:::     :::

แรงบันดาลใจ'รอยส์'

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม 2563 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
1,076
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มาร์โค รอยส์ กัปตันทีมเสือเหลืองไม่ก้มหน้ายอมแพ้ต่อโชคชะตาโดยแสดงความมุ่งมั่นในการนำทีมเสือเหลืองโค่นบัลลังก์แชมป์ของ บาเยิร์น มิวนิค ซีซั่นหน้าเพื่อคว้าแชมป์บุนเดสลีกาครั้งแรกของเขากับสโมสร

มาร์โค รอยส์ เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในวงการลูกหนังเยอรมัน มีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับการก้าวขึ้นมาเป็นยอดนักเตะทั้งเรื่อง เทคนิค, เซนส์ฟุตบอล, การผ่านบอลและการจบสกอร์ ทว่าเขากลายเป็นอีกหนึ่งแข้งอาภัพของเวทีลูกหนัง แต่การบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่ามีส่วนพรากความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งไปจากเขา 

รอยส์ ย้ายจาก มึนเช่นกลัดบัค มาค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่อายุ 23 ปีหลังทีมเสือเหลืองคว้าแชมป์บุนเดสลีกาครั้งสุดท้ายในซีซั่น 2011-2012 เขาสร้างชื่อกับสโมสรจนเป็นที่รู้จักก่อน มาริโอ เกิตเซ่ จะแจ้งเกิดด้วยซ้ำ เพียงแต่วาสนาของ รอยส์ ด้อยกว่าแข้งรุ่นน้องเท่านั้น 

เขาทำผลงานโดดเด่นร่วมกับ ดอร์ทมุนด์ ตลอดช่วง 2 ซีซั่นแรก เขาควรเป็นหนึ่งในขุมกำลังของทีมชาติเยอรมันชุดทำศึกฟุตบอลโลกปี 2014 ที่ประเทศบราซิล แต่กลับโชคร้ายบาดเจ็บข้อเท้าจากการลงเล่นเกมอุ่นเครื่องที่ชนะ อาร์เมเนีย 6-1 ก่อนหน้าทัวร์นาเมนต์เพียงไม่กี่วันจนหลุดจากโผของ โยอาคิม เลิฟ 


จากนั้นทีมอินทรีเหล็กของ เลิฟ ฝ่าดงแข้งไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อน เกิตเซ่ จะสวมบทฮีโร่ของชาติทำประตูชัยให้ เยอรมัน เฉือนชนะ อาร์เจนตินา ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 เถลิงบัลลังก์แชมป์โลกสำเร็จ ทว่า รอยส์ ทำได้เพียงนั่งชื่นชมความสำเร็จดังกล่าวหน้าจอโทรทัศน์

รอยส์ หวนคืนสู่ทำเนียบทีมชาติเยอรมันอีกครั้งหลังจากทัวร์นาเมนต์ที่เมืองกาแฟสิ้นสุดไปราว 2 เดือน เขายังเล่นได้ดีกับทั้งสโมสรต้นสังกัดและทีมชาติ และน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของขุมกำลังชุดทำศึกยูโร 2016 ทว่าโชคชะตาเล่นตลกกับเขาอีกครั้งหลังบาดเจ็บโคนขาหนีบจนพลาดการมีส่วนร่วมกับศึกยูโรรอบสุดท้ายที่ประเทศฝรั่งเศส

เขาอดทนรออีก 2 ปีจนกระทั่งมีส่วนร่วมกับทัวร์นาเมนต์ระดับโลกครั้งแรก หลังเป็น 1 ใน 23 ขุนพลทีมชาติเยอรมันชุดทำศึกฟุตบอลโลก 2018 ทว่า เยอรมัน ล้มเหลวแบบหมดท่าแชมป์เก่าหลุดวงโคจรตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มหลังปิดท้ายด้วยการปราชัยแบบช็อกโลกต่อ เกาหลีใต้ 0-2


นั่นคือชะตาชีวิตของ มาร์โค รอยส์ ในนามทีมอินทรีเหล็กที่มีโอกาสรับใช้ชาติเพียง 44 เกม ทำสถิติยิง 13 ประตู ทั้งที่เขาควรมีโอกาสลงเล่นมากกว่านั้นและคู่ควรกับการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาประดับเกียรติยศ แต่วาสนาของเขาไปไม่ถึงจุดนั้น 

ส่วนอาชีพค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ ของ รอยส์ ก็ยังไปไม่สุดทางเช่นเดียวกัน มีเฉพาะช่วง 2 ฤดูกาลแรกเท่านั้นที่เขาสามารถลงเล่นแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ตลอด 6 ซีซั่นที่ผ่านมา อาการบาดเจ็บมักจะแวะเวียนมาหาเขาเป็นประจำจนแทบจะกลายเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว 

แน่นอนว่าการเป็นนักฟุตบอลและมีอาการบาดเจ็บเคียงข้างสม่ำเสมอย่อมไม่ส่งผลดีต่ออาชีพค้าแข้งของพวกเขาเหมือนหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ รอยส์ 

ตลอด 8 ปีที่ค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ เขามีโอกาสลงสนามรวมกันเพียง 266 เกม ยิง 129 ประตู นับเฉพาะเวทีบุนเดสลีกา ลงเล่น 182 เกมจาก 272 นัด กระทุ้ง 91 ประตู 

รอยส์ ประสบความสำเร็จเพียงการคว้าแชมป์รายการปลีกย่อยอย่าง เดเอฟเบ โพคาล ซีซั่น 2016-2017 กับ รายการ เดเอฟแอล ซูเปอร์ คัพ 3 ครั้ง (2013, 2014,  2019) เท่านั้น 


ดอร์ทมุนด์ ทำดีสุดเพียงการคว้ารองแชมป์บุนเดสลีกา 5 ครั้งจาก 8 ซีซั่นที่ บาเยิร์น มิวนิค รับเหมากวาดถาดแชมป์ไปสะสมที่ 'อัลลีอันซ์ อารีน่า' รวมถึงการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่น 2012-2013 ที่อัดทีมเสือเหลืองในรอบชิงชนะเลิศด้วย 

ปัจจุบัน มาร์โค รอยส์ อายุ 31 ปีและเมื่อพิจารณาจากประวัติการบาดเจ็บในอดีต เขาคงจะมีเวลาบนเวทีลูกหนังอีกไม่นานนัก ซึ่งเจ้าตัวตั้งเป้าหมายว่าจะนำ ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์บุนเดสลีกามาประดับบารมีส่งท้ายอาชีพค้าแข้ง 

ความคาดหวังของแนวรุกวัย 31 ปียังมีโอกาสเป็นไปได้ แต่คงไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายสำหรับทีมเสือเหลืองของ มาร์โค รอยส์ เนื่องจาก บาเยิร์น มิวนิค ยังคงเป็นกระดูกชิ้นโตที่เป็นอุปสรรคขัดขวางเส้นทางสู่ความสำเร็ขของกัปตันรอยส์และพลพรรค 

รอยส์ มีทัศนคติที่แข็งแกร่ง เขาไม่เคยก้มหน้ายอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาเชื่อมั่นว่าจะกลับมาดีกว่าเดิมหลังการบาดเจ็บ เขายังหลงรักฟุตบอลและมีแรงบันดาลใจในการนำพลพรรคเสือเหลืองกลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง 


สำหรับแนวรุกวัย 31 ปี กำลังเข้าสู่ซีซั่นที่ 9 กับ ดอร์ทมุนด์ และฤดูกาลที่ 12 บนเวทีบุนเดสลีกา สิ่งเดียวที่ขาดหายไปจากช่วงเวลาของเขากับสโมสรโปรดวัยเด็กนั่นคือถาดแชมป์ลีกเมืองเบียร์ ซึ่งทำได้แค่เสียวตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก่อนจะเสร็จทีมเสือใต้ 

มันเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลว่าทำไมแนวรุกวัย 31 ปี พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองกลับมามีสภาพร่างกายสมบูรณ์อีกครั้งและคาดหวังจะนำทัพเสือเหลืองคว้าแชมป์บุนเดสลีกาเพื่อเติมเต็มความฝันของเขา 

รอยส์ จะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในซีซั่น 2020-2021 หลังโชคร้ายบาดเจ็บระหว่างฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเขากำลังไปได้สวยและมันน่าจะเป็นอีกหนึ่งซีซั่นดีที่สุดของเขาหลังทำ 11 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 19 เกมแรกของฤดูกาล 2019-2020 

ท่ามกลางความทุกข์ทรมานระหว่างการบาดเจ็บก็ยังมีเรื่องดีปลอบประโลมใจ รอยส์ อยู่บ้างหลังการกำเนิดลูกคนแรกของเขาเมื่อปีที่ผ่านมา 


'มันเป็นความสุขเอ่อล้น' รอยส์ กล่าวในฐานะคุณพ่อครั้งแรก 'ผมมีความสุขมาก ถ้าคุณไม่เคยสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ คุณไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อคุณสัมผัสมันเป็นครั้งแรก ตอนที่คุณเห็นเด็กตัวน้อยๆลืมตาดูโลก มันมีความรู้สึกที่ครอบงำคุณอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้เราภูมิใจมากที่ได้เป็นพ่อแม่ มันเป็นความรู้สึกน่าอัศจรรย์ ทุกสิ่งทุกอย่างมันแปลกใหม่มาก'

รอยส์ พร้อมเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางลูกหนังของเขา สนุกกับการเล่นฟุตบอลที่รักและมุ่งมั่นในการนำต้นสังกัดบรรลุเป้าหมายสูงสุด 

'ชัดเจนว่าเป้าหมายหลักของผมคือการคว้าแชมป์ร่วมกับ เบเฟาเบ' รอยส์ ยืนยัน 'ถ้านั่นไม่ใช่สิ่งที่กระตุ้นผม แล้วมันจะมีอะไรอีกล่ะ?'


'และมันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมโดยส่วนตัวและเพื่อให้ทีมสนุกไปกับมัน เพราะคุณจะไม่ประสบความสำเร็จมากนักถ้าหากคุณไม่รู้สึกสนุก ความทนทาน, ความมุ่งมั่นในการฝึกซ้อม, แรงจูงใจและทุกอย่างจะต้องอยู่ที่นั่น แต่สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องสนุกกับการอยู่ในห้องแต่งตัวทุกวัน คุณรู้ว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งในห้องแต่งตัว และคุณรู้ว่าในเวลาอีก 3 หรือ 4 ปี มันจะไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไป ดังนั้นมันจึงสำคัญที่จะเก็บเกี่ยวทุกช่วงเวลาและมีความสุขไปกับมัน'

ช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ช่องว่างระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค กับ ดอร์ทมุนด์ ห่างกันเพียง 2 คะแนน ก่อนทีมเสือใต้จะควบเข้าป้ายโดยทิ้งห่างทีมเสือเหลืองถึง 13 แต้ม นั่นเป็นข้อสงสัยใหญ่ที่ถูกถามมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมาว่า ดอร์ทมุนด์ จะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ตอนจบฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง


สำหรับ มาร์โค รอยส์, ดอร์ทมุนด์ ทำได้แค่ใกล้เคียงกับการคว้าถาดแชมป์บุนเดสลีกาอีกครั้ง แต่สิ่งที่ขาดหายไปของทีมเสือเหลืองคือความสม่ำเสมอ รวมถึงการเผชิญหน้ากับทีมคู่ปรับแย่งแชมป์โดยตรง หลังการปราชัยต่อ บาเยิร์น มิวนิค ที่ 'อัลลีอันซ์ อารีน่า' 0-4 ก่อนถูกทัพเสือใต้บุกมาตะปบถึงถิ่น 'ซิกนาล อีดูน่า ปาร์ค' 1-0 นั่นเป็นสิ่งที่ทีมเสือเหลืองต้องพิสูจน์โดยเฉพาะชิ้นส่วนปริศนาที่ขาดหายไปในการท้าชิงบัลลังก์จากทีมดังแคว้นบาวาเรีย

'ไม่มากนัก มีการคาดการณ์มากมายหากมันเป็นเพราะเรื่องนี้ แต่โดยทั่วไปแล้วคุณจะต้องมีฤดูกาลที่สมบูรณ์แบบ' รอยส์ แสดงความเห็นถึงชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของทีมเสือเหลือง 

'ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลนี้ เราแสดงให้เห็นว่าเรามีความมั่นคงนั้นและผมคิดว่านับตั้งแต่ ลูเซียง (ฟาฟร์) เข้ามา เขามีความคงเส้นคงวานั้นตลอดฤดูกาล แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับการคว้าแชมป์รายการใหญ่ แต่คุณจะเห็นว่าเราใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น'

'สิ่งสำคัญคือการเอาชนะเกมกับ บาเยิร์น ขณะที่พวกเขาเป็นคู่ปรับตัวหลักของพวกเรา' รอยส์ เผย 'เราเล่นได้ดีที่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมในฤดูกาลก่อนหน้านี้ที่เราเป็นฝ่ายชนะ 3-2 แต่เราจะต้องเริ่มต้นชนะเกมที่มิวนิคเพื่อให้โอกาสดีที่สุดสำหรับการคว้าแชมป์ของเรา นั่นเป็นสิ่งที่จะสร้างความแตกต่างและมันสร้างความแตกต่างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา'


สำหรับ รอยส์ มันเป็นโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงให้ ดอร์ทมุนด์ ฐานะเด็กท้องถิ่นที่ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมเสือเหลืองกับแนวคิด'สำนึกรักบ้านเกิด' เขากับภรรยาให้ความช่วยเหลือธุรกิจท้องถิ่นต่อสู้กับความยากลำบากในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส'โควิด-19' และแนวรุกวัย 31 ปียังคงมีบทบาทอย่างมากแม้ว่าวิกฤตในปัจจุบันจะบรรเทาเบาบางแล้วก็ตาม

'หนึ่งในเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมคือวิธีที่เราสนับสนุนโรงละครในดอร์ทมุนด์ พวกเขาพูดว่า 'โอเค คุณกำลังมอบอะไรให้เรา ดังนั้นเราจะตอบแทนบางอย่างกลับคืนมา' ดังนั้นจึงมีทั้งการให้และรับ และตอนนี้พวกเขากำลังสนับสนุนหมู่บ้านเด็กๆในดอร์ทมุนด์ด้วยการจัดแสดงที่นั่น มันเป็นสิ่งที่เราต้องการจะสร้างต่อไปในอนาคต แทนที่จะทำตามขั้นตอนต่างๆและเริ่มต้นโครงการใหม่' 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด