:::     :::

ภารกิจสุดหินที่เวมบลีย์

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังหมดลุ้นไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าเป็นที่แน่นอนแล้ว โฟกัสทั้งหมดของ อาร์เซน่อล จึงอยู่ที่การลุ้นตั๋วยูโรปา ลีก ทั้งทางตรงในลีกและทางอ้อมในฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ

ในเอฟเอ คัพ อาร์เซน่อล สามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จด้วยการบุกชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และจับสลากพบกระดูกชิ้นโตอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีดีกรีเป็นแชมป์เก่ารายการนี้ ขณะที่อีกคู่เป็น 2 ทีมใหญ่เช่นกันคือ เชลซี ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

บังเอิญอย่างยิ่งที่ 4 ทีมนี้เป็น 4 ทีมที่ครองแชมป์เอฟเอ คัพ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2016, อาร์เซน่อล ในปี 2017, เชลซี ในปี 2018 และ แมนฯ ซิตี้ ในปี 2019

เป็น 4 ทีมที่ต่างมีศักยภาพมากพอสำหรับการคว้าแชมป์ในปีนี้ และหลังจาก ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองด้วยคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งไม่เห็นฝุ่นไปแล้ว อาร์เซน่อล, แมนฯ ซิตี้, เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิ่งเน้นอย่างมากกับการเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ ให้ได้

สถานการณ์ตอนนี้ อาร์เซน่อล เสียเปรียบสุดหากมองในแง่แบกรับ "ความกดดัน" ในการลุ้นคว้าตั๋วยุโรปฤดูกาลให้ได้เพราะ แมนฯ ซิตี้ การันตีการไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าเรียบร้อยแล้ว แถมสามารถอุทธรณ์โทษแบนกับศาลอนุญาโตตุลาการสำเร็จหลังตอนแรกถูก ยูฟ่า ลงดาบห้ามเล่นรายการยุโรป 2 ปีจากความผิดซิกแซกการเงิน ขณะที่ เชลซี กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างการันตีการติดท็อป 5 เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ 

"สิงห์บลูส์" กับ "ผีแดง" อาจติด 4 อันดับแรกของตารางด้วยกันหากทำภารกิจใน 2 นัดสุดท้ายในลีกได้ตามเป้า (เลสเตอร์ ซิตี้ หล่นไปที่ 5) 

แมนฯ ซิตี้, เชลซี และ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เล่นถ้วยยุโรปแน่นอนในฤดูกาลหน้า แต่ อาร์เซน่อล ต้องลุ้นตัวโก่งทั้งในลีกที่ปัจจุบันรั้งอันดับ 9 ของตาราง ห่างจากอันดับ 7 สเปอร์ส 2 คะแนน 

ที่ต้องเทียบกับอันดับ 7 เพราะว่า โควตายูโรปา ลีก ของสโมสรจากพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้าจะมาจากแชมป์ลีก คัพ, แชมป์เอฟเอ คัพ และทีมอันดับ 5 ในตาราง

แต่ฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีก คัพ ไปแล้วและได้ตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก ผ่านอันดับในลีก โควตาทีมแชมป์ลีก คัพ ก็หล่นมาถึงอันดับ 6 ในลีก เท่านั้นไม่พอ หาก แมนฯ ซิตี้, เชลซี หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ โควตาทีมแชมป์เอฟเอ คัพ จะถูกโยกมาให้อันดับ 7 ในลีก 


เจอกันล่าสุด ปืนแตกอีกครั้งเพราะผิดพลาดเอง

สรุปแบบเข้าใจง่ายในมุมของแฟนบอล อาร์เซน่อล คือหากต้องการไปเล่นยูโรปา ลีก ฤดูกาลหน้าจะต้องคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ให้ได้ แต่หากไม่ได้แชมป์เอฟเอ คัพ ก็ต้องจบอันดับ 7 ให้ได้ 

อาร์เซน่อล จะไปถึงตำแหน่งแชมป์เอฟเอ คัพ หรือไม่ ภารกิจสำคัญตรงหน้าในวันเสาร์นี้คือต้องผ่าน แมนฯ ซิตี้ ให้ได้ในรอบรองชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์  

การเจอ "เรือใบสีฟ้า" ในชั่วโมงนี้เป็นงานที่หินโหดอย่างยิ่งสำหรับ "ปืนใหญ่" เพราะคุณภาพทั้งสองทีมต่างกันพอสมควร อีกทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือซิตี้ก็ต้องการคว้าแชมป์บอลถ้วยอีก 2 รายการทั้ง เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้หลังซิวลีก คัพ ไปก่อนหน้านี้เพื่อเป็นการชดเชยการเสียแชมป์พรีเมียร์ลีกให้กับ ลิเวอร์พูล

ในการเจอกัน 7 นัดหลังสุดจากทุกรายการ แมนฯ ซิตี้ กวาดชัยชนะได้ทั้งหมดและยิงนัดละ 3 ประตูได้ถึง 6 นัด รวมแล้วเจาะตาข่าย อาร์เซน่อล 20 ประตู ขณะที่ปืนใหญ่สากกระสุนคืนได้เพียง 2 ประตูเท่านั้น

สถิติตรงนี้คือสิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล ยอมรับตามตราว่า "กังวล" แต่ก็เสริมว่า "หากดูแนวโน้มในรอบปีที่ผ่านมาหรือ 2 ปีหลังสุด คุณย่อมรู้สึกหมดกำลังใจ สิ่งที่ผมต้องการในตอนนี้คือพลังงานที่ส่งถึงผู้เล่นของผม ความเชื่อ และนี่คือ เอฟเอ คัพ ที่เรามีประสบการณ์อย่างมากและเราก็มีความเกี่ยวโยงในประวัติศาสตร์ของรายการ ก็ต้องออกไปลุย"

ประวัติศาสตร์และความสำเร็จในเอฟเอ คัพ คือสิ่ง อาร์เซน่อล สามารถนำมาเป็นแรงกระตุ้นในการลงสนามและขีดเขียนเรื่องราวใหม่เพื่อปลดแอกเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ให้ได้อีกครั้ง

อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ผ่านเข้ามาเล่นในรอบตัดเชือกมากสุด 30 ครั้งเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด และเป็นทีมที่ครองแชมป์มากสุด 13 สมัย โดยที่เป็น 3 สมัยหลังสุดเกิดขึ้นในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา 


อาร์เซน่อล ได้แชมป์เอฟเอ คัพ มากสุด 13 สมัย

เรียกได้ว่าหากนับเฉพาะฟุตบอลถ้วยรายการเก่าแก่ที่สุดในโลกรายการนี้ อาร์เซน่อล เหนือกว่าทุกทีมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมนฯ ซิตี้ ที่ได้แชมป์เพียง 6 สมัย และหากไม่นับยุคเจ้าของทีมคนปัจจุบันที่ได้ไป 2 สมัย แชมป์ครั้งล่าสุดของเรือใบต้องย้อนไปในปี 1969 หรือ 50 ปีที่แล้วเลยทีเดียว 

ก่อนเดินหน้าสู่เวมบลีย์ อาร์เซน่อล เรียกความมั่นใจกลับมาได้ทันเวลาหลังพลิกชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ในเกมลีกล่าสุด ซึ่งแม้รูปเกมจะเป็นรองทีมแชมป์อยู่มาก แต่การได้ชัยชนะที่มาจากความผิดพลาดของหงส์แดงเองก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกทีมของ อาร์เตต้า 

"ในเกมกับ ลิเวอร์พูล เรามีการตอบสนองที่ดีมากๆ หลังเสียประตูไปก่อน มันไม่ง่ายเลยเพราะพวกเขาเป็นทีมที่เหนือกว่า นั่นทำให้ผมมีความสุขอย่างมากกับผลการแข่งขันที่ได้"

"ส่วนในเกมนี้จะแตกต่างออกไปแน่นอน คุณไม่สามารถขึงเกมตลอด 90 นาทีได้ และผมก็ไม่ต้องการเอาแต่ตั้งรับลึกตลอด 90 นาทีเช่นกัน มันจะมีเกมเล็กๆ มากมายกระจายอยู่ในเกมนี้ เราจะมีช่วงเวลาและโอกาสของเราเช่นกัน และคุณรู้ว่าสำคัญมากแค่ไหนที่ต้องตัดสินใจให้ถูกต้องในเกมใหญ่แบบนี้และในรายการนี้ ผมไม่คิดว่าจะเป็นเกมที่คล้ายกัน (กับ ลิเวอร์พูล) แต่ในเรื่องระดับความยากจะสูงมากๆ อีกครั้งแน่นอน" 

อาร์เตต้า จะกลับมาใช้งานตัวหลักเต็มสูบอีกครั้งในเกมวันเสาร์นี้หลังพักบางรายให้เป็นเพียงสำรองในเกมกับ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเป็น ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, ดานี่ เซบายอส และ เอคตอร์ เบเยริน 

ชโคดราน มุสตาฟี่ กับ เซอัด โคลาซินัช เป็นสำรองในเกมกับหงส์แดงเช่นกันแต่ส่วนหนึ่งก็เพราะเล่นผิดพลาดในเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ที่พ่าย สเปอร์ส 1-2 จุดนี้ อาร์เตต้า ต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเรียกทั้งคู่กลับมาหรือยึดเซตล่าสุดที่ใช้ ร็อบ โฮลดิ้ง และ คีแรน เทียร์นี่ย์ เล่นแทน

อาร์เตต้า ยืนยันว่า เมซุต โอซิล สตาร์ดังที่ยังไม่ได้ลงสนามเลยตลอด 8 นัดที่กลับมาเตะหลังรีสตาร์ท หายเจ็บกลับมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม แต่ไม่ฟันธงว่าจะได้ลงเล่นหรือไม่


อาร์เตต้า พร้อมดวลกึ๋นอดีตเจ้านายอีกครั้ง

คาลั่ม แชมเบอร์ส, ปาโบล มารี, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ รวมถึง แบรนด์ เลโน่ จะไม่สามารถช่วยทีมได้เพราะเจ็บยาวทั้งหมด แม้ในรายของ เลโน่ จะฟื้นตัวได้เร็วและสามารถกลับมาวิ่งในสนามซ้อมได้แล้วก็ตาม

เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ กองหน้าดาวรุ่งจะพลาดโอกาสลงเล่นที่เวมบลีย์อย่างน่าเสียดายเพราะเหลือโทษแบนนัดสุดท้าย เช่นเดียวกับ เซดริก โซอาเรส แบ็กขวาทีมชาติโปรตุเกสที่ติดคัพไทหลังเคยลงเล่นเอฟเอ คัพ ให้เซาธ์แฮมป์ตันในฤดูกาลนี้มาแล้ว 

อาร์เตต้า นำทีมดวลฝีเท้าเจ้านายเก่าอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาแล้วในเกมเปิดหัวรีสตาร์ทพรีเมียร์ลีกเมื่อเดือนที่แล้วก่อนพ่ายไปแบบสู้ไม่ได้ 0-3 ในเกมที่มีทั้งความโชคร้ายและเล่นผิดพลาดเอง 

กรานิต ชาก้า กับ ปาโบล มารี บาดเจ็บตั้งแต่ครึ่งแรก ขณะที่ ดาวิด ลุยซ์ ที่ถูกส่งลงแทน มารี ก็ก่อความผิดพลาดแบบ "แฮตทริก" ทั้งสกัดบอลไม่ดีนำไปสู่การเสียประตู ทำเสียจุดโทษ และได้ใบแดงตบท้าย 

ด้วยการแพ้รวดตลอด 7 นัดหลังสุดที่เจอกัน มิเกล อาร์เตต้า รู้ดีว่าจำเป็นต้องมองหาจุดอ่อนของ แมนฯ ซิตี้ ให้ได้เพราะไม่อย่างนั้นอาจลงเอยในแบบที่ผ่านมาและไปไม่ถึงนัดชิงชนะเลิศอย่างที่ต้องการ 

"นั่นคือสิ่งที่เราจะพยายามค้นหาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ซึ่งก็เหมือนทุกทีมนั่นแหละ พวกเขาก็มีจุดอ่อนอยู่บ้าง และสิ่งสำคัญคือการหยุดจุดแข็งที่มีอยู่หลายอย่างของพวกเขาให้ได้ นั่นคือส่วนหนึ่งของการวางแผนการเล่น ไม่ใช่เกี่ยวกับ ซิตี้ หรือคู่แข่งอื่นใดก็ตามที่เราต้องเจอ เราจะเตรียมตัวเหมือนเดิมอยู่ดี" 

อาร์เซน่อล เป็นรอง แมนฯ ซิตี้ หลายช่วงตัว แต่หาก มิเกล อาร์เตต้า สามารถปิดจุดแข็งและหาจุดอ่อนของเรือใบเจอได้ โอกาสทะลุชิงของทีมปืนใหญ่ก็มีไม่น้อยเช่นกัน 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด