คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซุปตาร์ เรอัล มาดริด สร้างสถิติใหม่ประดับวงการลูกหนังยุโรปอีกครั้งจากการเป็นผู้เล่นคนแรกที่กระทุ้งประตูในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกตลอด 6 เกม
กองหน้าดาวดังวัย 32 ปีซัดประตูให้ เรอัล มาดริด นำ 2-0 นาที 12 ก่อนทีมชุดขาวจะเปิดรังเชือด ดอร์ทมุนด์ 3-2 ในแมตช์ส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่มเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ซุปตาร์ชาวโปรตุกีสขึ้นชาร์จนำดาวซัลโวรายการนี้เป็นฤดูกาลที่ 6 ติดต่อกันกับผลงาน 9 ประตูในซีซั่นนี้
โรนัลโด้ ยังทำยอดรวมสูงสุดถึง 114 ประตูมากกว่า ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าดาวดังของ บาร์เซโลน่า 17 ประตู
แม้จะทำผลงานฝืดยิงเพียง 2 ประตูบนเวทีลีกา แต่ โรนัลโด้ ยังคงทำผลงานร้อนแรงบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีก แน่นอนว่าซุปตาร์วัย 32 ปีฝันหวานถึงการนำทีมชุดขาวฟาดแชมป์รายการนี้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันด้วย
'หวังว่าเราจะคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง'โรนัลโด้เผย 'สิ่งสำคัญคือการผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ เป้าหมายของเราคือการคว้าแชมป์เปี้ยนส์ลีก ผมแฮปปี้มากๆ เราต้องการปิดฉากรอบแบ่งกลุ่มด้วยชัยชนะและผมทำประตูได้ ผมช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะด้วยประตูที่สวยงาม สถิติก็มีความสำคัญเช่นกัน ผมมีความสุขจริงๆ'
'แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นรายการที่ผมชอบเล่นมาก เห็นได้ชัดว่าผมชื่นชอบการยิงประตูในรายการนั้น'
เรอัล มาดริด จบรอบแบ่งกลุ่มในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เอช ซึ่งทีมของ ซีเนดีน ซีดาน มีโอกาสเผชิญหน้า 6 ทีมในรอบน็อกเอาท์ ยกเว้น สเปอร์ส ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกัน กับ บาร์เซโลน่า สโมสรที่มาจากลีกเดียวกันเท่านั้น
6 คู่ปรับที่มีโอกาสดวลกับแชมป์สองสมัยล่าสุดเป็นไปได้ทั้ง แมนฯยูไนเต็ด (อังกฤษ), ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส), โรม่า (อิตาลี), ลิเวอร์พูล (อังกฤษ), แมนฯซิตี้ (อังกฤษ) กับ เบซิคตัส (ตุรกี)
แน่นอนว่าทั้ง 6 สโมสรข้างต้นคงไม่มีทีมใดปรารถนาที่จะลงชนกับทีมอย่าง เรอัล มาดริด ตั้งแต่รอบ 16 ทีม แม้ว่าทีมชุดขาวของซีดานฟอร์มยังไม่จ๊าบเหมือนปีที่ผ่านมาก็ตาม
ขณะที่ บาร์เซโลน่า ซึ่งจบรอบแบ่งกลุ่มในฐานะแชมป์กลุ่ม ดี มีโอกาสเจอกับ 5 ทีมในรอบน็อกเอาท์ ยกเว้น เซบีย่า กับ เรอัล มาดริด ซึ่งมาจากลีกเดียวกันและ ยูเวนตุส ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
5 สโมสรที่มีโอกาสชนตออย่างทัพอาซูลกราน่าคือ บาเซิ่ล (สวิตเซอร์แลนด์), บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน), ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค (ยูเครน), เชลซี (อังกฤษ) และ ปอร์โต้ (โปรตุเกส) ซึ่งมีเฉพาะทัพเสือใต้กับทีมสิงห์น้ำเงินเท่านั้นที่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เล่นด้วยยากสำหรับบาร์ซ่า
ส่วน เซบีย่า ซึ่งผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม อี เตรียมใจยอมรับสภาพเจอของใหญ่ในรอบ 16 ทีม ยกเว้น ลิเวอร์พูล ซึ่งมาจากกลุ่มเดียวกัน กับ บาร์เซโลน่า สโมสรจากลีกเดียวกันเท่านั้น
ทั้ง สเปอร์ส (อังกฤษ), แมนฯซิตี้ (อังกฤษ), แมนฯยูไนเต็ด (อังกฤษ), โรม่า (อิตาลี), ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) กับ เบซิคตัส (ตุรกี) มีโอกาสเผชิญหน้ากับ เซบีย่า ทั้ง 6 ทีม ซึ่งคงมีเฉพาะเบซิคตัสทีมเดียวที่น่าจะเป็นงานเบาสุดสำหรับทีมเซบียาโน่
ยูฟ่า จะจับสลากประกบคู่แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมในวันจันทร์ที่ 11 ธันวาคมนี้ ซึ่งสื่อเมืองกระทิงประเมินจากสมมติฐานว่า 3 ทีมจากลีกามีโอกาสเผชิญหน้ากับใครมากที่สุด
มันมีความเป็นไปได้สูงที่ทีมอาซูลกราน่าของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ มีโอกาสชนตออย่าง เชลซี ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ตั้งแต่รอบน็อกเอาท์ถึง 40% เนื่องจากทีมสิงห์น้ำเงินมีทางเลือกน้อยมากเพราะไม่มีสิทธิ์เจอ โรม่า จากกลุ่มเดียวกัน รวมถึง 4 สโมสรจากลีกเดียวกันอย่าง แมนฯยูไนเต็ด, แมนฯซิตี้, สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล
นั่นหมายความว่า เชลซี มีเพียง 3 ทางเลือกอย่าง บาร์เซโลน่า, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กับ เบซิคตัส เท่านั้น ซึ่งจากการประเมินของสื่อเมืองกระทิงมองว่าทัพสิงห์น้ำเงินของคอนเต้มีโอกาสเผชิญหน้ากับทีมอาซูลกราน่าถึง 40% ขณะที่ เปแอสเช กับ เบซิคตัส มีโอกาสเท่ากันที่ 30%
ขณะที่ เรอัล มาดริด มีโอกาสที่จะต้องลงบู๊กับทีมใดทีมหนึ่งจากเกาะอังกฤษมากกว่า เปแอสเช หรือ เบซิคตัส ซึ่งมีความเป็นไปได้ 13% แต่ แมนฯยูไนเต็ด, แมนฯซิตี้, ลิเวอร์พูล กับ โรม่า มีโอกาสพบแชมป์สองสมัยล่าสุดใกล้ในเปอร์เซนต์ที่ใกล้เคียงกัน
ส่วนสถานการณ์ของ เซบีย่า แทบจะไม่ต่างจาก เรอัล มาดริด เพราะมีโอกาสไม่มากนักที่จะพบกับ เปแอสเช หรือ เบซิคตัส ซึ่งคู่ปรับในรอบน็อกเอาท์ของทีมเซบียาโน่คล้ายกับทีมชุดขาวแค่เปลี่ยนหน้าจาก ลิเวอร์พูล เป็น สเปอร์ส ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เท่านั้น
แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมนัดแรกมีโปรแกรมลงเล่นในช่วงวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ กับ 20-21 กุมภาพันธ์ ส่วนเกมสองจะมีคิวลงเตะในช่วงวันที่ 6-7 มีนาคม กับ 13-14 มีนาคมศกหน้า
ส่วน 3 สโมสรจากเมืองกระทิงจะลงเผชิญหน้ากับทีมใด เราคงต้องติดตามผลการจับสลากในวันจันทร์นี้
