:::     :::

เส้นทางเดินของ ติโม แวร์เนอร์

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม 2563 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
3,996
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้ายมาร่วมทีมเชลซี อย่างเป็นทางการ

สำหรับ ติโม แวร์เนอร์ ดาวเตะทีมชาติเยอรมัน ที่เข้ามาร่วมถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ด้วยค่าตัวราว 47.5 ล้านปอนด์ กับระยะสัญญายาว 5 ปี ถือเป็นการปาดหน้าลิเวอร์พูล ที่ให้ความสนใจมาโดยตลอดเช่นเดียวกัน 


ดาวเตะวัย 24 ปี ออกมาบอกว่า สาเหตุที่เลือกย้ายซบ "สิงโตน้ำเงินคราม" เพราะว่าเห็นถึงความตั้งใจ และความปรารถนาในการอยากได้เขามาร่วมทีม ค่อนข้างที่จะชัดเจน แน่นอนว่า เขาพร้อมที่จะไล่ล่าความสำเร็จกับสโมสรแห่งนี้แล้วเช่นเดียวกัน 


ช่วงนี้ เราไปดูแง่มุมชีวิตบางส่วนของเขากันหน่อย ตั้งแต่การเติบโตมากับสตุ๊ทการ์ท ลากมาจนถึงการโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมกับแอร์เบ ไลป์ซิก รวมถึงชีวิตนอกสนามของเขาด้วย 

แวร์เนอร์ คือเด็กจากเมืองสตุ๊ทการ์ท กระทั่งปี 2002 เขามีโอกาสเข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสรประจำเมือง นอกจากพรสวรรค์และความสามารถในการไล่ล่าประตูแล้ว เขายังเป็นเด็กที่วิ่งเร็วมาก โดยสถิติบ่งบอกว่า สามารถวิ่งระยะ 100 เมตร ภายในเวลา 11.1 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ เขายังมีมาริโอ โกเมซอดีตแข้งสตุ๊ทการ์ท และทีมชาติเยอรมัน เป็นกองหน้าในดวงใจ


ในวัยเพียงแค่ 17 ปี เขาสามารถสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการเป็นนักเตะอายุน้อยสุด ที่ประเดิมการลงสนาม และยิงประตูให้กับสตุ๊ทการ์ท ชุดใหญ่ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่กองหน้าดาวรุ่ง ทว่าทัพ "ม้าขาว" ทำการเปิดโอกาสให้ลงสนามแข่งอย่างสม่ำเสมอ จนพัฒนาการดีขึ้นตามลำดับ 


แวร์เนอร์ ออกมาย้อนความทรงจำว่า "ย้อนกลับไปเวลานั้น มันเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ผมยังสามารถฝ่าฟันมันไปได้ เรื่องราวที่น่าสนใจคือ ผมได้เซ็นสัญญากับทีมสตุ๊ทการ์ท ก่อนที่ผมจะเรียนจบในระดับไฮสคูลเสียอีก ตอนนั้นผมยังอายุไม่ถึง 17 ปีด้วยซ้ำไป"


"ตอนนั้น ผมมุ่งเน้นไปที่การเล่นฟุตบอลอย่างเต็มที่เขากล่าวต่อ “ขณะที่คุณแม่อยากจะผลักดันให้ผมเรียนหนังสือให้จบด้วย ในตอนแรก ผมไม่คิดว่าจะทำมันได้ เนื่องจากผมเป็นเด็กที่หัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผลสุดท้าย ผมภาคภูมิใจที่ยังกัดฟัน และศึกษาเล่าเรียนจนจบ พร้อมกับก้าวมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพเป็นผลสำเร็จ"


"ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หากไม่ได้เป็นนักฟุตบอลแล้ว ผมจะผันตัวเองไปทำอาชีพอะไร ? ผมจึงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อก้าวมาเป็นนักฟุตบอลให้ได้ การเรียนจบระดับไฮสคูล ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่ามันเป็นเครื่องการันตี ในยามที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น" แวร์เนอร์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของตัวเอง 

กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงปี 2016 แอร์เบ ไลป์ซิก สโมสรที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียงแค่ 7 ปีในช่วงเวลานั้น ตัดสินใจทุ่มเงินจำนวนกว่า 10 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวแวร์เนอร์ มาล่าตาข่าย เพราะมองแล้วว่า ขีดความสามารถของเขา น่าจะพัฒนาต่อไปได้ พร้อมกับเป็นการต่อยอดโครงสร้างของสโมสรให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น 


การย้ายทีมครั้งนั้น ถือว่าเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญ เพราะนี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่ได้มาโลดแล่นในลีกสูงสุดของประเทศ หลังจากไต่มาจากระดับภูมิภาค, ลีกา 3 และลีกา 2 แถมต้องมาฝากความหวังเอาไว้กับดาวเตะที่เพิ่งอายุครบ 20 ปี บางคนมองว่า มันเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงเหมือนกัน โดยเฉพาะในแง่ของการยืนระยะ 


อย่างไรก็ตาม แวร์เนอร์ กลับไม่ทำให้พลพรรค "เดอะ เร้ดบูลล์" ต้องผิดหวัง นอกจากการสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ ที่ลงเล่นในศึกบุนเดสลีกา ครบหลัก 100 และ 200 เกมตามลำดับ พร้อมกันนี้ เขายังเติบโตเกินวัย ด้วยการทำลายแนวรับคู่แข่ง และยิงประตูอย่างถล่มทลายอีกด้วย 


อีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจบอกว่า นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม เขาจองตำแหน่งการเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมทุกฤดูกาล  ฤดูกาลนี้ เขากระหน่ำไปรวม 28 ประตูในบุนเดสลีกา (ในจำนวนนั้น มีจากจุดโทษเพียงแค่ 3 ประตู) พูดง่ายๆคือ เขาเป็นรองดาวซัลโวของลีกสูงสุดเยอรมัน เป็นรองแค่ยอดดาวยิงอย่างโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (34 ประตู) เพียงรายเดียวเท่านั้น 

แม้จะกลายเป็นดาวยิงที่โด่งดัง จนก้าวไปติดทีมชาติเยอรมัน ชุดใหญ่ และเป็นที่ต้องการตัวของบรรดายักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ทว่าเขายังคงเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ และไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย จนถึงวันที่เขาก้าวมาเล่นกับสโมสรที่ใหญ่กว่าอย่างเชลซี ก็ตามที 


แวร์เนอร์ เล่าถึงชีวิตนอกสนาม และอุปนิสัยของเขาว่า "ผมสามารถทำให้แน่ใจได้เลยว่า สองเท้าของผมยังคงติดดินอยู่เสมอ ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำแบบนั้น ผมจะไม่กลายเป็นคนที่แสดงออกถึงความโอหัง และความอวดดี เพียงเพราะผมยิงประตูได้อย่างมากมายหรอก"


"เมื่อผมใช้เวลาร่วมกับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน ผมไม่ใช่นักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงอีกต่อไป" เขาเอ่ยต่อ "สำหรับพวกเขาเหล่านั้น ผมเป็นเพียงลูกชาย และเพื่อนของพวกเขาเหมือนที่เคยเป็นมา ผมเป็นแค่คนธรรมดา หากผมทำอะไรที่ผิดพลาดไป พวกเขาก็จะตักเตือนผมด้วยความหวังดี"


แวร์เนอร์ ทิ้งท้ายถึงความท้าทายบทต่อไป โดยมีศึกพรีเมียร์ลีก เป็นเวทีพิสูจน์ตัวเองว่า "ผมเลือกย้ายมาเชลซี เพราะความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับบอร์ดบริหารของพวกเขา ทำให้เรามีความใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะกับกุนซืออย่างแฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่พร้อมหนุนหลังผมเสมอ พูดง่ายๆคือ สโมสรเห็นคุณค่าในตัวผม"


"แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจเหมือนกัน กับการลาจากสถานที่แห่งความสุขอย่างแอร์เบ ไลป์ซิก สโมสรที่ผมค้าแข้งมานานหลายปี กระนั้น การที่ผมมีโอกาสก้าวหน้าในเส้นทางลูกหนัง ผมควรคว้ามัน โดยฤดูกาลนี้เปรียบเหมือนกับทางแยก นี่คือการจัดสินใจทำในสิ่งใหม่ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผมจะสามารถรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ต่อไป"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด