:::     :::

ขอลุ้นอีกเฮือก

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ชัยชนะ 4 นัดรวดจากทุกรายการทำให้ อาร์เซน่อล กลับมามีความหวังอีกครั้งสำหรับเป้าหมายการได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ห่างเหินมา 3 ปีเต็ม

อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะในนัดที่ยากสุดอีกนัดในฤดูกาลนี้กับการบุกควัก 3 แต้มกลับออกจากรังโมลินิซ์ กราวนด์ ของ วูล์ฟแฮมป์ตัน 

เป็นชัยชนะที่ปลดล็อกในหลายสิ่งหลายอย่างเพราะก่อนลงสนามนัดนี้ อาร์เซน่อล ไม่เคยบุกชนะทีมที่อันดับเหนือกว่าในวันแข่งขันมา 17 นัดติดแล้ว 

ยิ่งเป็น วูล์ฟแฮมป์ตัน ของ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต้ ที่เล่นกับทีมใหญ่ได้ดี และไม่แพ้ อาร์เซน่อล เลยนับตั้งแต่เลื่อนชั้นกลับมาในปี 2018 ยิ่งเป็นเรื่องยาก

แต่ มิเกล อาร์เตต้า พาปืนใหญ่บุกยิงหมาป่าได้สำเร็จซึ่งทั้งหมดมากจากการวางแผนการเล่นชั้นและเลือกนักเตะลงเล่นได้ถูกต้องเหมาะสม รวมถึงการเปลี่ยนสำรองอีกด้วย 

อาร์เตต้า ปรับทีมเพียง 3 ตำแหน่งจากนัดชนะ นอริช ซิตี้ 4-0 คือให้ เซดริก โซอาเรส, บูคาโย่ ซาก้า และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เป็นตัวจริงแทน เอคตอร์ เบเยริน, รีสส์ เนลสัน และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์

เซดริก โซอาเรส ได้รางวัลตอบแทนหลังนัดก่อนประเดิมสนามในฐานะสำรองได้ 3 นาทีเศษก็ซัลโวประตูสุดท้ายปิดท้ายให้ทีมชนะ สภาพร่างกายดีขึ้นมาก และ อาร์เตต้า ก็ประเมินว่าควรได้โอกาสก่อน เบเยริน ที่ยังเค้นหาฟอร์มเก่งไม่เจอ 

คนที่หลุดโผไปด้วยเหตุผลส่วนตัวคือ นิโกล่าส์ เปเป้ ที่สโมสรแจ้งข่าวว่าภรรยากำลังจะคลอดทายาทตัวน้อย ปีกชาวไอวอรี่โคสต์จึงต้องทำหน้าที่คุณพ่อมือใหม่และสามีที่ดีซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญของลูกผู้ชาย


ซาก้า ยิงฉลองสัญญาใหม่

เมซุต โอซิล หายหัวอีกนัดเพราะอาการเจ็บหลังยังไม่ดีขึ้น และการมาเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน แบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นเกมที่เหมาะกับเจ้าตัว เช่นเดียวกับ มัตเตโอ เก็นดูซี่ ที่ อาร์เตต้า แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่พอใจเรื่องระเบียบวินัยและดร็อปออกจากทุกนัดนับแต่ก่อเหตุหลังเกมพ่าย ไบรท์ตัน 1-2 ที่ไปบีบคอ นีล โมเปย์ 

3 เซนเตอร์แบ็ก ชโคดราน มุสตาฟี่, ดาวิด ลุยซ์ และ เซอัด โคลาซินัช รวมถึงคู่กลาง กรานิต ชาก้า กับ ดานี่ เซบายอส ได้ลุยต่อ รวมถึงดาวซัลโวอย่าง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง

เห็นได้ชัดว่า อาร์เตต้า ยึดโครงสร้างทีมที่ชนะมา 3 นัดติดเอาไว้โดยเฉพาะจุดสำคัญทั้งแผงหลัง 3 คนและคู่มิดฟิลด์ จุดที่เปลี่ยนเป็นตำแหน่งด้านข้างไปจนถึงหน้าเป้าที่การหลุดเป็นสำรองของ เบเยริน รวมถึง เนลสัน และ ลากาแซ็ตต์ ถือว่าสมเหตุสมผล

ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน ก็ยึดระบบเก่ง 3 เซนเตอร์แบ็กเหมือนเดิม ขณะที่เกมรุกมี ชูเอา มูตินโญ่ คุมจังหวะตรงกลางร่วมกับ รูเบน เนเวส และ 2 ตัวรุกเป็นพาร์ทเนอร์สุดอันตราย อดาม่า ตราโอเร่ กับ ราอูล ฮิเมเนซ

ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก การเล่นทั้งสองทีมรัดกุมสุดๆ แทบไม่มีจังหวะวางบอลยาวมั่วซั่ว บอลส่วนใหญ่เคาะสั้นถึงตัว เน้นความชัวร์ เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ว่าหากจ่ายพลาดก็โดนโต้แน่นอน 

อาร์เซน่อล ครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อย แต่พาขึ้นหน้าไปจบในพื้นที่อันตรายได้น้อยเพราะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ยืนคุมพื้นที่แน่นหนา การยืนตำแหน่งส่วนใหญ่อยู่ในแดนตัวเอง ไม่ไล่เพรสซิ่งสูง แต่เน้นคุมโซน 

ทัพ "หมาป่า" ถนัดกับการเล่นแบบนี้ ครึ่งแรกเหมือนมวยยก 1-2 เน้นประคองตัว รอจังหวะผิดพลาดของคู่แข่งแล้วโต้ทันที หากทำไม่ได้ก็ต้องไม่เสีย และรอจังหวะไปเรื่อยเหมือนเก็บแรงเอาไว้ครึ่งหลัง 

ก่อนลงสนามนัดล่าสุด วูล์ฟส์ ไม่เสียประตูในครึ่งแรกแม้แต่ลูกเดียวตลอด 5 นัดจากทุกรายการ และ 3 นัดหลังสุดที่ชนะรวดก็เป็นการยิงในครึ่งหลังทั้งหมดพร้อมทั้งเก็บคลีนชีตทุกนัดอีกต่างหาก 

แต่ อาร์เซน่อล ชิงจังหวะได้ประตูนำก่อนในช่วงเวลาสำคัญคือก่อนจบครึ่งแรกเพียง 2 นาที และได้จากนักเตะที่กำลังถูกคาดหวังว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตคนใหม่ของทีมหลังต่อสัญญาระยะยาวไปหมาดๆ ใน 3 วันที่แล้ว


ลากาแซ็ตต์ ลงสำรองมาปิดท้าย 2-0

บูคาโย่ ซาก้า ทำประตูแรกในการเล่นพรีเมียร์ลีกของตัวเองได้สำเร็จกับจังหวะยิงที่ คีแรน เทียร์นี่ย์ เปิดจากซ้ายแฉลบหัวผู้เล่นเจ้าถิ่นก่อนเข้าทางได้วอลเลย์ด้วยซ้ายแบบไม่ต้องจับ 

ในวัย 18 ปี 303 วัน ซาก้า กล่าวถึงประตูนี้ว่า "ผมเตรียมตัวรอบอลมาถึง ดังนั้นจึงซัดได้ ผมรู้ว่ามีช่วงว่างตรงเสาไกล ผมจึงพยายามยิงเข้าไปตรงนั้น"

ประตูนี้ทำให้ อาร์เซน่อล เริ่มครึ่งหลังด้วยสถานการณ์ที่ได้เปรียบและบีบให้ วูล์ฟแฮปม์ตัน ต้องบุกมากขึ้นกว่าครึ่งแรก 

ผ่านครึ่งหลังไปได้ 10 นาที การแก้เกมของ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต้ เป็นไปตามสเต็ปที่ต้องการประตูคือ ถอดกองกลางอย่าง เลอันโดร เดนดองเกอร์ ออกแล้วส่งตัวรุกอย่าง ดีเอโก้ โชต้า ลงมาเล่นร่วมกับ อดาม่า ตราโอเร่ กับ ราอูล ฮิเมเนซ พร้อมเซตระบบ 3-4-3 เหมือนกับ อาร์เซน่อล

แต่ มิเกล อาร์เตต้า ก็แก้เกมทันทีเช่นกันด้วยการส่ง เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนลส์ ลงมาเล่นวิงแบ็กซ้ายแทน คีแรน เทียร์นี่ย์ ที่ลงตัวจริงตลอด 4 นัดหลังสุด

ถ้าว่ากันตามตำแหน่งแล้ว อาร์เตต้า สามารถส่ง ร็อบ โฮลดิ้ง หรือ โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส ลงมายืนในแผง 3 แนวรับได้ พร้อมขยับ เซอัด โคลาซินัช ไปเล่นวิงแบ็ก ไม่จำเป็นต้องใช้ เมทแลนด์-ไนลส์ ที่ไม่ใช่แบ็กซ้ายอาชีพ

แต่ อาร์เตต้า มองว่า โคลาซินัช กำลังเล่นได้ตามจังหวะที่ต่อเนื่องในเกมและไม่ได้มีข้อผิดพลาด ดังนั้นจึงไม่อยากปรับ 3 เซนเตอร์ อีกทั้งการส่ง เมทแลนด์-ไนลส์ ลงมาก็สามารถชนกับ อดาม่า ตราโอเร่ ตัวถึกของวูล์ฟส์ในชั้นแรกก่อนถึง โคลาซินัช 

นั่นทำให้ตลอดทั้งเกม อดาม่า ตราโอเร่ ที่เคยเล่นงานกองหลังหลายต่อหลายทีมจนสะบักสะบอม แทบไม่ได้คลายพิษสง มีเพียงจังหวะต้นเกมที่ได้ยิงติดเซฟและอีกครั้งในครึ่งหลังที่ได้หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษฝั่งขวา แต่ก็งัดบอลข้ามคานไปเอง 

ช่วงเปลี่ยน ดีเอโก้ โชต้า ลงมา เกมของ วูล์ฟส์ วูบวาบและได้บุกมากขึ้น ทำเอา อาร์เซน่อล ต้องถอยไปรับจนไม่มีโอกาสยิงแม้แต่ครั้งเดียวในช่วง 30 นาทีแรกของครึ่งหลัง


ปืนใหญ่ชนะ 4 นัดรวดแล้ว

แต่ทีมของ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต้ ก็ไม่เฉียบขาดอย่างที่ควรจะเป็น เกมนี้ได้ยิง 10 ครั้งแต่เข้ากรอบครั้งเดียว ขณะที่ อาร์เซน่อล ได้ยิง 8 ครั้ง แต่เข้ากรอบถึง 5 ครั้งและได้ 2 ประตู

ช่วง 15 นาทีท้ายที่ วูล์ฟส์ พยายามบุกมากขึ้นก็เปิดช่องให้ อาร์เซน่อล ได้โจมตีบ้าง การเปลี่ยนสำรองที่เหลือของ อาร์เตต้า ออกมาดี่เยี่ยมทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น โจ วิลล็อค ที่แอสซิสต์ให้ ลากาแซ็ตต์ ยิงฝัง 2-0 รวมถึง ลูคัส ตอร์เรร่า ที่ลงนัดแรกหลังเจ็บไปนานหลายเดือนก็ช่วยไล่บอลแดนกลางแบ่งเบาภาระของ กรานิต ชาก้า  

อาร์เซน่อล เล่นได้ตามแผนที่ มิเกล อาร์เตต้า วางเอาไว้ดีกว่า วูล์ฟแฮมป์ตัน แถมได้ประตูในช่วงเวลาที่ทำให้คู่แข่งท้อใจทั้งท้ายครึ่งแรกและท้ายครึ่งหลัง

ทุกคนมีสมาธิในการเล่นดีมาก ระเบียบวินัยแทบไม่หลุด เล่นอย่างอดทน และรอโอกาสตัวเอง การเข้าบอลคอยซ้อนกันตลอด ช่วยกันเล่น ช่วยกันวิ่ง สะท้อนถึงทีมเวิร์กที่ดีขึ้นตามลำดับ 

ผ่านเกมนี้ได้พร้อม 3 คะแนนสุดล้ำค่า อาร์เซน่อล กลับมามีความหวังในการลุ้นตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง หลังเคยถอดใจไปแล้วใน 2 นัดของรีสตาร์ทที่แพ้ต่อ แมนฯ ซิตี้ และ ไบรท์ตัน

ชัยชนะ 4 นัดรวดและเป็นเกมลีก 3 นัดที่คลีนชีตทั้งหมด ถือเป็นของหายากมากสำหรับยุคนี้ แถมการบุกชนะคู่แข่ง 2 นัดติดแบบไม่เสียประตูครั้งล่าสุดที่ทำได้ก็ต้องย้อนไปในเดือนตุลาคมของปี 2015 นู้นเลย 

เหมือนว่าหลายอย่างกำลังเริ่มเป็นใจให้ อาร์เซน่อล อีกครั้งหลังก่อนหน้านี้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอย่างหนักในช่วงแรกที่พรีเมียร์ลีกกลับมาเตะ 

บูคาโย่ ซาก้า ยิงฉลองสัญญาใหม่ และเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกด้วยวัย 18 ปี 303 วัน 

อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ไม่ยิงประตูเกมลีกนอกบ้านมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว หรือ 17 เดือนเต็ม แต่วันนี้ยิงได้

การได้ 3 คะแนนจากทีมที่มีเป้าหมายเดียวกันก็คือ "6 คะแนนไป-กลับ" ที่มีค่ายิ่งกว่าชัยชนะทั่วไป 

โมเมนตัมแบบนี้คือสิ่งที่แฟนบอล อาร์เซน่อล อยากเห็น และอยากเห็นอีกครั้งในนัดต่อไปที่เจอคู่แข่งโดยตรงอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})