:::     :::

คุยกับ "ใหญ่ นิลวงษ์" : บทบาทใหม่ในฐานะโค้ชแอนด์เพลเยอร์

วันพุธที่ 05 สิงหาคม 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,249
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สำหรับอาชีพนักเตะ เมื่อเข้าสู่ช่วงบั้นปลายการค้าแข้ง หลายๆ คนมักเบนเข็มมารับงานโค้ช และสำหรับในเมืองไทย ถือว่าไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีใครได้รับความวางใจให้ควบตำแหน่งโค้ชแอนด์เพลเยอร์ ซึ่งนั้นคือบทบาทใหม่ของ ใหญ่ นิลวงษ์ แข้งดังที่ผ่านประสบการณ์กับสโมสรใหญ่ๆ มาแล้วมากมาย ล่าสุดเขาเพิ่งโยกย้ายไปร่วมทัพ นครศรี ยูไนเต็ด แห่งศึกไทยลีก3 โซนใต้ พร้อมกับรับหน้าที่ทั้ง 2 จ๊อบไปพร้อมๆ กัน วันนี้ผมจะพาไปคุยกับ "โค้ชใหญ่" ว่าเขาต้องเผชิญความท้าทายอย่างไรบ้าง กับบทบาทใหม่ในทีม "มังกรแดนใต้"

แมน : สวัสดีครับใหญ่ ไม่รู้ตอนนี้ชินหรือยังกับคำว่า "โค้ชใหญ่" เห็นว่ากำลังพานักเตะ นครศรีฯ ไปเข้าแคมป์เก็บตัวที่ไหนนะครับ

ใหญ่ : ตอนนี้อยู่ อ.ขนอม ครับ ไม่ใช่แคมป์เก็บตัว มันเป็นเหมือนเป็นการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ละลายพฤติกรรมกันครับ อยู่ 2 คืน 3 วัน

แมน : ตอนนี้นักเตะในสควอดมีเท่าไหร่แล้วครับ ประมาณ 30 คนได้หรือยัง

ใหญ่ : ไม่ถึง 30 ครับ ตอนนี้มีประมาณ 25 คน

แมน : ตอนนี้ประมาณ 25 แล้วถ้าถึงเวลาวันแข่งจริงๆ คิดว่าจะมีนักเตะในทีมประมาณเท่าไหร่ครับ

ใหญ่ : น่าจะเพิ่มไม่เกิน 1-2 คน ไม่เต็ม 30 คนครับ เราวางแผนไว้ว่าเลกแรกจะเอาประมาณแค่นี้ก่อน แล้วดูผลงานว่าเลกสองเป็นอย่างไร แล้วเราค่อยเสริมอีกที

แมน : คือนครศรีฯ เนี่ยผมต้องเท้าความก่อนว่าปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงคนทำทีม เปลี่ยนมาเป็นคุณกฤต (ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว) เป็นนายทุนที่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ อายุเพิ่ง 31 เองที่เข้ามาทำทีม แล้วก็มอบหมายให้ โค้ชใหญ่มาเป็นโค้ชแอนด์เพลเยอร์ ทางคุณกฤตเขาได้วางเป้าหมายไว้อย่างไรบ้างครับ ในการให้โค้ชใหญ่คุมทีมปีนี้

ใหญ่ : เป้าหมายก็คืออย่างน้อยๆ เลยคือต้องได้ไปรอบแชมเปี้ยนส์ลีก แล้วถ้าได้ขึ้นชั้นเลยนั่นก็คือเป้าหมายใหญ่ ส่วนเป้าหมายของประธานก็คืออยากให้นักเตะที่เข้ามาในทีมนครศรีฯ สามารถขายออกได้ คือถ้าผ่านทีมนครศรีฯแล้วปุ๊บ ต้องสามารถไปสู่ทีมใหญ่ๆ ได้

แมน : ก็มีทั้งนักเตะประสบการณ์เก๋าๆ อย่าง อิสระพงษ์ ลิละคร ที่ติดทีมชาติมาแล้ว รวมถึงที่เคยติดระดับยู-19 อย่าง "ฟลุ๊ค" พงศกร สาลี มีใครเข้ามาอีกบ้างมั้ยครับที่เคยมีประสบการณ์ระดับสูงๆ มา

ใหญ่ : ก็มียู-19, ยู-21, ยู-23 ก็คือส่วนมากแล้วจะเด็กๆ หมดเลย จะมี 30 ขึ้นประมาณ 2 คนที่เหลือต่ำกว่า 30 หมดเลยครับ

แมน : ก่อนหน้านี้ผมเคยได้ยินข่าวว่าทีมสนใจจะคว้า ลีซอ (ธีรเทพ วิโนทัย) กับ ดัสกร ทองเหลา เข้ามา เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ

ใหญ่ : เรื่องจริง ประธานสนใจจริง แต่เขาไม่มาหรอก (หัวเราะ) คือถามว่าถ้ามาน่ะ ประธานเอาอยู่แล้ว คือสนใจจริงๆ อยากได้จริงๆ แต่มันก็ยังเป็นเรื่องของฟุตบอลน่ะแหละ เพราะว่าเป็นT3 มันก็ไม่ค่อยมีแรงดึงดูดให้นักเตะย้ายเข้ามา

แมน : ผมเคยคุยกับโค้ชใหญ่อยู่ว่า คุณกฤตเข้ามาส่วนใหญ่จะรู้จักเฉพาะนักเตะบิ๊กเนม ระดับชาติ จะเอาระดับนั้นเข้ามาเลย แต่เวลาปฏิบัติจริง มันก็เป็นเรื่องยากที่จะดึงผู้เล่นระดับนั้นเข้ามาเล่นในT3

ใหญ่ : ใช่ครับ ส่วนมากก็จะเอาเด็กๆ น้องๆ ที่เคยผ่าน ยู-19, ยู-21, ยู-23 มา ซึ่งอย่างน้อยเขาเคยผ่านระดับชาติมา นักเตะเหล่านี้สามารถพัฒนาขึ้นไปได้ดีกว่านี้อีก ถึงแม้เขาจะไม่ได้ไปอยู่ทีมใหญ่ แต่ศักยภาพที่เขาเคยผ่านทีมชาติมา แน่นอนว่าเขาคงไม่ได้จับฉลากมาอยู่แล้ว เขาได้ติดทีมชาติเพราะว่าฝีมือเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาอาจจะไปอยู่ไม่ถูกที่ถูกเวลาเท่านั้นเอง

แมน : ตอนนี้คุ้นเคยกับการเป็นโค้ชหรือยังครับ เปลี่ยนแปลงจากเป็นนักบอล มาเป็นโค้ชแอนด์เพลเยอร์ ชีวิตประจำวันต่างๆ ในการอยู่กับทีมฟุตบอลเปลี่ยนแปลงไปเยอะมั้ยครับ 

ใหญ่ : เปลี่ยนครับ เปลี่ยนเยอะมาก ต้องบอกว่าไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปเลย เพราะว่าการเป็นผู้เล่นน่ะเราไปแค่ก่อนเวลาซ้อม สมมติว่าเราซ้อม 5 โมง พอ 4 โมงครึ่งเราถึงสนามแล้ว แต่เราเป็นโค้ชด้วยเราต้องไปก่อนหน้านั้น ไปวางแผนการซ้อม ไปเตรียมอุปกรณ์ไปดูว่าทุกอย่างเรียบร้อยมั้ยกว่าเด็กจะมาซ้อม ซ้อม 5 โมงเงี้ย พอ 3 โมงเราก็ต้องไปถึงสนามแล้ว เราต้องเผื่อเวลาก่อน 2-3 ชั่วโมง แล้วก็เราต้องใช้สมองและร่างกายด้วย เพราะเราเป็นโค้ชแอนด์เพลเยอร์ เราสั่งให้น้องทำ เราก็ต้องทำให้น้องดูด้วย

แมน : คือยังต้องเล่นอยู่ด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่าสั่งได้อย่างเดียว

ใหญ่ : ใช่ ก็คือสั่งด้วย แล้วเราต้องทำให้น้องดูได้ด้วยว่าสิ่งที่เราสั่งไปน่ะ เราสามารถทำได้นะ

แมน : เหมือนแต่ก่อนรับผิดชอบตัวเองอย่างเดียว แต่ตอนนี้ต้องรับผิดชอบคนอื่นด้วย

ใหญ่ : ใช่ อย่างตอนนี้ ประธานสั่งมาว่าพี่ใหญ่เดี๋ยวดูแล ใครต้องมีโปรแกรมเสริม ใครต้องเพิ่มส่วนไหนลดส่วนไหน เราก็ต้องไปทำการบ้านมาว่าต้องทำอะไรบ้าง คือเราไม่ได้รับผิดชอบแค่ตัวเอง เรารับผิดชอบส่วนรวมด้วย เช่นถ้าเราสั่งให้น้องวิ่ง 10 เที่ยว เราก็ต้องวิ่ง 10 เที่ยวกับน้อง ถ้าเราไม่ทำเราสั่งอย่างเดียว เราเป็นโค้ชแอนด์เพลเยอร์ เราก็ต้องลงเล่นด้วย

แมน : แล้วปีนี้ตั้งใจว่าจะลงเล่นแบบเต็มที่เลย ลงทุกนัดเท่าที่ลงได้เลยมั้ยครับ ตอนนี้อายุ 35

ใหญ่ : เต็มที่ครับ ลงทุกแมตช์ที่ลงได้ เพราะเรามีทีมงานอยู่แล้ว เรามี อ.เอ๋ (พงศธร บุญสิงห์) คอยดูแลอยู่ข้างนอกอยู่แล้ว ผมเรียก อ.เอ๋ เพราะว่าตอนนี้ อ.เอ๋ ถือว่าเป็นอาจารย์ของผม เพราะว่า อ.เอ๋ นั่งเป็นประธานเทคนิค ส่วนผมเป็นผู้ฝึกสอน แต่ว่าผมยังไม่มีประสบการณ์เรื่องการคุมทีม สำหรับผมมีประสบการณ์เรื่องฟุตบอลในสนาม ผมก็ไปเรียนรู้กับอาจารย์ว่าการวางแผนการคุมทีมต้องทำอะไรยังไงบ้าง ก็เลยต้องมาศึกษาจากอาจารย์เขาด้วย เพราะว่าอาจารย์เขามีประสบการณ์ในการสอนเด็ก คุมเด็กมามากกว่าเราเยอะ

แมน : โค้ชเอ๋ ก็คือ พงศธร บุญสิงห์ ที่อยู่คุมทีมนครศรีฯ มานานแล้วตั้งแต่บอร์ดบริหารชุดเก่าแล้ว แต่ที่ ใหญ่ มีก็คือไลเซนส์ ตอนนี้ได้ซีไลเซนส์มาแล้ว

ใหญ่ : ใช่ครับ

แมน : คิดว่าทีมไหนในโซนใต้ที่น่ากลัวที่สุดครับ ในการแย่งเลื่อนชั้นขึ้นสู่ T2

ใหญ่ : ก็ใกล้ๆ กันเลยครับ สงขลา ที่ อ.โดนัท (อัคถภรณ์ ชลิตาภรณ์) เป็นโค้ชอยู่ โค้ชโปรไลเซนส์น่ะครับ แล้วก็มี ปัตตานี, นราธิวาส ที่เขาเล่นกันมาประจำ นักเตะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง พวกนี้ทีมเวิร์คจะดีมาก เวลาไปเยือนบ้านเขาก็จะยากหน่อย

แมน : โควตาต่างชาติตอนนี้ครบแล้วใช่มั้ยครับ 3 คนก็คือ กุสตาโว่, โจอี้ และ ลูคัส เป็นชุดเดิมทั้งหมด แล้วก็มีผู้เล่นไทยที่มีประสบการณ์เข้ามา เพื่อเป้าหมายในการเลื่อนชั้น

ใหญ่ : ก็มีเพิ่มพวกเก๋าๆ เข้ามาช่วยพวกเด็กๆ ที่สดๆ มาช่วยกันครับ

แมน : ตอนนี้เสื้อมี "ไอ้ไข่ วัดเจดีย์" มาอยู่บนหน้าอก จะมีการไปบนอะไรกับ "ไอ้ไข่" มั้ยในการเล่นปีนี้ เป็นความเชื่อแบบไทยๆ 

ใหญ่ : มีอยู่แล้วครับ ก็ต้องมีอยู่แล้ว เพราะว่าเป็นความเชื่อของคนไทย และก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองนครศรีฯ แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเราด้วย

แมน : คิดยังไงกับการที่ปีนี้ T3 จะไม่มีการตกชั้น จะส่งผลให้นักเตะอาจจะต้องตกงานกันเยอะเลย เพราะแต่ละทีมอาจจะลดการจ้างนักเตะได้ โค้ชใหญ่คิดยังไงบ้างกับการแข่งแบบไม่มีตกชั้น

ใหญ่ : คือเราต้องเห็นใจคนทำทีม แล้วก็ต้องทำความเข้าใจ ถ้ามันไม่มีการตกชั้น ผมว่าการแข่งขันมันไม่เข้มข้นอะ ผมมองว่ามันก็เป็นส่วนดีของทีมในปีนี้นะ เพราะปีหน้าได้มาเริ่มกันใหม่ แต่ผมว่าความสนุกของลีกมันจะลดลง 

แมน : มันจะเป็นการพิสูจน์ถึงความเป็นมืออาชีพของแต่ละทีมเลย เพราะว่าการไม่มีทีมตกชั้นเนี่ย พอช่วงปลายซีซั่นที่จะต้องแย่งกันเพื่อเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อจะหาแชมป์รองแชมป์เนี่ย เดี๋ยวมันจะมีข้อครหาได้เวลาเจอทีมที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว

ใหญ่ : เหมือนแจกแต้ม แล้วการล็อกผลมันจะเกิดขึ้นมาด้วย 

แมน : ถึงอาจจะมีจริงหรือไม่มีจริง แต่คนก็ต้องเกิดความรู้สึกใจว่าเฮ้ยทำไมทีมนี้แพ้ทีมนั้น แล้วทีมนั้นได้ขึ้นอะไรอย่างเนี้ย มันคงต้องเกิดอยู่แล้วแหละ ยังไงก็คงต้องหาทางออกที่น่าจะวิน-วินกันทุกฝ่ายที่สุด แต่มันคงไม่วินทุกฝ่ายหรอก มันต้องมีฝ่ายเจ็บฝ่ายเสียอยู่แหละ ในปีที่แปลกแบบนี้

ใหญ่ : มันมีอยู่แล้วครับ แต่ก็เป็นข้อได้เปรียบของทีมที่พร้อมนะ อาจจะง่ายขึ้นกับการลุ้นเลื่อนชั้น แต่ก็น่าเห็นใจกับทีมที่เขาไม่พร้อม น่าเห็นใจกับน้องๆ ที่มีแน่ๆ น้องๆ นักบอลหลายคนจะตกงานแน่ๆ 

แมน : เด็กท้องถิ่นที่ไปคัดตัว มีโอกาสเซ็นมั้ยครับ

ใหญ่ : มีครับมี เพราะว่าเรามีโควตาให้ 3 คนให้เด็กในท้องถิ่น ตอนนี้เราคัดมา 7 คนเพื่อมาซ้อม มาอุ่นเครื่อง มาลงทีม เพื่อดูว่าใครพอไปได้ก็เซ็นไว้ แต่ถ้าไม่ได้หมดเลยก็คือไม่ได้ ถ้าได้มากกว่านั้นก็พร้อมเซ็นครับ

แมน : ดูมีแววมั้ยครับ

ใหญ่ : มีครับ พอมี ตอนนี้น้องๆ เพิ่งเริ่มเข้ามา ยังไม่ค่อยกล้าเล่นกันเท่าไหร่ ยังอยู่ในช่วงการปรับตัวของเขา

แมน : การเข้ามาสู่ระบบบอลอาชีพ มันก็อีกสเต็ปนึงเนอะ เพราะบางคนอาจจะเก่งในบอลเด็กหรือบอลเดินสายมาก่อน

ใหญ่ : มันไม่เหมือนกันบอลอาชีพกับบอลเดินสาย บอลเดินสายนึกจะวิ่งก็วิ่งจะเดินก็เดิน แต่บอลอาชีพมันไม่ใช่ มันต้องอยู่ในระเบียบอยู่ในเวลา ทำอะไรต้องมีกฎบังคับ ส่วนมากพวกนี้จะอยู่ไม่ค่อยได้เพราะว่าไลฟ์สไตล์เขาชิลๆ

แมน : โค้ชใหญ่เอง ก่อนที่จะมาเป็นโค้ชแอนด์เพลเยอร์เนี่ย เคยสอนเด็กหรือว่ามีคุมทีมไม่ว่าจะเป็นอเมเจอร์หรือทีมเดินสายอะไรมาก่อนบ้างมั้ยครับ

ใหญ่ : ไม่มีครับ ก็มีแค่ช่วงกลับบ้านไปสอนเด็กๆ เตะบอลที่หมู้บ้านของตัวเองที่กาญจนบุรี แค่นั้นเองครับ

แมน : ที่ผมตั้งคำถามนี้เพราะว่าคือคนที่ทำบอลเด็กก็จะแบบนึงไปเลย การบริหารจัดการก็เหมือนต้องเป็นผู้ปกครองไปด้วย แต่การทำทีมสโมสรที่เป็นอาชีพมันก็จะมีจัดการอีกแบบนึงในการทำงานกับผู้ใหญ่ แต่ถ้ากับการทำงานในT3 เนี่ย เท่าที่ผมได้ทราบมาจากคนที่ผมรู้จักกับโค้ชกับคนทำทีมสโมสรใน T3, T4 เนี่ย ปัญหานึงเลยก็คือนักเตะบางส่วนยังไม่เป็นมืออาชีพ ยังมีปัญหาส่วนตัวเยอะมาก เรื่องเที่ยว, เรื่องดื่ม, เรื่องผู้หญิง, เรื่องวินัย  อันนี้พอโค้ชใหญ่มาทำปั๊บ จะต้องจัดการยังไงกับปัญหาเหล่านี้ครับ

ใหญ่ : คือผมมาถึงก็บอกน้องๆ เลยครับว่าทีมของเรากำลังพัฒนาตัวเองไปสู่ทีมอาชีพ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องทำตัวเองให้เป็นมืออาชีพด้วย แล้วก็เรื่องนอกสนามบริหารให้ดี ถ้าคุณไม่ดีปุ๊บ ทีมพร้อมที่จะตัดออก ก็คือเรายื่นคำขาดไปแล้วว่าถ้าไม่พร้อมก็ตัดออก 

แมน : ผู้บริหารให้ดาบมาแล้ว ว่าถ้าคนไหนความประพฤติไม่ดีตัดทิ้งได้เลย ไม่มีการฝืน

ใหญ่ : ตัดทิ้งได้เลย ไม่ฝืน ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ จะเป็นทีมชาติ อดีตทีมชาติ คือถ้ามาอยู่ร่วมกันแล้วต้องเชื่อฟัง

แมน : คนที่เป็นรุ่นพี่ล่ะ พวกที่เข้ามา ที่เป็นอดีตทีมชาติ หรือที่อายุ 30 กว่าแล้ว ต้องมาเป็นพี่ คอยเป็นตัวอย่างอะไรด้วยมั้ย ที่ทางโค้ชใหญ่ฝากไว้

ใหญ่ : ใช่ครับ ใช่ๆ คืออย่างตัวผมเองก็พยายามทำเป็นตัวอย่างให้น้องดู อย่าง ทวน (อิสระพงษ์ ลิละคร), โซ่ (สกลวัชร์ สกลหล้า) อย่างเนี้ย ก็พยายามบอกว่าเรามาเป็นตัวอย่างให้น้องนะ ทำตัวอย่างให้น้องดู ว่ามืออาชีพเขาซ้อมบอลกันยังไง เขาทำกันยังไง เพราะเราเคยผ่านสโมสรระดับใหญ่ๆ มา ผ่านระดับชาติมา แล้วน้องก็จะซึมซับและทำตาม อย่างเนี่ยเห็นได้ชัดเลย คนที่อยู่ปีที่ผ่านมา กับมาถึงในปีนี้ คนในทีมเขาเห็นความเปลี่ยนแปลง ปีที่แล้วไม่ค่อยตั้งใจ ปีนี้ทุกคนเปลี่ยนไปเยอะ ตั้งใจมาก คือผมเอาประสบการณ์เนี่ยแหละที่อยู่หลายๆ ที่มา ตอนเป็นนักเตะ มาใช้กับงานโค้ช ผมเอาข้อดีระหว่างที่ผมอยู่กับทีมต่างๆ มารวมกัน เอามาปรับใช้ ตอนนี้อะไรที่เอามาปรับใช้ได้ก็เอามาใช้ก่อน อะไรยังตึงมากก็ยังไม่ใช้ รอให้มันเป็นอาชีพมากกว่านี้อีกนิดนึงก่อน เพราะถ้ามันตึงไปมันก็จะขาด น้องๆ เด็กๆ เดี๋ยวมันจะออกนอกลู่นอกทาง ถ้าหย่อนเกินไปมันก็จะไม่มีระเบียบวินัย

แมน : มีคำนึงที่โค้ชต่างประเทศเขาพูดไว้ว่าถ้าจะทำให้นักบอลศรัทธาและเชื่อฟัง มันต้องเริ่มต้นจากการชนะ พอชนะในเกมปั๊บทุกอย่างจะมาเอง แท็กติกที่บอกไปนักเตะก็จะเชื่อ บรรยากาศในห้องแต่งตัวมันก็จะมาเอง แต่ถ้าเริ่มต้นแล้วผลงานเกิดไม่ดีขึ้นมา สั่งยังไงก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันต้องเริ่มต้นจากผลงานในสนาม

ใหญ่ : ใช่ครับ ผมโชคดีอย่างนึงที่น้องๆ ให้ความเคารพ น้องๆ ให้เกียรติ ด้วยที่เราอายุเยอะแล้วก็ผ่านประสบการณ์มาเยอะ ก็พอมีชื่อเสียงให้น้องๆ เกรงใจบ้าง เด็กๆ เขาตั้งใจกันดีแล้วก็ให้เกียรติเรา เราก็จะพยายามดูแลน้องๆ ให้ดีที่สุด 

แมน : มีโค้ชในดวงใจ เป็นแม่แบบในการทำงานของตัวเองมั้ยครับ

ใหญ่ : พี่เตี้ย (สะสม พบประเสริฐ) ครับ

แมน : ชอบอะไรในความเป็นโค้ชเตี้ยครับ

ใหญ่ : ชอบความเป็นมืออาชีพ แล้วก็จิตวิทยาในการคุยกับน้องๆ เขาจะมีคำพูดอะไรก็แล้วแต่ที่จะมากระตุ้นเราได้ตลอดเวลา อย่างผมจำได้เลยแมตช์ที่ผมย้ายไปท่าเรือใหม่ๆ แมตช์นั้นเล่นเอเอฟซี คัพ ในบ้านที่สนามศุภชลาศัย วันนั้นผมลงตัวจริง แกเดินมาแตะไหล่แล้วบอกว่า "มึงรู้เปล่าว่ากูดึงมึงมาท่าเรือเพราะอะไร... เพราะว่ามึงมีดีไง" ตบไหล่แล้วก็เดินลงไปในสนาม

แมน : โห ค่าพลังสภาพจิตใจขึ้นปรู๊ดเลย ก็แสดงให้เห็นว่ามีความเชื่อมั่น คำพูดนิดๆหน่อยๆ มันอาจจะทำให้ผลงานในสนามมันดีขึ้นมาเลยนะ

ใหญ่ : ใช่ พุ่งปรู๊ดเลย คือมันทำให้สภาพจิตใจเราดีขึ้น พอสภาพจิตใจเราดีขึ้น ความมั่นใจเราก็เพิ่มขึ้่น แล้วเราจะทำได้ดีขึ้น

แมน : พี่เตี้ยเขาได้รับฉายาว่า มูรินโญ่เมืองไทย โค้ชใหญ่จะมาแนวแบบมูรินโญ่มั้ยครับ อาจจะต้องมีคำพูดกระตุ้นนักบอลหน่อย

ใหญ่ : อาจจะมีคุยกับน้องๆ นิดนึง ส่วนมากผมอยากจะให้น้องๆ มาซ้อมบอลด้วยความสุขมากกว่า อยากให้ทุกคนมาสนามบอลด้วยความสุข มาเล่นบอลแล้วเอนจอยมากกว่า ผมเป็นนักฟุตบอลผมรู้ไงว่าถ้าเรามาสนามบอลด้วยอารมณ์เซ็งๆ อะไรอย่างเนี้ย ด้วยอารมณ์ที่ไม่อยากซ้อมบอล เราจะไม่พัฒนาตัวเอง แล้วเราจะย่ำอยู่กับที่ ผลงานในสนามมันก็จะไม่ดี ยิ่งเป็นตัวสำรองอยู่แล้วไม่ค่อยได้รับโอกาส ยิ่งมาสนามแบบไม่สนุกมันก็ยิ่งทำให้ผลงานส่วนตัวแย่ลงไป ก็เลยอยากทำให้น้องๆ สนุกในการซ้อม

แมน : ทางประธานได้ตั้งเป้าไว้มั้ยครับว่า 5 นัดแรกต้องมีผลงานออกมาเป็นอย่างไร ต้องประมาณไหน

ใหญ่ : ประมาณที่คุยกับ อ.เอ๋ ไว้ก็ประมาณ 5 นัดต้องได้ไม่ต่ำกว่า 10 แต้ม อย่างต่ำต้องชนะ 3

แมน : ไม่ชวนพี่ชายมาเล่นด้วยกันหรอครับ สมภพ นิลวงษ์

ใหญ่ : โอ๊ย พี่วัง (ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล) ไม่ยอมให้มาหรอกครับ เดี๋ยวไม่มีคนช่วยล้างจานที่บ้านเค้า 555

แมน : แล้วเป้าหมายของตัวเองล่ะครับ หลังจากนี้พอทำทีมเป็นโค้ชปีแรกแล้ว ต่อไปมองอนาคตของตัวเองไว้ยังไงกับการทำอาชีพโค้ช จะเล่นฟุตบอลต่อไปนานแค่ไหน

ใหญ่ : ก็คืออยากจะเล่นเท่าที่สภาพร่างกายยังไหว ก็คือจะเป็นโค้ชแอนด์เพลเยอร์ แต่อาจจะปรับมาเป็นโค้ชซะส่วนมากแล้วลดแมตช์ของตัวเองลง เท่าที่สภาพร่างกายตัวเองยังไง แต่ก็จะแขวนสตั๊ดกับนครศรีฯเนี่ยแหละ

แมน : มีเหตุผลมั้ยครับว่าทำไมถึงจะแขวนสตั๊ดที่นครศรีฯ

ใหญ่ : ผมได้คุยกับประธานว่าเห็นแนวทางแล้วก็ความตั้งใจของท่านประธานว่าตั้งใจจะทำทีมฟุตบอลนครศรีฯให้ไปในลีกสูงสุด เราก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของนครศรีฯ ว่าเราอยู่ในส่วนหนึ่งของการพาทีมนครศรีฯไปในลีกสูงสุด ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งไหน เราอยากอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ตรงนี้ครับ ท่านประธานให้โอกาสเราทำงานโค้ช เราก็อยากจะตอบแทนไปเรื่อยๆ ครับ

แมน : ตอนนี้รูปแบบการเล่นชัดเจนหรือยังครับ ไม่ต้องอธิบายเรื่องแท็กติกหรอก มันอาจจะเป็นความลับภายในทีม เอาเป็นว่าเห็นแนวทางการเล่นของทีมแล้วหรือยังจากตัวผู้เล่นที่มี เน้นบุกหรือเปล่าหรืออะไรยังไง

ใหญ่ : เอนเตอร์เทนแน่นอนครับ รับรองว่ามาดูบอลนครศรีฯในบ้านเอนเตอร์เทนแน่นอน เพราะผมเป็นนักเตะเกมรุกอยู่แล้ว เล่นบอลสนุกเอนเตอร์เทนอยู่แล้ว

แมน : คำถามสุดท้ายแล้วนะครับ ตอนนี้ได้ ซี ไลเซ่นส์ แล้ว วางแผนจะอบรมต่อไปถึงโปรไลเซนส์เลยมั้ยครับ ในการทำอาชีพโค้ช

ใหญ่ : โปรยังเป็นเรื่องของอนาคตผมไม่แน่ใจ แต่ประธานบอกว่าถ้าผมพาทีมเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีก เขาจะให้ผมไปเรียน บี ต่อ 

แมน : คือทางประธานจะออกทุนให้หรอครับ

ใหญ่ : ใช่ครับ มีสัญญาไว้ ผมกะว่าเอาถึง เอ ก่อน แล้วโปรค่อยว่ากันทีหลังว่าเรามีทุนรึเปล่า เพราะว่าเรียนโปรเราต้องมีทีมคุมตอนระหว่างเรียน แต่ผมตั้งใจว่าผมจะไปให้ถึงเอก่อน 

แมน : เดี๋ยวคงได้เห็นผลงานกันนะครับ ตามโปรแกรมก็คือ T3จะเตะในช่วงเดือนตุลาคม ยังไงวันนี้ขอบคุณมากนะครับ ที่มาร่วมพูดคุยกัน

ใหญ่ : ใช่ครับ นี่เราก็รออยู่เหมือนกัน ขอบคุณพี่ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด