:::     :::

เนื้อร้ายเริ่มก่อตัว

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,627
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สถิติต่างๆ ที่แฟนๆ ลิเวอร์พูลคาดหวังไว้ในฤดูกาลนี้ ก็แทบจะหลุดลอยไปเกือบทั้งหมดเสียแล้วครับ การปราชัยในครั้งนี้ต่ออาร์เซน่อลในนัดนี้นอกจากจะดับฝันแฟนลิเวอร์พูลไปทั้งหมดแล้ว มันยังทำให้เห็นว่ามีอะไรที่น่าห่วงนอกจากเรื่องสถิติเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องเสียแล้วล่ะ ....




เอานะ!!!
   

          เจอร์เก้น คล็อปป์นั้นอาจจะไม่ได้มีเป้าหมายมุ่งมั่นที่จะทำลายสถิติิอย่างที่มีคนชงให้เขาอยู่ตลอดครับ แต่กระนั้นการจัดทีมของเขาในแต่ละนัดก็เรียกได้ว่า ไม่มีการประมาทอะไรแต่อย่างใด และค่อนข้างเต็มที่ทุกนัดเลยด้วย แม้ว่าได้แชมป์มาแล้วก็ยังจัดชุดใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้เหมือนเดิม แต่ดันเป็นอาร์เซน่อลเสียอีก ที่ดูจะจัดทีมแบบกั๊กๆ มากกว่าด้วยซ้ำ เมื่ออาร์เตต้าจับดาวซัลโว อันดับ 1 ของทีมอย่างโอบาเมยองนั่งเป็นสำรองเสียอย่างนั้น พอเห็นรายชื่อผู้เล่นแบบนี้ประกอบกับฟอร์มล่าสุดของฝั่งปืนใหญ่ ใครๆก็น่าจะคิดตรงกันว่านี่ไม่น่าจะใช่เกมที่หนักหนาอะไรมากสำหรับแชมป์เปี้ยนในเกมนี้

 
          รูปเกมตั้งแต่เริ่มแรกก็เป็นไปอย่างที่ทุกคนคิดกัน เมื่อเกมแทบจะเป็นของฝั่งหงส์แดงอยู่ข้างเดียว ลิเวอร์พูลเดินหน้าบุกตะลุยฝั่งปืนใหญ่เจ้าบ้านอยู่ข้างเดียวและแทบไม่เปิดโอกาสให้ทีมเจ้าบ้านต่อเกมได้เลย ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายที่นวดอยู่พักนึง จนมาได้ประตูนำในจังหวะการประสานงานกันอย่างสวยงามและลงตัว เริ่มจากฟิร์มิโน่ที่จ่ายบอลทะลุไปให้โรเบิร์ตสันตบเข้ากลางให้มาเน่ ชาร์จเข้าไปอย่างสวยงาม ถึงตรงนี้ใครๆ ก็น่าจะคิดแล้วล่ะครับ ว่าเกมนี้ลิเวอร์พูลเล่นสบายแน่ๆ เพราะไม่มีทีท่าว่าฝั่งปืนใหญ่จะเล่นงานอะไรพวกเขาได้เลยแม้แต่น้อย



ฟ้าถล่ม!!


          เกมเป็นไปอย่างที่ทุกคนคาดไว้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นลิเวอร์พูลเดินหน้าครองเกมอยู่ฝั่งเดียว ทางฝั่งปืนใหญ่เองก็ดูไม่กระตือรือร้นอะไรมากมายนัก แต่แล้วฟ้าก็ผ่าลงกลางเกมเปรี้ยงเบ้อเร่อ เมื่อกองหลังอันดับ 1 ของลิเวอร์พูลอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ก่อความผิดพลาดง่ายๆ  เขาโดน รีสส์ เนลสัน พยายามเข้าไปแย่งบอลและมีการเหนี่ยวรั้งกันไว้นิดหน่อย แต่มันไม่มีน้ำหนักพอที่กรรมการจะเป่าฟาลว์ และทำให้ฟาน ไดค์จ่ายบอลน้ำหนักขาดไปเข้าเท้า อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ หลุดเข้าไปแตะหลบ อลีสซง ก่อนยิงด้วยขวาโล่งๆเข้าไปให้ทีมตีเสมอ 1-1 และเป็นโอกาสยิงหนแรกของ อาร์เซน่อล ในเกมนี้อีกด้วย และพอลิเวอร์พูลโดนตีเสมอเข้าไป เหมือนพวกเขาเกิดอาการช๊อคอยู่พอสมควร เกมของพวกเขาสะดุดไปดื้อๆ และไม่ไหลลื่นเหมือนเดิมอีกเลย  และไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องช๊อคอีกเป็นรอบสอง เมื่ออลิสซง เบ็คเกอร์จ่ายบอลพลาดไปโดน อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ฉกบอลได้ก่อนปาดเรียดมาหน้าประตูให้ รีสส์ เนลสันยิงผ่านมือเข้าไปให้ปืนใหญ่นำ 2-1 อย่างสุดช๊อค การที่ทีมที่เหนียวแน่นในเกมรับอย่างลิเวอร์พูลพลาดง่ายๆ ในเกมรับแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่หาดูยากแล้ว แต่กับการที่คนพลาดเป็น 2 คนที่ทีมไว้ใจที่สุดอย่าง ฟาน ไดค์ และ อลิสซง แบบนี้ทำเอาแฟนๆ ช๊อคตาตั้งกันไปเลยทีเดียว 
 


  
ปัญหาของแชมป์   

          ลิเวอร์พูลนั้นพยายามเอาประตูคืนให้ได้  พวกเขาพยายามแก้เกมหลายๆ แบบ ทั้งการส่งนาบี เกอิต้า กับ มินามิโนะลงมา เพื่อหวังเปลี่ยนเกม ก็แล้ว รวมถึงส่งโอริกี้ กับ ชาคิรี่ ที่หายหน้าหายตาไปจากทีมเลยก็ยังทำ นั่นก็ทำให้เห็นว่าคล็อปป์นั้นก็ยังพยายามที่จะเป็นผู้ชนะอยู่ เพียงแต่ว่าหลังจากลิเวอร์พูลโดนนำนั้น พวกเขาไม่นิ่งและเร่งเครื่องไม่ขึ้นเหมือนเมื่อครึ่งฤดูกาลก่อนเลย ที่ไม่ว่าพวกเขาจะเสียเปรียบยังไง ก็ยังหาทางกลับมาได้เสมอ สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ไม่น่าจะมีใครให้คำตอบได้ หลายๆ คนอาจจะชี้ไปที่ว่า เพราะการขาดหายไปของกัปตันเฮนโด้!! ในความเห็นของผมเองก็คิดว่าน่าจะมีส่วนมากพอสมควรเหมือนกัน ก่อนหน้านี้พวกเขามีแรงจูงใจในการคว้าชัยชนะอย่างท่วมท้น เพราะต้องการแชมป์และต้องหนีทีมที่ตามอย่างแมนฯ ซิตี้ให้ได้ไกลที่สุด แต่พอบรรลุเป้าหมายแล้วแบบนี้กับเกมที่แรงจูงใจไม่เยอะแบบนี้ การมีผู้นำที่คอยปลุกเร้ากระตุ้นทีมที่ดีอย่างเฮนโด้ ย่อมที่จะส่งผลพอสมควรอยู่แล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วที่น่าจะเป็นทัศนคติที่ไม่สู้ดีเลยกับทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ เมื่อโฟกัสของพวกเขาเปลี่ยนไป รูปเกมและแรงกระตุ้นต่างๆ ของพวกเขาก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ทำให้เราเห็นว่าหลังจากได้แชมป์ ถ้าในสถานการณ์ที่กดดันหรือเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา เขามักจะกลับสู่เกมแทบไม่ได้เลย  และในเกมนี้ก็เช่นกัน พวกเขาแพ้ไป 2-1 อย่างแทบไม่มีโอกาสลุ้นอะไรมากมายเลยในช่วงครึ่งหลัง  และตรงนี้คล็อปป์อาจจะต้องเก็บไปเป็นการบ้านเพื่อพัฒนาทีมต่อไปในฤดูกาลหน้าให้ได้ ไม่อย่างนั้นทีมอาจจะเจอปัญหาแบบนี้อีกก็เป็นได้



มุมมองใหม่

          ลิเวอร์พูลนั้นไม่มีโอกาสลุ้นสถิติอะไรอีกแล้วในฤดูกาลนี้ อาจจะมีแค่ลุ้นทำลายสถิติแต้มสูงสุดของตัวเองแค่นั้น แต่นั่นอาจจะไม่สำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้คล็อปป์เอง น่าจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการเตรียมความพร้อมไว้สำหรับฤดูกาลหน้ามากกว่า ที่จะลุ้นสถิติอะไรที่เหลิืออยู่ การเก็บตัวหลักไม่ให้มีอาการบาดเจ็บ การทดลองหมุนเวียนผู้เล่น และการลองจับผู้เล่นสลับตำแหน่งเพื่อไว้เป็นตัวเลือกในเวลาฉุกเฉินน่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าตัวเลขบนตารางการแข่งขันไปแล้ว ที่ผ่านๆ มาเราอาจจะมองว่าพวกเขานั้นทำงานอย่างหนักหน่วงและมีสมาธิกับเกมมาเนิ่นนาน การที่พวกเขาจะหลุดโฟกัสไปบ้างก็ไม่น่าจะใช่เรื่องผิดปกติอะไร เราอาจจะคิดว่าลูกทีมของคล็อปป์นั้นเล่นได้ตามคำสั่งของคล็อปป์ราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนโปรแกรมมา แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ดีนั่นแหละครับ ตอนนี้ก็มีความสุขกับ 2 นัดสุดท้ายที่เหลือ และมีความสุขกับถ้วยแชมป์ที่เราสามารถคว้ามาได้ครั้งแรกในรอบ 30 ปีกันเถอะครับ



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด