:::     :::

NUMERO 34, แชมป์สมัย 34 ของ เรอัล มาดริด ( PART I)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สิ้นสุดการรอคอยเสียที ในที่สุด เรอัล มาดริด ก็กลับมาคว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้สำเร็จ หลัง 3 ปีที่ว่างเว้น 11 เดือนแห่งการต่อสู้ คงไม่ผิดนักถ้าจะพูดว่านี่คือแชมป์ ลา ลีกา ที่ยากและยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

        สิ้นสุดการรอคอยเสียทีนะครับ มาดริดิสต้าทั้งหลาย ในที่สุด เรอัล มาดริด ก็กลับมาคว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้สำเร็จ

3 ปีที่ว่างเว้น...ใช้เวลาต่อสู้ 11 เดือนเต็ม, ตั้งแต่ 17 สิงหาคม 2019 ถึง 16 กรกฏาคม 2020 คงไม่ผิดนักถ้าจะพูดว่านี่คือแชมป์ ลา ลีกา ที่ยากและยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ทว่า..ก็ "พิเศษสุด" เช่นกัน

………………………

ปฐมบท...การกลับมาของ ซีดาน 

หลังความพ่ายแพ้ 3 เกมติดในรัง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว อันส่งผลให้ เรอัล มาดริด หมดลุ้นแชมป์ทุกรายการ  โดยเฉพาะการโดน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม บุกมาอัดยับ 1-4 จนร่วงตกรอบ แชมเปี้ยนส์ลีก ทุกคนรู้ดีว่าเวลาของ ซานติอาโก้ โซลารี่ หมดลงแล้ว 

รายชื่อของเทรนเนอร์คนดังต่างๆปลิวว่อนไปหมด ทว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ กลับสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการโทรหา ซีเนดีน ซีดาน 

แรกทีเดียว ซีดาน ตอบปฏิเสธ ด้วยมองว่าเขายังไม่พร้อมที่จะกลับมา แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมตอบรับข้อเสนอกลับมารับงานคุม เรอัล มาดริด ในวันที่ 11 มีนาคม 

คำถามง่ายๆก็คือ “ระยะเวลา 9 เดือน มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือ จึงทำให้ ซีดาน เลือกที่จะกลับมานั่งในตำแหน่งเดิมที่เขาเคยตัดสินใจทิ้งออกมา ?”

คราวบอกลา กุนซือฝรั่งเศสให้เหตุผลว่า ทีมต้องการการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ยังคงประสบความสำเร็จต่อไป

“หลังผ่านมา 3 ปี ทีมชุดนี้ต้องการแนวคิดใหม่ รูปแบบการทำงานใหม่ๆ ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจลาออก”  ซีดาน กล่าว ก่อนโบกมือลา ทิ้งสถิติคุมทีมชนะ 104 เกม เสมอ 29 แพ้ 16, ถ้วยแชมป์ 9 ใบ จากโอกาสทั้งหมด 13 ใบ 

………………………


ซีดาน บอกว่าเพื่อให้ยังคงประสบความสำเร็จ ทีมต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม การจากไปของเขามีส่วนในการทุบทำลาย เรอัล มาดริด จนพังยับเยิน แต่นั่นก็อาจเป็นผลดีที่ว่า 

หากไม่ต่ำสุด คงยากที่จะประสบความสำเร็จสูงสุด เรอัล มาดริด เอาตัวรอดจากความล้มเหลวมาหลายปี จากการที่พวกเขาประสบความสำเร็จในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 

มันเหมือนกับว่าเมื่อใดก็ตามที่อะไรๆใน ลา ลีกา เริ่มจะไม่ลงล็อค พวกซูเปอร์สตาร์ในทีมก็จะหันไปทุ่มเทสมาธิให้กับ แชมเปี้ยนส์ลีก 

กุมภาพันธ์ปี 2019 เป๊บ กวาร์ดิโอล่า เปิดประเด็นเรื่องยอดทีมแห่งทศวรรษเอาไว้จนนำมาซึ่งความไม่พอใจต่อ มาดริดิสต้า ทั่วโลกด้วยการยกย่องว่า “บาเยิร์น มิวนิ,บาร์เซโลน่า และ ยูเวนตุส คือยอดทีมแห่งทศวรรษ”

ซานติอาโก้ โซลารี่ ซึ่งตอนนั้นยังนั่งอยู่ในตำแหน่งออกมาวิจารณ์ว่า “นี่เป็นการละเว้นโดยเจตนา” 

โซลารี่ เชื่อว่า เป๊บ เจตนาที่จะไม่พูดถึง เรอัล มาดริด เจ้าของแชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยซ้อน เพื่อเป็นการดิสเครดิต ทว่ากุนซือแมนฯซิตี้ ชี้แจงว่า การที่เขาไม่ยกให้ ‘โลส บลังโกส’ เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีก็เพราะจำนวนแชมป์ ลีกาที่คว้ามาได้

“ลองมองไปที่ทีมอย่าง บาเยิร์น,ยูเวนตุส หรือ บาร์เซโลน่า รอบ 10 หลังมานี้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกอย่างน้อย 6-7 สมัย” 

“ผมหวังว่า โซลารี่ จะเข้าใจคำตอบของผมดีขึ้น” เป๊บ ตบท้าย 

โซลารี่ จะเข้าใจมากขึ้นหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ แต่เชื่อเหลือเกินว่า ซีดาน เข้าใจสิ่งที่ เป๊บ กำลังสื่อ และเชื่อเหลือเกินว่าเขาเองก็คิดเช่นกัน 

แม้จะประสบความสำเร็จในเวทียุโรปอย่างยิ่งใหญ่ สร้างสถิติสำคัญๆมากมาย ทั้งการเป็นเจ้ายุโรปสูงสุด 13 สมัย , เป็นสโมสรแรกและสโมสรเดียวที่ครองแชมป์ได้ 3 สมัยติดต่อกัน หากแต่กว่า 1 ทศวรรษที่ผ่านมา เรอัล มาดริด กลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จกับ ลา ลีกา มากนัก 

นับตั้งแต่ 2009 กระทั่งถึง 2019 กลายเป็น บาร์เซโลน่า ที่ประกาศศักดาครองความยิ่งใหญ่ในสเปนได้มากถึง 7 สมัย , 1 สมัยตกเป็นของ แอต.มาดริด ในฤดูกาล 2013-14 ขณะที่ เรอัล มาดริด ได้แค่ 2 สมัย ซึ่งนี่คือหนึ่งในเหตุผสำคัญที่ทำให้ ซีดาน ตัดสินใจลาออก 

นอกจากขัดแย้งทางความคิดกับ เปเรซ แล้ว การไม่อาจพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้ในปี 2018 ถือเป็นสิ่งที่ ซีดาน เจ็บปวดกับมันมาก  

เจ้าตัวแสดงออกมาตลอดว่าแชมป์ ลา ลีกา นั้นสำคัญมาก ทั้งยังทำได้ยากกว่า แชมเปี้ยส์ลีก เมื่อทำให้ เรอัล มาดริด เป็นแชมป์ของประเทศไม่ได้ เขาจึงโบกมือลา 

ส่วนสาเหตุที่ทำให้กลับมา นอกจากคำโน้มน้าวของ เปเรซ แล้ว โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าการที่ ซีดาน ได้เห็นนักเตะเรอัล มาดริด พบกับความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง สามารถนำมาใช้เป็นแรงผลักดันได้ เมื่อมีแรงผลักดัน ทีมชุดนี้ก็สามารถไปต่อได้ เพราะนักเตะแต่ละคนล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับเวิล์ดคลาส เพียงขาดแค่บางสิ่งที่จะมากระตุ้นพวกเขาให้ตื่นจากหลับใหล 

…………………………

บทบาทของ เปเรซ 

การกลับมาของ ซีดาน ในรอบสอง เห็นได้ชัดว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เปิดโอกาสให้เขาได้ทำทุกอย่างตามใจ ทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับทีม ไม่มีการก้าวก่าย ไม่มีการซื้อนักเตะโดยไม่ปรึกษา ปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การคอนโทรลของ ซีดาน เกือบ 100% 

ว่ากันว่านี่คือเงื่อนไขสำคัญที่ ซีดาน ขอให้ เปเรซ รับปาก หากต้องการให้เขากลับมา ซึ่งเมื่อท่านประธานรับปากแล้ว การรียูเนี่ยนจึงเกิดขึ้น

เหตุที่ เปเรซ ยอมรับเงื่อนไขของ ซีดาน เป็นเพราะเขาได้บทเรียนจากการกระทำของตัวเองแล้ว ซึ่งผลลัพธ์นั้นสาหัสสากรรจ์ทีเดียว มาครั้งนี้ท่านประธานจึงไม่ออกนอก track ยอมซื้อนักเตะตามที่ ซีดาน ต้องการ ยกเว้นแค่ในกรณีของ ปอล ป็อกบา ที่อยู่เหนือความพยายามของเขาจริงๆ 


…………………………

ตลาดซื้อขาย 

ตลาดช่วงซัมเมอร์ 2019 เรอัล มาดริด ได้นักเตะใหม่มาทั้งสิ้น 7 ราย ได้แก่ เอแดน อาซาร์,ลูก้า โยวิช,เอแดร์ มิลิเตา,แฟร์กล็อง เมนดี้,โรดรีโก้ โกเอส,อัลฟอง อาเรโอล่า และ ทาเคฟูส คูโบะ ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 303 ล้านยูโร 

การซื้อถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน 1. เพื่อใช้งานทันที และ 2.เพื่อนาคต ซึ่งก็มีนักเตะอย่าง คูโบะ ถูกส่งไปเล่นกับ เรอัล มายอร์ก้า ขณะที่แข้งที่เหลือถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ หากแต่ในบทบาทตัวหลักจริงๆนั้น มีเพียงแค่ในรายของ อาซาร์ กับ เมนดี้ เท่านั้น 

ถามว่าการซื้อมีส่วนช่วยยกระดับ เรอัล มาดริด ขึ้นหรือไม่ ? มีแน่นอน เพียงแต่ยังไม่ได้โดดเด่นอย่างชัดเจน เช่นความหวังสูงสุดอย่าง อาซาร์ ก็ประสบทั้งปัญหาการปรับตัวและอาการบาดเจ็บเล่นงาน คงมีเพียง เมนดี้ เท่านั้นที่ทำได้ดี และมีส่วนสำคัญในช่วง 10 นัดสุดท้ายของฤดูกาล 


  เจมส์ ลา ลีกา 

(อ่านต่อ PART II เร็วๆนี้)



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด