:::     :::

แตกต่างแต่เป้าหมายเดียวกัน

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อัลแบร์โต้ บริโยลี่ ผู้รักษาประตูของ เบเนเวนโต้ ทีมบ๊วยในศึกกัลโช่ เซเรีย อา กลายเป็นที่โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืนหลังโชว์ลูกมหัศจรรย์ขึ้นมาโหม่งพังประตูตีเสมอ เอซี มิลาน ในช่วงทดเจ็บ

ยิ่งกว่าเขียนบทเอาไว้จริงๆ แถมมีหักมุมจนเอวเคล็ดในตอนท้ายเพราะโฟกัสของเกมนี้อยู่ทางฝั่งเอซี มิลาน มากกว่า

ทัพรอสโซเนรี่เพิ่งปลดกุนซือ วินเชนโซ่ มอนเตลล่า ออกจากตำแหน่งหลังผลงานสามวันดีสี่วันไข้ พร้อมดันให้ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ อดีตกองกลางจอมดีเดือดขึ้นมารับหน้าที่แทน

การเจอทีมบ๊วยของตารางที่แพ้มา 14 นัดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล คงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว นี่คือเกมที่ "กัตจัง" จะได้ออกตัวนับหนึ่งให้สวย และผู้เล่นมิลานเองก็หวังจะฟื้นความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ ได้ปล่อยความอัดอั้นออกมาในเกมนี้

ควรต้องเป็นชัยชนะที่ไม่ยากเย็นเกินไปนักสำหรับ เอซี มิลาน 

แต่ฟุตบอลก็แบบนี้ ความคลาสสิก ความพิลึกพิลั่นเกิดขึ้นได้เสมอ 

กัตตูโซ่ บอกหลังเกมว่าโดนผู้รักษาประตูคู่แข่งโหม่งตีเสมอแบบนี้ เอามีดมาแทงยังเจ็บน้อยกว่า

พูดแล้วเห็นภาพชัดเจน คือถ้าจะพลิกแพ้หรือเสมอในเกมปกติ เสียประตูทั่วๆ ไป ก็คงพอรับได้ 

แต่นี่คือช่วงทดเจ็บที่เจ็บจี๊ดของจริง ผู้รักษาประตูของทีมน้องใหม่ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขั้นมา ช่วยให้ทีมเก็บแต้มแรกในประวัติศาสตร์ และทำได้ในการเจอกับทีมที่ชื่อเสียงโด่งดัง เป็นยักษ์หลับที่ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อปลุกตัวเองขึ้นมา

แค่ยอดเงินที่มิลานเทลงไปในช่วงซัมเมอร์ก็มากกว่ามูลค่าของสโมสรเบเนเวนโต้แล้ว


อัลแบร์โต้ บริโยลี่ (ซ้าย) นายทวารฮีโร่ของ เบเนเวนโต้

แต่ฟุตบอลก็มีเรื่องแบบนี้แหละ มีอะไรให้เราต้องพูดถึง และเป็นสิ่งที่ย้ำว่าทำไมเราจึงชอบฟุตบอล แถม บริโยลี่ ยังเป็นนายทวารที่ยืมมาจากยูเวนตุส ทีมคู่ปรับของมิลานอีกต่างหาก  

ทีมที่เป็นรอง ทีมที่ตัวผู้เล่นอ่อนด้วยกว่า ทีมที่มีเงินใช้จ่ายจำกัดจำเขี่ย ไม่ได้หมายความว่าต้องแพ้ตลอดไป ขอเพียงพกหัวใจลงไปสู้ และไม่มีคำว่ายอมแพ้จนกว่าเสียงนกหวีดยาวจะดัง

อะไรก็เกิดขึ้นได้หมด 

ทุกทีมล้วนมีวินาทีแห่งความทรงจำของตัวเอง แมนฯ ยูไนเต็ด 1999, ลิเวอร์พูล 2005, อาร์เซน่อล 1989 หรือสดๆ ร้อนๆ อย่าง ชาลเก้ ที่ไล่ตีเสมอ ดอร์ทมุนด์ 4-4 ทั้งที่ตามหลัง 0-4 ในครึ่งแรก 

เกมนัดนี้ยังไม่ใช่เกมที่ชี้ขาดว่าหาก เบเนเวนโต้ แพ้ พวกเขาจะตกชั้นทันที แต่ความปราชัย 14 นัดที่ผ่านมา ก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว เป็นนักโทษรอขึ้นลานประหาร 

ทุกคนจึงสู้เพื่อหาจุดเปลี่ยนให้ได้ ยังไม่ต้องมองถึงชัยชนะ แต่เอาคะแนนแรกให้ได้เป็นอันดับแรก 

เพราะความมุ่งมั่น จิตใจที่สู้ไม่ถอย จังเป็นแรงส่งให้ บริโยลี่ พาตัวเองวิ่งเข้าไปป้วนเปี้ยนในเขตโทษและอยู่ในจุดที่ถูกที่ถูกเวลาก่อนทำประตูที่จะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไปอีกนาน

ทำเป็นเล่นไปนะครับ ประตูนี้อาจจุดพลังให้ เบเนเวนโต้ กลับมาลงสนามเหมือนเป็นคนละทีมกับ 14 นัดก่อนหน้านี้ที่แจกแต้มและประตูเป็นว่าเล่น

ในวันที่พวกเขาท้อ หรือกำลังจะแพ้ ภาพของนายทวารจอมโขกคงวาบขึ้นมาในหัว และย้ำเตือนว่า "เฮ้ย! เวลายังไม่หมด ยังมีโอกาส เอาหน่อยเว้ย"

ในสัปดาห์เดียวกัน อีกหนึ่งผู้รักษาประตูที่ถูกพูดถึงไม่น้อยคือ ดาบิด เด เคอา ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

มีเพียงลูกยิงจ่อๆ ลูกนี้เท่านั้นที่ผ่านมือ ดาบิด เด เคอา ที่เหลืออีก 14 ครั้ง เซฟได้หมด

เด เคอา ไม่ได้วิ่งพรวดขึ้นไปโหม่งพังประตูเหมือน อัลแบร์โต้ บริโยลี่ แต่ทำหน้าที่หน้าปากประตูตัวเองตามความรับผิดชอบของตัวเอง

ไม่ต้องทำหน้าที่พิเศษ หรือเกินเลยความรับผิดชอบ แต่ทำในสิ่งที่ทำอยู่ให้ออกมายอดเยี่ยม และ "สมบูรณ์แบบ" มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

อาร์เซน่อล เอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ดได้ทุกอย่างทั้งการครองบอล หาโอกาสยิง ยิงเข้ากรอบ การผ่านบอลสำเร็จ แต่สิ่งเดียวที่แพ้ผลงานของผู้รักษาประตู 

ผีแดงได้ยิง 4 ครั้งแต่ผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก เป็น 3 ประตู ขณะที่โอกาสยิงตรงกรอบ 15 ครั้งของปืนใหญ่ ถูก เด เคอา ป้องกันได้ถึง 14 ครั้ง กลายเป็นสถิติสูงสุดของพรีเมียร์ลีก เทียบเท่า ทิม ครูล ที่เคยทำได้กับนิวคาสเซิ่ล และ วีโต้ มานโนเน่ ของซันเดอร์แลนด์ 

เรื่องราวของ อัลแบร์โต้ บริโยลี่ กับ ดาบิด เด เคอา สอนอะไรกับเรา

สิ่งที่ชัดเจน คือ ขอเพียงมุ่งมั่นตั้งใจทำเพื่อทีม จะรูปแบบวิธีการใดก็ตาม ผลลัพท์ของความทุ่มเทรออยู่เสมอ 

กว่าที่ เด เคอา จะเซฟลืมตายแบบนี้ ก็ต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักมานับครั้งไม่ถ้วน ต้องพุ่งเอาร่างกายกระแทกพื้นนับพันนับหมื่นครั้ง ต้องอดทนและสู้จริงๆ ถึงฝีมีมือระดับโลกได้ 

หากใครจำกันได้ ในช่วงแรกๆ ที่ย้ายมา เด เคอา ออกลูกเหวอบ่อยมาก ผิดพลาดบ่อยจนขาดความมั่นใจ แต่เพราะใจที่สู้ทำให้เพียรฝึกซ้อมอย่างหนัก และก้าวข้ามความอ่อนหัดของตัวเอง

ส่วน บริโยลี่ ไมได้มีฝีเมือเทียบเท่า เด เคอา แต่เขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ หัวใจนักสู้ เขาไม่จำเป็นต้องวิ่งเข้าไปกรอบเขตโทษคู่แข่งก็ได้ แต่เพราะอยากช่วยทีม และไม่อยากแพ้อีกแล้วทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ที่ไม่มีใครคาดคิด

อัลแบร์โต้ บริโยลี่ อาจเป็นชื่อที่เลือนหายไปจากการรับรู้เมื่อเวลาผ่านพ้นไป และไม่ได้มีชอตมหัศจรรย์ให้เห็นอีก ต่างจาก เด เคอา ที่คงขึ้นหิ้งไปอีกหลายปี

แต่เชื่อเถอะว่า แฟนบอลเบเนเวนโต้ไม่มีทางลืมนายทวารที่ทำให้พวกเขาเก็บแต้มแรกในประวัติศาสตร์ของการเล่นบนลีกสูงสุดแน่นอน


โมเมนต์แห่งความทรงจำของ อัลแบร์โต้ บริโยลี่



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด