:::     :::

บาร์ซ่า..มาถึงจุดนี้ได้ไง (ตอนจบ)

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บทสรุปสุดท้ายกับมหากาพย์สารพันปัญหาที่ฉุดลาก บาร์เซโลน่า จากจุดสูงสุดลงมาพบกับความพ่ายแพ้ที่แสนเจ็บปวดในฤดูกาลนี้

        (ต่อจากตอนที่ 1) 

    จากดราม่าเรื่องลดค่าเหนื่อยซึ่งทำให้ทีมปั่นป่วน ก็มาถึงประเด็นเรื่องของปล่อยตัว อาร์ตู เมโล่ ไปให้กับ ยูเวนตุส ทั้งๆที่ฤดูกาลยังไม่จบ 

กรณีบอร์ดตัดสินใจขาย เมโล่ ให้ ยูเวนตุส นั้น สร้างความมึนงงให้กับสาวกบาร์เซโลนิสต้าทั่วโลก เพราะแรกทีเดียวที่มีข่าว ตัวนักเตะเองก็ออกมายืนยันว่าไม่ต้องการย้าย เนื่องจากอยากสานต่อความสำเร็จให้กับทีม 

“เรื่องราวของผมกับ บาร์เซโลน่า ยังไม่จบ” อาร์ตู เมโล่ ให้สัมถาษณ์สยบข่าวลือเรื่องการย้ายทีม 


อาร์ตู ไม่เคยต้องการย้ายออกจากทีมเลย อีกหนึ่งลักฐานที่ชัดเจนก็คือการไปลงคอร์สเรียนภาษากาตาลัน ซึ่งหากเขาคิดจะย้าย หรืออยากย้ายเพื่อเงินจริง คงไม่ทำเช่นนี้แน่ ทว่าสุดท้ายก็ย้ายจนได้ เพราะเชื่อกันว่าเขาถูกบอร์ดบริหารชุดนี้ บีบให้ย้ายออกไปเพื่อตบแต่งงบดุล 

อาร์ตู ไม่มีทางเลือก เพราะสโมสรยืนยันชัดเจนว่าต้องการขายเขาออกไป อีกทั้ง ยูเวนตุส ก็ยื่นข้อเสนอค่าเหนื่อยให้มากถึง 5 ล้านยูโร ซึ่งมากกว่าที่รับอยู่ เกือบ 2 เท่า 

การถูกบีบทำให้เขาไม่มีทางเลือก และเมื่อการไป ยูเวนตุส ยังได้เงินมากกว่า มิดฟิลด์ที่ได้รับคำยกย่องว่าเป็นร่างอวตารของ ชาบี เอร์นานเดซ จึงตอบรับข้อเสนอนี้ในที่สุด 

การขาย อาร์ตู เพื่อเงิน 72 ล้านยูโร หากจบแค่นี้ก็ยังพอเข้าใจได้ว่าบอร์ดบาร์เซโลน่าต้องการเงินเข้าคลังเพื่อพยุงฐานะทางการเงินจริงๆ แต่สิ่งที่บอร์ดซึ่งนำโดย บาร์โตเมว ทำในเวลาเดียวกันก็คือการซื้อ มิราเลม ปานิช จาก ยูเว่ เข้ามาแทนที่ 

ดีลนี้ป็นอะไรที่เข้าใจได้ยากยิ่ง เพราะ ปานิช มีค่าตัวสูง 60 ล้านยูโร คิดแล้ว บาร์ซ่า ได้กำไรจากส่วนต่างเพียง 12 ล้านยูโร ซึ่งเมื่อดูจากอายุของนักเตะแล้วก็ยิ่งขบคิดไม่เข้าใจ 


ปานิช ค่าตัว 60 ล้านยูโร อายุ 30 ปี แลกกับ อาร์ตู วัย 24 กับเงินส่วนต่าง 12 ล้านยูโร ??? แล้วที่ให้งงเป็นทวีคูณยิ่งขึ้นก็คือ ปานิช มีค่าเหนื่อยที่สูงถึง 7 ล้านยูโร ขณะที่ตอน อาร์ตู อยู่กับทีมเขารับอยู่แค่ 2.5 ล้านยูโรเท่านั้น 

เท่ากับว่ากำไรของ บาร์ซ่า 12 ล้าน ภายใน 1 ปี จะหดเหลือ 5 ล้านทันที 

มองในแง่ของความคุ้มค่า ก็แทบจะไม่เห็น พอหันมามองในแง่ของฟุตบอลบ้าง ยิ่งขบคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่าการเอานักเตะอายุ 24 ที่ฝีเท้าดีมาก ทั้งสไตล์การเล่นยังเข้ากับทีมเป็นอย่างดีไปแลกกับนักเตะอายุ 30 มันจะช่วยให้ทีมพัฒนาขึ้นตรงไหน 

มองไปที่อายุของขุมกำลังชุดปัจจุบันที่ทีมมีอยู่ก็ล้วนแล้วแต่ 30 อัพทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เมสซี่ 33, หลุยส์ ซัวเรซ 33,เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ 32,อีวาน ราคิติช 32,อาร์ตูโร่ วีดัล 33,เคราร์ด ปีเก้ อายุ 33 

เฉพาะแผงกลาง บุสเก็ตส์,ราคิติช,วีดัล 3 คนนี้ อายุ 32-33 ทั้งหมด แต่บอร์ดดันเลือกขายนักเตะอายุ 24 ที่เหนื่อยเพียง 2.5 ล้านออก แล้วเอานักเตะอายุ 30 ปีที่มีค่าเหนื่อย 7 ล้านยูโรเข้ามาแทน 

คิดออกมั๊ยครับว่าอะไรคือเหตุผล  ?????????

ประเด็นนี้ บาร์โตเมว เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเพราะ ปานิช คือนักเตะที่สโมสรตามหามานาน 

????????????? 

แฟนบาร์เซโลน่าเชื่อหรือเปล่า ? ปานิช ไม่ใช่ดาวรุ่งที่เพิ่งมีชื่อ แล้วทำไม บาร์โตเมว ถึงเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ว่าจะเอาเขามาร่วมทีม โดยที่ยอมเสียเปรียบมากมายเช่นนี้ 

ครับ รู้ทั้งรู้ เราต่างก็รู้ดีว่าดีลนี้ บาร์ซ่า ไม่ได้เปรียบอะไรเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่ว่าคนฉลาดอย่าง บาร์โตเมว จะดูไม่ออก ดังนั้นสาเหตุที่เขาตกลงดีลนี้กับ ยูเวนตุส นั่นก็แสดงว่าต้องการบางอย่างซุกซ่อนอยู่

อีกเหตุผลที่ไม่เมคเซนส์เอาซะเลย ก็คือการที่บอร์ดส่ง อาร์ตู ไปเปิดตัวกับ ยูเวนตุส ถึง ตูริน ทั้งๆที่ ลา ลีกา ยังเหลืออีก 6 เกม แถมยังเป็น 6 เกมที่สำคัญเอามากๆด้วย เพราะ พวกเขามีแต้มตามหลัง เรอัล มาดริด แล้ว 2 คะแนน


ไทม์มิ่งบูดเบี้ยวมาก บาร์ซ่า ให้ อาร์ตู บินไปชูเสื้อกับ ยูเว่ ในวันที่ 29 มิถุนายน 1 วันก่อนลงเตะเกมสำคัญกับ แอต.มาดริด อีกทั้งเมื่อกลับมาสโมสรก็ให้ตัวนักเตะลงเล่นกับทีมต่อจนจบฤดูกาล ทำราวกับว่าการบินไป ตูริน นั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร 

แต่นี่คือการย้ายทีม มองในแง่ของสภาพจิตใจ อาร์ตู จะรู้สึกอย่างไรที่ถูกบีบให้ย้ายและให้เพิ่งบินไปชูเสื้อกับทีมเก่า  จากนั้นหนึ่งวันให้กลับมาลงซ้อม และถูกขอให้ลงเล่นต่อจนจบฤดูกาล ???

ครับ 6 เกมสุดท้ายที่เหลือใน ลา ลีกา หลังกลับมาจาก ตูริน,อิตาลี อาร์ตู ไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมเลยแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับที่มิดฟิลด์คนสำคัญอีกคนนึงของทีมอย่าง แฟร้งกี้ เดอ ยองก์ ได้รับบาดเจ็บ นั่นทำให้ บาร์ซ่า พลาดการใช้งานมิดฟิลด์ฝีเท้าดีของทีมไปถึง 2 รายในช่วงเวลาที่กำลังชี้ชะตาแชมป์กับ เรอัล มาดริด 

ประเด็นสุดท้ายของ อาร์ตู ที่ไม่เข้าใจได้เลย บอร์ดบาร์ซ่าตกลงซื้อขายแลกตัวเขากับ ปานิช แต่ทำไมมิดฟิลด์บอสเนียไม่เห็นต้องบินมาชูเสื้อที่ บาร์เซโลน่า เลย...ใครเข้าใจบ้าง ????

ดีลของ อาร์ตู ที่บอร์ดบาร์ซ่าทำอะไรดูผิดกาละเทศะไปหมด เชื่อว่าสร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นภายในห้องแต่งตัวนักเตะบาร์เซโลน่าพอสมควรทีเดียว อย่างน้อยๆพวกเขาก็เสียสมาธิไปกับข่าวการย้ายของเพื่อนร่วมทีมที่ถือว่าเป็นกำลังหลัก 



ทั้งนี้จากปัญหาวุ่นวายที่บอร์ดของ บาร์โตเมว นำเข้าสู่ทีมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นยันจบแล้ว ในแง่ของทีมก็มีปัญหาเช่นกัน การตัดสินใจเปลี่ยนตัวกุนซือกลางฤดูกาล จาก เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ มาเป็น กีเก้ เซเตียน กุนซือวัย 61 ปี ไม่ว่าจะด้วยมุมมองใด แต่ผลที่ได้คือ “ไม่ได้ช่วยให้ทีมดีขึ้น” 

ยุคของ บัลเบร์เด้ ถูกวิจารณ์ว่าสไตล์การเล่นน่าเบื่อ แถมมีปัญหาเรื่องการเล่นนอกบ้าน บวกด้วยผลงานน่าผิดหวังจากฤดูกาลก่อนที่พาทีมตกรอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ลีก (พ่าย ลิเวอร์พูล สุดช็อค และแพ้ บาเลนเซีย ในนัดชิงโกปา เดล เรย์) 

กีเก้ เซเตียน ถูกแต่งตั้งขึ้นทำหน้าที่แทน และคุมทีมลงเล่นเกมแรกที่ คัมป์ นู เมื่อวันที่ 19 มกราคม โดยประเดิมด้วยชัยชนะเหนือ กรานาด้า ที่เหลือ 10 คน 1-0 แต่จากนั้นโดยภาพรวมแล้วไดนามิกของทีมไม่ได้ต่างจากยุคของ บัลเบร์เด้ เลย 

ผลงานเกมเยือนที่เคยถูกมองว่าเป็นจุดอ่อนของทีม พอมาอยู่ในมือของ เซเตียน ก็ยังคงไม่แตกต่างไปจากเดิม 

เซเตียน ประเดิมเกมเยือนแรกของตัวเองด้วยการนำ บาร์ซ่า บุกไปแพ้ บาเลนเซีย ที่ เมสตาย่า 0-2 จากนั้นก็มีความผิดพลาดในการเล่นนอกบ้านเรื่อยมา เช่นพาทีมตกรอบ โกปา เดล เดรย์ ด้วยการแพ้ แอธ.บิลเบา 0-1 ในควอเตอร์ไฟนั่ลที่ ซาน มาเมส, เสมอ นาโปลี 1-1,แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมที่ ซาน เปาโล, บุกแพ้ เรอัล มาดริด ในเกมลา ลีกา ที่ เบร์นาเบว 0-2 , เสมอ เซบีย่า 0-0 ที่ ปิซฆวน, เสมอ เซลต้า บีโก้ 2-2 ที่ บาไลดอส


กับ 3 เกมหลังที่เขียนถึงไปข้างต้น พูดได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ บาร์เซโลน่า เสียแชมป์ลา ลีกา ให้กับ เรอัล มาดริด เพราะมันคือการพลาดให้กับคู่แข่งโดยตรง และ การไม่สามารถเอาชนะในเกมชี้เป็นชี้ตาย

นอกจากนี้แล้วในส่วนของ เซเตียน กับทีมงานโดยเฉพาะในรายของ เอเดร์ ซาราเบีย มือขวาที่หอบหิ้วกันมาก็ดูจะมีปัญหาไม่น้อยกับบรรดาแข้งแกนหลักภายในทีม 


ภาพเหตุการณ์ระหว่าง cooling break ที่ บาไลดอส สะท้อนให้เห็นว่าฟอร์มที่ไม่เปรี้ยงปร้างของ บาร์เซโลน่า ในยุคของ เซเตียน ส่วนนึงมาจากความสัมพันธ์ภายในทีมที่ย่ำแย่ระหว่างนักเตะกับทีมสต๊าฟ

เหตุการณ์วันนั้น ซาราเบีย พยายามที่จะเข้าไปอธิบายแท็คติกการเล่นให้กับนักเตะที่กำลังพักดื่มน้ำ กับคนอื่นๆก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร แต่กับ เมสซี่ เห็นได้ชัดว่าเขาทำท่าเมินเฉยใส่ ซาราเบีย ทำท่าราวกับไม่ได้ยิน และเดินหนีโดยไม่หันมามอง 

และที่ดูแย่ไปกันใหญ่ในสายตาแฟนบอลเมื่อกล้องจับไปที่ เซเตียน ก็พบว่ากุนซือวัย 61 กำลังยืนเกาหัวมองดูเหตุการณ์ที่ว่านี้อย่างอับจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร 


จนสุดท้าย บาร์ซ่า ก็พัง พลาดท่าโดย ฟรีคิกของ ยาโก้ อาสปาส ตีเสมอ 2-2 ในช่วงท้ายเกม ซึ่งภายหลังนั้น หลุยส์ ซัวเรซ ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่านั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญมากๆที่ทำให้ บาร์ซ่า หมดพลังใจและกลับมาไม่ได้เลย

จนท้ายที่สุด บาร์ซ่า ก็พลาดเสียแชมป์ให้ เรอัล มาดริด ครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากครอบครอง

มา 2 ฤดูกาลติดต่อกันในยุคของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ 


สำหรับเกมกีฬา แพ้-ชนะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของ บาร์ซ่า นับเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะส่วนนึงมันมาจากปัญหาที่พวกเขาก่อขึ้นเอง ทั้งจากบอร์ดบริหารที่สะสมแต่ข่าวลือฉาวโฉ่ ทั้งยังตัดสินใจผิดพลาด ทั้งทีมสต๊าฟที่ไม่มีความเข้าใจและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับนักเตะ จนไม่สามารถเค้นฟอร์มที่ดีที่สุดออกมา 

ทั้งหมดทั้งมวลสารพันปัญหานี้ขมวดรวมเป็นเชือกเส้นใหญ่ที่ฉุดลาก บาร์เซโลน่า จากสรวงสวรรค์มาอยู่ในจุดต่ำที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

เจมส์ ลา ลีกา 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด