:::     :::

ชีวิตที่ไม่สีชมพูของ "ชมพู แสงโพธิ์"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วันจันทร์ปลายฝน ปีมะโรง เขาลืมตาดูโลกในโรงพยาบาล จ.ชลบุรี 1 ในเมืองลูกหนังของไทย

คุณแม่ของเขาชื่นชอบ ยุรนันท์ ภมรมนตรี นักแสดงคนดังในสมัยนั้น ทำให้เขาถูกคุณแม่ตั้งชื่อเล่นตามดาราคนโปรดว่า “แซม”

เขาเริ่มหลงใหลกลิ่นอายลูกหนังตั้งแต่วัยละอ่อน ก่อนมีโอกาสได้เข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมต้นที่ โรงเรียนบ้านบึง จนชีพจรลงตีนเบนเข็มทิศสู่ใจกลางเมืองหลวง เข้ามาเรียนกับวัดสุทธิวราราม

ในสีเสื้อ “สิงห์สะพานปลา” เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว กลายเป็นตัวหลักของโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเล็ก หรือ สนามใหญ่ ผ่านรายการลูกหนังอย่าง แชมป์กีฬา 7 สี จนเป็นใบเบิกทางเข้าสู่การเป็น นักฟุตบอลอาชีพ

การเปลี่ยนสถานะเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่ ศุลกากร ทำให้เจ้าตัวต้องย้ายสถานศึกษาจาก ย่านเจริญกรุง สู่รั้วสุภาพบุรุษน้ำเงินฟ้า ปทุมคงคา ในช่วงปีสุดท้ายของมัธยมปลาย เนื่องจากการเดินทางไปสนามซ้อม “สิงห์นายด่าน” สะดวกโยธินกว่า

กราฟชีวิตเจ้าตัวดีขึ้นต่อเนื่องบนผืนหญ้าสีเขียว เขามีชื่อติดทีมชาติไทยไปทำศึก ชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ประเทศบรูไน จนคว้าแชมป์กลับมา

แต่ด้วยอุตสาหกรรมลูกหนังที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด เคลื่อนไปข้างหน้าตลอดเวลา ทำให้นักฟุตบอลอาชีพต่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลง

จากนั้นชีวิตของเขาพเนจรไปทั่ว ไล่ตั้งแต่ ราชวิถี, ทรู แบงค็อกฯ, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, พีทีที ระยอง, อยุธยา เอฟซี, อ่างทอง เอฟซี, ศรีสะเกษ เอฟซี จนมาถึง สุโขทัย เอฟซี




แม้นักฟุตบอลจะเป็น ดาราที่เข้าถึงง่าย ใช้แรงงานเป็นหลัก ฟันรายได้งดงาม แต่อายุการใช้งานไม่ได้ยืดยาวเสมอไป โดยเฉพาะเขาที่เจอ “ตลกร้าย” นอกสนามเข้ามาเคาะประตูหัวใจหลายหน

เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ถึง 2 หน ในปี 2015 และ 2019

เขาเคยได้รับบาดเจ็บหนักเอ็นเส้นหน้ากับหมอนรองกระดูกพัง แต่ดื้อทนซ้อมต่อจนเป็นห้อเลือด สุดท้ายต้องผ่าตัดและพักยาว

ที่หนักกว่าคือปีกลาย หลังจบไทยลีกฤดูกาล 2019 เขาไม่ได้รับสัญญาฉบับใหม่กับทาง สุโขทัย เอฟซี ทำให้ต้องหอบข้าวของออกจากรัง “ค้างคาวไฟ” หาสถานีลูกหนังแห่งใหม่

แต่จนแล้วจนรอดในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ ก็ยังไม่มีสโมสรใดติดต่อมาหา กลุ่มเพื่อนสนิทที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ต่างช่วยกันเสนอชื่อเขาเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ในทีม เวลานั้นหนุ่มวัย 31 ขอเพียงมีที่ให้เล่นฟุตบอลที่เขาชอบ และเลี้ยงตัวเองได้เป็นพอ ไม่ได้อิดออดว่าต้องเป็นลีกระดับไหน

จนแล้วจนรอดจนออดลูกหนังร้องเตือนถึงเป็นสัญญาณการปิดตลาดนักเตะ เจ้าตัวมีสถานะกลายเป็น “แข้งไร้สังกัด”

เมื่อไม่มีรายได้ ก็ต้องดิ้นรนเพื่อหารายได้ เขาตัดสินใจถอดสตั๊ด มาจับตะหลิว เปิดร้านอาหารตามสั่งเล็ก ๆ อยู่ที่ แยกรื่นฤดี เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อย่างเรียบง่าย มีเพื่อน มีแฟนคลับที่รู้จักมักจี่ แวะมาฮีลหัวใจ อุดหนุน พูดคุยตามประสา




ถึงกระนั้นระหว่างทางที่ “ว่างงาน” หัวใจเจ้าตัวยังอยู่กับฟุตบอลเต็มเปี่ยม เมื่อมีฟุตบอลเดินสาย หรือ เวทีไหนให้ไปเล่นไปเคาะสนิมในจังหวัด เขาจะไปโผล่ให้เห็นเสมอ

ยังไม่นับรวมถึงการรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมสำหรับฟุตบอลอาชีพตลอดเวลา

ช่วงสถานการณ์โควิด ที่ชีวิตเหมือนจะยากกว่าเดิมในการหวนคืนสู่เวทีสีเขียว เขากลับได้รับ “โอกาส” จาก อยุธยา ยูไนเต็ด สโมสรจากไทยลีก 2 หยิบยื่นข้อเสนอมาให้

แม้จะต้องนับหนึ่งใหม่ แต่เชื่อเถอะว่าประสบการณ์ ตลกร้ายลูกหนังที่ผ่านเข้ามาในรายทางชีวิต ได้หล่อหลอมให้แข้งใกล้ 32 รายนี้ แกร่งขึ้นทั้งกายและจิตใจ

วันนี้เขาวางตะหลิว และเตรียมกลับมาสวมสตั๊ดลงวิ่งอีกครั้ง

- ชมพู แสงโพธิ์

 

 

 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด