ภาพสะท้อนของฤดูกาลนี้
สิ่งที่ต้องเจอ
ลิเวอร์พูลต้องมาเจอกับเกมรับที่หนาแน่นแบบนี้แทบทั้งฤดูกาลครับ พวกเขาแทบไม่มีหน้าที่อะไรมาก นอกจากจะจัดการกับเกมรับคู่ต่อสู้ให้ได้ ยิ่งได้เร็วยิ่งดี และในเวลาเดียวกัน ก็ต้องจัดการกับเกมสวนกลับของคู่ต่อสู้ให้ได้ด้วย ที่ผ่านมาลิเวอร์พูลทำได้ดีแทบทุกเกมครับ จะมีก็แต่เกมกับวัตฟอร์ดและแมนฯ ซิตี้และเกมที่เสมอกับแมนฯยูแค่นั้น ที่แผนของพวกเขาดูจะไม่ได้ผลเท่าไร นอกนั้นพวกเขาทำได้ดีอย่างสม่ำเสมอมา ในเกมนีั้ที่ต้องมาเจอกับแอสตัน วิลล่าก็เช่นกันครับ ในเกมนี้พวกเขาได้มีการสลับหมุนเวีัยนนักเตะอยุ่หลายตำแหน่ง โดยการจับเอาเฮนโด้ , ไวนัลดุ้ม และ ฟีร์มีโน่พักและให้โอกาสกับ ดิว๊อก โอริกี้ , อเล็กซ์ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ นาบี เกอิต้า มาเป็นตัวจริง ซึ่งสิ่งที่เดอะ ค็อปต้องพบเจอก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกเช่นกัน
สิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูลหรือแฟนบอลทั่วโลกนั้นรับรุ้ มาตลอดฤดูกาลนี้อยู่แล้วครับ ว่า 11 ตัวจริงของผู้เล่นลิเวอร์พูลนั้น กล้าที่จะท้าชนได้กับทุกทีมในเวลานี้อยู่แล้ว (แม้ว่าจะเพิ่งโดนถล่มมา 4-0 ก็เถอะนะ 5555) พวกเขานั้นมีความแข็งแกร่ง เหนียวแน่น และมีพละกำลังที่อยู่ในระดับท๊อปๆ ของยุโรปหรืออาจจะเรียกได้ว่าของโลกในเวลานี้ก็ได้ แต่สิ่งที่หลายๆ คนเห็นว่าลิเวอร์พูลมีปัญหาก็คือ ขุมกำลังสำรองนี่แหละครับ ที่ทำผลงานไดัค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐานของตัวจริงอยู่พอสมควร ในเกมนี้ก็เช่นกันครับ เมื่อพวกเขามีการหมุนเวียนนักเตะ ความแข็งแกร่งที่พวกเขาเคยมีก็ลดระดับลงอย่างน่าใจหาย เกมในแดนกลางที่เป็นหัวใจสำคัญของทีมแต่พอสลับหมุนเวียนผู้เล่น เกมในแดนกลางของพวกเขาก็เดินเครื่องได้ไม่ราบรื่นเหมือนเคย ในเกมนีั้พวกเขาแทบจะสร้างโอกาสยิงประตูแบบจะแจ้งไม่ได้เลยตลอดเวลาในครึ่งแรก
สปีดเกมของพวกเขาช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ความดุดันก็ลดถอยลงไป จนทำให้แฟนๆ ลงความเห็นกันว่าตลอดครึ่งแรกนั้น “แทบหลับ” กันเลยทีเดียว
ผลลัพพ์สุดท้าย
ในฤดูกาลนี้นั้น ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาแค่ไหนก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดลิเวอร์พูลก็สามารถเอาตัวรอดมาได้ตลอดครับ ในเกมนี้ก็ไม่แตกต่างอะไรมาก เจอร์เก้น คล็อปป์นั้น ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการ “ส่งทีมที่ดีที่สุด” ของพวกเขาลงไปจัดการคู่แข่งให้ได้สำเร็จ และสุดท้ายมันก็ได้ผลจริงๆ เสียด้วยสิ เมื่อคล็อปป์นั้นจัดการ ส่งเฮนโด้ , ไวนัลดุ้ม และ ฟีร์มีโน่ ลงสนามไป เกมของพวกเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กัปตันเฮนโด้ลงมาทำหน้าที่กำกับสปีดเกมและเติมความดุดันให้กับแผงกลางได้อย่างคึกคัก ไวนัลดุ้มลงมาครองบอลและนำความนิ่งมาสู่แผงกลาง ส่วนฟีร์มีโน่นั้น เข้ามามีบทบาทอย่างมากในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในสนาม ตั้งแต่คล็อปป์จัดการเปลี่ยนตัวและแก้เกม เกมทั้งหมดก็แทบจะเป็นของลิเวอร์พูลอยู่ข้างเดียวไปเลย มีข้อสังเกตให้เห็นว่าเกมนี้คล็อปป์นั้นให้โอกาส นาบี เกอิต้าได้ลงเล่นแทบตลอดทั้งเกมโดยการเปลี่ยนเอาฟาบินโญ่ ที่เกมนี้จริงๆ ก็ไม่ได้เล่นแย่อะไร แต่กับเกมที่ตื้อๆ ตันๆ แบบนี้ การมีนักเตะที่เน้นเกมรุก ย่อมน่าจะดีกว่านักเตะที่เน้นเกมรับอยู่แล้ว แล้วนาบีเกอิต้าก็ตอบแทนความเชื่อมั่นของคล็อปป์ได้อย่างทันท่วงทีครับ เมื่อเขาเป็นคนแทงบอลถวายพานให้มาเน่ได้ยิงจ่อๆ ตรงเส้น 6 หลากระแทกคานเข้าไปอย่างสวยงาม พอได้ประตูขึ้นนำแบบนี้ก็เท่ากับว่าภาระที่นักเตะได้แบกไว้ตลอดทั้งเกมได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว และเกมนี้ก็เป็นของลิเวอร์พูลไปอย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งที่ต้องพัฒนา
เดากันไม่ยากครับ สิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องทำการพัฒนาในทีมชุดนี้อย่างเร่งด่วน ก็คือขุมกำลังสำรองของพวกเขานั่นเอง แต่ขุมกำลังสำรองของพวกเขานั้น ในช่วงเวลาแบบนี้การซื้อตัวแพงๆ อาจจะไม่ค่อยเหมาะซักเท่าไร ซึ่งตรงนี้ก็ต้องชื่นชมการทำงานของทีมงานลิเวอร์พูลนั่นแหละครับ ที่พวกเขาได้เตรียมการกับเรืิ่องแบบนี้ไว้มากพอสมควรแล้ว พวกเขาลงทุนกับระบบเยาวชนของทีมอย่างเป็นรูปธรรม และทำให้เราได้เห็นนักเตะชุดเยาวชนของทีมหลายๆ คนนั้นดูมีแววที่จะสามารถสอดแทรกชุดใหญ่ได้อยู่หลายคนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น เนโกร วิลเลี่ยม แบ็กขวาดาวรุ่งที่ดูแล้วมีแววที่จะมาซัพพอร์ตในตำแหน่งของเทรนท์ได้ดีเลยทีเดียว หรือ จะเป็นเจ้าจุก ฮาร์วี่ เอลเลียต ที่เทคนิกแพรวพราวเกินอายุไปหลายช่วงตัว หรือแม้แต่ริอาน บริวสเตอร์ที่ปล่อยยืมตัวไปก็สร้างผลงานการยิงประตูได้ไม่เลว และเป็นกองหน้าที่คล็อปป์คาดหวังไว้สูงพอสมควรทีเดียว และคนที่มีแววที่สุดในรุ่นอย่าง เคอร์ติส โจนส์ สเก๊าท์เซอร์หนุ่มน้อย ที่เกมนี้ได้รับโอกาสลงมาในครึ่งหลัง และสามารถยิงประตูได้อย่างสวยสดงดงาม นักเตะท้องถื่นแบบนี้แหละครับ ที่อาจจะก้าวมาเป็นกำลังหลักให้กับทีมได้ในอนาคต เพราะพวกเขานั้นได้ทั้งฝีมือและได้ทั้งหัวใจที่จะมอบให้กับสโมสรเหล่านี้ และพวกเขาอาจจะตอบโจทย์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับปัญหาที่ลิเวอร์พูลมีมาตลอดช่วงระยะเวลาหลังๆ นี่ก็เป็นได้
มาตรฐานของลิเวอร์พูลที่ทำให้เห็นมาตลอดทั้งฤดูกาลนี้นั้น เราเห็นได้ชัดกันอยู่แล้วว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด และเมื่อมาประกอบกับคู่แข่งของพวกเขาหาความสม่ำเสมอไม่ได้อย่างยิ่งในฤดูกาลนี้ (มีอย่างที่ไหนถล่มชุด A ตั้ง 4-0 แต่ดันไปแพ้ชุด B ซะงั้น) นั่นก็ยิ่งส่งผลให้พวกเขานั้นเป็นแชมป์ได้เร็วยิ่งขึ้นแบบที่เห็นนี่แหละ ลิเวอร์พูลนั้นอาจจะยังมีจุดบกพร่องอยู่บ้าง แต่ ณ ปัจจุบันนี้ มาตรฐานของพวกเขายังเหนือกว่าคู่แข่งของเขาอยู่หลายช่วงตัวครับ