:::     :::

ลา ลีกา จบแล้ว ?

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เรอัล มาดริด เชือด เอสปันญ่อล ฉีกขึ้นนำเดี่ยวด้วยฟอร์มสุดร้อนแรง กับอีก 6 เกมที่เหลือในฤดูกาลนี้ มันจบแล้วหรือ ?

        ลา ลีกา จบแล้ว ? 

เรอัล มาดริด ฉีกขึ้นนำจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆแล้วหลังบุกเชือด เอสปันญ่อล 1-0 ที่ กอร์เนย่า เอลปราต 

คำถามแรกและคำถามสำคัญที่สุด ณ เวลานี้ก็คือ “ลา ลีกา ถูกตัดสินแล้วหรือยัง ?” 

ระยะห่างระหว่าง ‘โลส บลังโกส’ กับ บาร์เซโลน่า เวลานี้อยู่ที่ 2 แต้ม 71 ต่อ 69 จาก 32 เกมที่ลงสนาม

หมายถึงอีก 6 เกมที่เหลือ สถานการณ์สามารถพลิกผันได้อีกหรือไม่ ? 

ตามทฤษฏีย่อมเป็นไปได้อยู่แล้วครับ เหลืออีก 18 แต้มให้เก็บเกี่ยว ตรงนี้ยังเหลือช่องว่างมากพอให้ทั้งสองทีมได้ ชนะ เสมอ หรือแพ้ 

กูเล่ส์ทุกคนอาจอยู่ในช่วงเวลาที่น่าผิดหวัง แต่ความจริงก็คือความจริง บาร์เซโลน่า ยังมีโอกาสคว้าแชมป์ เพียงข้อแตกต่างคือนับจากนี้ พวกเขามีพื้นที่ให้กับความผิดพลาดเพียงนิดเดียว หรืออาจไม่มีเลย...

ชัยชนะเหนือ เอสปันญ่อล เมื่อคืนวันอาทิตย์ มองที่สกอร์บอร์ด อาจดูว่าหวุดหวิด แต่รูปเกมที่ออกมา เห็นได้ชัดว่า เรอัล มาดริด ควบคุมทุกอย่างไว้ในมือตั้งแต่ต้น 

เพียงรอเวลาว่าเมื่อไหร่ที่พวกเขาจะยิงประตูได้ เพราะ ‘นกแก้ว’ ภายใต้การคุมทัพของกุนซือมือใหม่อย่าง ฟรานซิสโก้ รูเฟเต้ แทบไม่มีอะไร 

แผงกองหลังตั้งรับลึก ใช้มิดฟิลด์กับกองหน้าช่วยไล่บอลปิดพื้นที่ อาศัยใจสู้ การวิ่งไม่หยุด เข้าบอลหนักถึงลูกถึงคนเพื่อตัดเกม 

จากนั้นหาโอกาสโจมตีแบบสวนกลับ ไม่ก็หวังเซตพีซ หรือสูตรทุ่มไกลจาก เลอันโดร กาเบรร่า หากได้ระยะทุ่มไม่ห่างจากกรอบเขตโทษฝั่ง มาดริด มากนัก 

ครับ มีเท่านี้จริงๆ เกมของ เอสปันญ่อล ที่เหลือนั้นว่ากันไปตามจังหวะ ซึ่งถ้าจะให้สรุปเกมของเจ้าบ้านออกมาให้เห็นภาพชัดๆด้วยคำพูดก็คงต้องบอกว่า “เรียบง่ายเกินไป”

เกมรุกไม่ได้วางอะไรไว้ เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ได้มีรูปแบบที่ชัดเจนว่ามองหาอะไร ? ต้องการทำอะไร ? โจมตียังไง ? 

ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เจ้าถิ่นยืนซดกับ มาดริด ได้อย่างมีความหวังตลอด 90 นาทีคือ ‘เกมรับ’ และ ‘ใจสู้’ ที่เหลือไม่มีอะไรเลย และยิ่งไม่เหลืออะไรเมื่อเด็กๆของ ซีดาน มาด้วยความพร้อม แรงกระตุ้น คุณภาพ และแผนการเล่นที่ดี 

มาดริด ครองบอลไว้เบ็ดเสร็จ เคลื่อนเกมของตัวเองด้วยความมั่นใจ รุกคืบสู่พื้นที่สุดท้าย และมองหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา 

นี่อาจไม่ใช่เกมที่ดุดันเร้าใจ แต่เป็นเกมที่ มาดริด ‘เนี๊ยบมาก’ เล่นด้วยชั้นเชิงและมันสมอง ซึ่งหากไม่ได้ประตูจในช่วงปลายครึ่งแรก ส่วนตัวผมก็ยังเชื่อว่าพวกเขาก็จะหาโอกาสยิงจนได้ 

แต่ถึงอย่างนั้นประตูขึ้นนำก็มีอิทธิพลต่อเกมที่เหลืออย่างมาก เนื่องจากมาถูกที่ถูกเวลา ต้องชมตั้งแต่ เซร์คิโอ รามอส ที่เติมขึ้นสูงไปช่วยเล่นเกมรุก การขยับขึ้นไปจังหวะนั้นถือว่ามีประโยชน์มาก เป็นการเพิ่มตัวเลือกในการจ่ายบอล ซึ่ง รามอส ทำให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เวลาที่ตัวรุกอย่าง อาซาร์, เบนเซม่า , อิสโก้ โดนเข้าคู่ประกบติด ตัวพิเศษอย่างเขาจึงมีความสำคัญ สร้างความแตกต่างให้กับเกมการเล่นได้ 

แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็ต้องยกให้ คาริม เบนเซม่า จังหวะตอกลูกส้นนี้เป็นการเพลย์งดงามอย่างมาก โชว์ให้เห็นถึงคลาสบอลที่เหนือชั้น ย้อนให้นึกถึง ‘ลูกตอกส้นในตำนาน’ ของ กูตี ในเกมกับ ลา กอรุนญ่า ที่ ริอาซอร์ เมื่อ 30 มกราคม 2010  

ครั้งนั้น กูตี เซอร์ไพรส์ทุกคนในสนาม หลังรับบอลแทงทะลุจาก กาก้า หลุดเดี่ยวไปดวลตัวต่อตัวกับ ดาเนี่ยล อารานซูเบีย  มุมทุกอย่างเปิดโล่ง แต่เขาเลือกที่จะตอกส้นกลับหลังให้ เบนเซม่า ตามเข้ามายิงง่ายๆ 


กับจังหวะการเล่นเมื่อคืนวันอาทิตย์ เบนเซม่า สวมบทผู้ให้บ้าง และเป็น เอ็นรีเก้ กาเซมีโร่ ที่ทะยานเข้ามายิงเข้าไป 

อาจไม่ได้สวยและคลาสสิคเท่าของ กูตี แต่ความสำคัญมีมาก ยิ่งหาก เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ลา ลีกา ปีนี้ นี่จะเป็นประตูที่ถูกหยิบยกมาพูดถึง 

กูตี ถึงกับทวีตชมว่า magia, amigo , brutal  (เวทมนต์เพื่อน, โหดสุดๆ) ถือเป็นการชื่นชมฟอร์มอันสุดยอดของ เบนเซม่า ซึ่งมันเหลือเชื่อว่า 10 ปีผ่านไป เขายังคงเป็นกองหน้าหมายเลขหนึ่งของ เรอัล มาดริด 

ตั้งแต่ลา ลีกา รีสตาร์ท กลับมา เบนเซม่า คือ 1 ใน 4 นักเตะที่ลงสนามทุกนัด (รามอส,กูร์กตัวส์,วาราน) และเขาไม่เคยทำให้ทีมผิดหวังเลย 

ซีดาน รู้ดีว่าทีมของเขาต้องการ เบนเซม่า ในสนาม เพราะ เบนเซม่า เล่นฟุตบอลในรูปแบบที่เขาต้องการ 

เหมือนว่า 2 คนนี้ตีความฟุตบอลออกมาในแบบเดียวกัน หลังจบเกม เบนเซม่า สัมภาษณ์ว่า “สำหรับผมแล้ว นี่แหละคือฟุตบอล ผมมองเห็นฟุตบอลแบบนี้” 

ถึงตรง อาจยังพูดไม่ได้ว่านี่คือฤดูกาลที่ดีที่สุดของ เบนเซม่า หรือไม่ กับ 17 ประตูและ 7 แอสซิสต์ที่ทำได้ ซึ่งเราคงจะต้องวัดกันที่ผลลัพธ์ในตอนจบว่าใครจะเป็นผู้ได้รับการชูมือ ซึ่งสำหรับ ซีดาน แล้ว เขายังไม่เห็นเลยว่า เรอัล มาดริด กำลังจะคว้าแชมป์ ลา ลีกา ปีนี้ 

“ผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าเราจะเป็นแชมป์ การแข่งขันจะตัดสินกันในนัดสุดท้าย ดูจากความยากในเกมล่าสุดที่เราเล่นนั่นปะไร , เอสปันญ่อล เล่นเกมรับดีมาก เล่นเอาเราเหนื่อยกว่าจะยิงประตูได้”

อย่างไรก็ตาม แม้จะยังสงวนท่าที แต่กุนซือฝรั่งเศสก็ยอมรับว่าเขามีความสุขกับทีม กับนักเตะของตัวเอง และบอกว่าการชนะ,ชนะ และชนะอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย 

คำพูดของ ซีดาน อาจจะถ่อมตัวอยู่บ้าง เป็นคำพูดเชิงจิตวิทยาพยายามไม่ให้ลูกทีมใจลอย หรือหลงคิดว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือ หากแต่ก็มีความจริงอยู่ในนั้นเกินครึ่ง

จากประสบการณ์ของเขาทั้งในฐานะนักเตะและเทรนเนอร์มันสอนให้รู้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ การรันชนะต่อเนื่อง 5 เกมถือเป็นผลงานที่สุดยอด บ่งบอกว่าทีมกำลังไปได้สวย ทว่าไม่มีอะไรการันตีว่านัดต่อไปพวกเขาจะไม่สะดุด...ไม่มีเลยแม้แต่น้อย 

หากฟุตบอลเอาชนะกันได้จากชื่อชั้นเพียงอย่างเดียว คงไม่ใช่เกมยอดนิยมอันดับหนึ่งเหมือนเช่นทุกวันนี้ แต่เพราะฟุตบอลไม่มีอะไรคาดเดาได้ ลบล้างทุกหลักการ นี่จึงเป็นเสน่ห์อันร้ายกาจ  

ประเมินจากแต้ม เรอัล มาดริด ได้เปรียบชัดเจน, เฮด ทู เฮด ก็ดีกว่า ขณะที่โปรแกรมการแข่งขันที่เหลือดูจะเบากว่า 

นัดที่ 33 บาร์เซโลน่า มีคิวลงเล่นในโปรแกรมที่หนักที่สุดกับ แอต.มาดริด ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขามีโอกาสไม่ชนะ แต่ขณะเดียวกันก็ใช่ว่าจะชนะไม่ได้ 

ไม่ต่างกัน การเปิด ดิ สเตฟาโน่ รับการมาเยือนของ เคตาเฟ่ ที่แย่มาตลอดนับแต่รีสตาร์ท ดูเหมือนเป็นเกมง่ายๆ แต่มีใครกล้ารับประกันหรือเปล่าว่า “มันจะเป็นอย่างที่คิด?” 

นักเตะบาร์ซ่าประสบการณ์สูง พวกเขารู้ดีว่าต้องทำอะไรในสถานการณ์เช่นนี้ แม้บางอย่างจะอยู่เหนือการควบคุมไปแล้วก็ตาม 

เกมใคร เกมมัน ใครเสียสมาธิ คนนั้นมีสิทธิน้ำตาตก แม้ มาดริด ได้เปรียบ แต่ถ้าประมาท บาร์ซ่า ว่าไร้น้ำยา “นั่นผิดมหันต์” 

โดยส่วนตัว ผมว่าการต่อสู้ยังไม่จบครับ...เรายังต้องลุ้นกันต่อ เริ่มตั้งแต่คืนวันอังคารนี้ที่ คัมป์ นู ก่อน   

เจมส์ ลา ลีกา 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด