ่ของประเทศ ที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนอีกแล้ว

        ย้อนกลับไปฤดูกาล 2003-04 อาร์เซน่อล สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครองอย่างยิ่งใหญ่ หลังจบเกมสุดท้ายที่เปิดบ้านชนะเลสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ส่งผลให้พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์ กลายเปนทีมแรก และทีมเดียว ที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ พร้อมกับพ่วงท้ายต่อด้วยคำว่า "ไร้พ่าย"

เหล่านักเตะ และแฟนบอลของ "เดอะ กันเนอร์ส" ต่างเฉลิมฉลองความสำเร็จกันแบบสุดเหวี่ยง ซึ่งพวกเขาไม่เคยล่วงรู้เลยว่า นั่นจะเป็นหนสุดท้ายที่อาร์เซน่อล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก จนถึงเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้ 

"13 ปีแห่งความว่างเปล่า" ถ้วยแชมป์ที่ถูกประดับด้วยมงกุฏ และสิงโต ไม่เคยแวะเวียนมาหายอดทีมจากลอนดอนเหนือ ราวกับได้ทิ้งความทรงจำทั้งหมด ไว้ที่สนามเก่าอย่าง "ไฮบิวรี่" โดยมีเพียงแค่แชมป์ "เอฟเอ คัพ "เอามาใช้ต่อลมหายใจของ "อาร์แซน เวนเกอร์" ในการรักษาเก้าอี้ผู้จัดการทีม 

กาลเวลาผ่านไป ขุนพล "ปืนโต" ยุคไร้พ่าย ต่างกระจัดกระจาย พร้อมกับมีแนวทางการใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง ... ช่วงนี้เราไปย้อนความทรงจำกันว่า นักเตะเหล่านั้น ได้ผ่านพ้นอะไรมาบ้าง นับตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2004 หรือวันที่ถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ถูกชูขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขา

เยนส์ เลห์มัน : ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 38 เกม

        อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมัน โบกมือลาอาร์เซน่อล ในช่วงปี 2008 เพื่อย้ายกลับไปเฝ้าเสาในบ้านเกิดกับสตุ๊ตการ์ท กระทั่งปี 2011 เขาจะย้ายกลับมาร่วมทีม "เดอะ กันเนอร์ส" อีกครั้ง พร้อมกับลงเล่นไปอีก 1 เกม ในนัดที่เอาชนะแบล็คพูล 3-1 ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายในเส้นทางค้าแข้งของเขาด้วย  หลังจากแขวนถุงมือไป เขาผันตัวเองไปเป็นนักวิเคราะห์เกมผ่านทางช่องโทรทัศน์ที่ประเทศเยอรมัน 

แอชลี่ย์ โคลผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 32 เกม และยิงไป 0 ประตู

        ถือเป็นนักเตะที่สร้างความชิงชังให้กับแฟนบอลอาร์เซน่อล ด้วยการย้ายไปร่วมทีมคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนอย่างเชลซี พร้อมกับตบหน้าสโมสรเก่า ด้วยการไขว่คว้าความสำเร็จมากมายกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ (4), ลีก คัพ (1), ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (1) และยูโรป้า ลีก (1) หลังจากนั้นย้ายไปซบตักอาแอส โรม่า และปัจจุบันกับแอลเอ กาแล็คซี่ ในเมเจอร์ลีก สหรัฐฯ ตามลำดับ

โซล แคมป์เบลล์ : ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 35 เกม และยิงไป 1 ประตู

        ย้ายไปร่วมทีมพอร์ทสมัธ ในช่วงปี 2006 พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 69 ปี หลังจากนั้นย้ายไปร่วมทีมน็อตต์ เคาน์ตี้, นิวคาสเซิ่ล และถูกยืมตัวกลับมาเล่นช่วงสั้นๆกับอาร์เซน่อล ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ดไปเมื่อช่วงปี 2011 โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เขารับหน้าที่ผู้ช่วยกุนซือของทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก้

โคโล่ ตูเร่ ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 37 เกม และยิงไป 1 ประตู

        ย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงปี 2009 พร้อมกับพาพลพรรค "เรือใบสีฟ้า" คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย ตามด้วยการค้าแข้งกับลิเวอร์พูล และกลาสโกว์ เซลติก โดยเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เขาเป็นหนึ่งในขุนพล "ม้าลายเขียวขาว" ชุดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของสก็อตแลนด์ ชนิดแบบ "ไร้พ่าย" ด้วยผลงานชนะ 34, เสมอ 4 และกวาดคะแนนไปถึง 106 แต้ม ปัจจจุบัน เขาหันไปรับงานเป็นทีมงานของทีมชาติไอวอรี่โคสต์

โลร็องต์ เอตาเม่ : ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 32 เกม และยิงไป 0 ประตู)

        ย้ายไปร่วมทีมพอร์ทสมัธ ในช่วงปี 2006 เช่นเดียวกับในรายของโซล แคมป์เบลล์ เขาพาทีม "เดอะ ปอมปีย์" คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้เป็นผลสำเร็จ กระทั่งปี 2009 ย้ายไปปิดฉากเส้นทางลูกหนังกับคอร์โดบา สโมสรในระดับเซกุนด้า ของประเทศสเปน ปัจจุบันไปรับงานนักวิเคราะห์ของช่องสกายสปอร์ต เวอร์ชั่นแดนกระทิงดุ

โรแบร์ ปิแรส : ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 36 เกม และยิงไป 14 ประตู

        ถือเป็นนักเตะตัวหลักในทีมชุดไร้พ่าย และเป็นรองดาวซัลโวในพรีเมียร์ลีก เป็นรองเพียงเธียร์รี่ อองนี เพียงคนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นดาวเตะเครางาม ย้ายออกจากอาร์เซน่อล เพื่อไปร่วมทีมบียาร์เรอัล พร้อมกับทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจด้วย ก่อนจะย้ายกลับมาเล่นในอังกฤษ กับทีมแอสตัน วิลล่า ตามมาด้วยการแขวนสตั๊ดกับทีมในลีกของประเทศอินเดีย 

ปาทริค วิเอร่าผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 29 เกม และยิงไป 3 ประตู)

        โบกมือลาอาร์เซน่อล ในช่วงปี 2005 พร้อมกับผ่านการค้าแข้งจากนั้นกับยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านการคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ทั้งกับทีม "เบียงโคเนรี่" และ "เนรัซซูรี่" ทิ้งทวนด้วยการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ กับพลพรรค "เรือใบสีฟ้า" จากนั้นเจ้าตัวหันมารับงานคุมสโมสรฟุตบอลอย่างเต็มตัว เริ่มจากทีมสำรองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และปัจจุบันกับผู้จัดการทีมนิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี สโมสรในเมเจอร์ลีก สหรัฐฯ

จิลแบร์โต้ ซิลวา : ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 32 เกม และยิงไป 4 ประตู

        อดีตดาวเตะทีมชาติบราซิล ชุดคว้าแชมป์โลก 2002 ย้ายออกจากอาร์เซน่อล ในช่วงปี 2008 ผ่านการค้าแข้งต่อจากนั้นกับพานาธิไนกอส ทีมดังจากกรีซ รวมถึงสองทีมในบ้านเกิดอย่างเกรมิโอ ตามด้วยแอตเลติโก้ มิเนยโร่ สโมสรที่เขาพาคว้าแชมป์ระดับสโมสร ที่ยิ่งใหญ่สุดในทวีปอเมริกาใต้อย่าง "โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส" หลังจากแขวนสตั๊ดไป เขาหันมารับงานผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของอดีตต้นสังกัดอย่างพานาธิไนกอส

เฟดริก ลุงเบิร์ก : ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 30 เกม และยิงไป 4 ประตู

        ปิดฉากเส้นทางเกือบทศวรรษภายใต้สีเสื้อของอาร์เซน่อล เขาย้ายไปร่วมทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในช่วงปี 2007 จากนั้นชีพจรลงเท้า ด้วยการเล่นให้ซีแอตเทิล ซาวเดอร์ส และ ชิคาโก้ ไฟร์ สองทีมจากเมเจอร์ลีก ตามมาด้วยกลาสโกว์ เซลติก (สก็อตแลนด์), ชิมิสุ เอส-พัลส์ (ญี่ปุ่น) และมุมไบ ซิตี้ (อินเดีย) โดยหลังจากสิ้นสุดชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก็หันมารับงานกับทีมเยาวชนของอาร์เซน่อล ตามมาด้วยการเป็นผู้ช่วยโค้ชของสโมสรโวล์ฟบวร์ก

เธียร์รี่ อองรี : ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 37 เกม และยิงไป 30 ประตู

        ทิ้งทวนกับอาร์เซน่อล ด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่า ในช่วงปี 2007 ไล่ล่าคว้าแชมป์กับบาร์ซ่า มากมาย ไม่ว่าจะเป็นลาลีกา 2 สมัย, โกปา เดล เรย์ (1), ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (1), ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ (1) และสโมสรโลก (1) ก่อนจะปิดฉากการเล่นกับนิวยอร์ค เร้ดบูลล์ และกลับมาเล่นกับอาร์เซน่อล แบบยืมตัวในช่วงสั้นๆ ปัจจุบันรับงานนักวิจารณ์ของทางช่องสกาย สปอร์ต

เดนนิส เบิร์กแคมป์ ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 28 เกม และยิงไป 4 ประตู

        เขามีชื่อเกมสุดท้าย คือการพ่ายบาร์เซโลน่า 1-2 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ จากนั้นได้ประกาศแขวนสตั๊ดกับอาร์เซน่อล ในช่วงปี 2006 พร้อมรับเกียรติจากสโมสร ในการจัด "เทสติโมเนียล แมตช์"  ปัจจุบัน เขาหันไปรับงานกับสโมสรที่ปลุกปั้นมาตั้งแต่เด็กอย่างอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีม พร้อมกับสังสมเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อต่อยอดในการเป็นผู้จัดการทีมในอนาคต


นักเตะคนอื่นที่เหลือ

เอดูผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 30 เกม และยิงไป 2 ประตู

        ย้ายออกจากอาร์เซน่อล ในช่วงปี 2005 พร้อมกับไปคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ กับสโมสรบาเลนเซีย ก่อนแขวนสตั๊ดกับทีมต้นสังกัดในวัยเด็กอย่างโครินเธียนส์


เรย์ พาร์เลอร์ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 22 เกม และยิงไป 0 ประตู

        หลังจากคว้าแชมป์แบบไร้พ่าย เจ้าตัวก็ย้ายไปเล่นกับมิดเดิ้ลสโบรช์ และฮัลล์ ซิตี้ ปัจจุบันทำงานกับช่องกีฬาชื่อดังอย่างสกาย สปอร์ต


ซิลแว็ง วิลตอร์ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 12 เกม และยิงไป 3 ประตู

อดีตดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส ย้ายออกในช่วงปี 2004 จากนั้นพเนจรไปเล่นกับหลายทีมในบ้านเกิดอย่างโอลิมปิก ลียง, แรนส์, โอลิมปิก มาร์กเซย, เม็ตซ์ และน็องต์ ตามลำดับ


โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ผลงานในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลไร้พ่าย 2003-04, ลงสนาม 13 เกม และยิงไป 2 ประตู

หลังจากโดนโรค "คิดถึงบ้าน" เล่นงานอย่างหนัก เขาตัดสินใจย้ายกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับหลายสโมสร อาทิแอตเลติโก้ มาดริด ซึ่งได้แชมป์ยูโรป้า ลีก 2 สมัย ตามมาด้วยเซบีย่า และเอสปันญ่อล ตามลำดับ 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด