Tactical Analysis : สิ่งที่เสียไปจากการขาดหายของแบ็คตัวจริง
ประเด็นในวันนี้พูดถึงการขาดหายไปของลุค ชอว์ ในช่วงท้ายของการชิงชัยศึกพรีเมียร์ลีก ที่สุดท้ายแล้วแมนยูไนเต็ดก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จด้วยการประคองเก็บผลการแข่งขันที่ดีได้ในยามที่ขาดเขาไปช่วงสุดท้าย (แต่เอาจริงๆแล้วหลายๆคนน่าจะเห็นว่าฟอร์มทีมเราเป็นยังไงตอนไม่มีเขา)
ในรายของลุค ชอว์นั้น มุมมองของแฟนผีที่มีต่อเขาก็ถือว่าค่อนข้างเสียงแตก มีจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่พอใจการเล่นของชอว์โดยมองแต่ที่สถิติว่าทำไมแอสซิสต์ไม่ได้(ดูแต่ตัวเลขแต่ไม่ดูประโยชน์ต่อทีมในองค์รวม) ในขณะที่แฟนอีกส่วนก็มองเห็นข้อดีในตัวเขาและรักนักเตะคนนี้เช่นกัน
ในช่วงต้นซีซั่นการขาดหายไปของเขาถูกแทนที่อย่างกะทันหันด้วยเด็กจากชุดเยาวชนอย่าง Brandon Williams ซึ่งเจ้าหนูรายนี้ก็สร้างผลงานได้น่าประทับใจอย่างยิ่ง และเมื่อชอว์พร้อมที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลายๆความเห็นคิดว่าวิลเลียมส์นั้นควรจะยึดตัวจริงจากชอว์ได้แล้ว
แม้ว่าลุค ชอว์จะโชว์ผลงานที่ดีที่สุดในสีเสื้อแมนยูไนเต็ดช่วงครึ่งหลังของซีซั่นมากยังไงก็ตาม แต่ก็ยังคงมีความเห็นที่เรทวิลเลียมส์ให้สูงกว่าชอว์อยู่ซึ่งนั่นดูจะเร็วเกินไปที่จะตัดสินเช่นนั้น เป็นเพราะว่า แมนยูไนเต็ดต้องเล่นสามเกมสุดท้ายโดยปราศจากชอว์ที่เจ็บข้อเท้าออกไปในเกมกับเซาท์แธมป์ตัน และจะได้ดูฟอร์มเจ้าหนูคนนี้เต็มๆ
จากสามเกมที่ชอว์หายไปมันทำให้หลายๆคนได้สัมผัสและรับรู้ว่า
1.แมนยูไนเต็ดพึ่งพาการเล่นของชอว์มากเพียงใด
2.แบรนดอน วิลเลียมส์ ณ ปัจจุบัน ยังไม่สามารถเล่นแบ็คซ้ายได้ในระบบนี้
ในยามที่โดนสวนมา วิลเลียมส์ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยลอยหลุดตำแหน่งให้เห็นเลย positioningถือว่าดีมาก
ปัญหาหลักๆที่ใหญ่ที่สุดของเจ้าหนูคนนี้ก็คือการที่เขาเล่นเท้าขวานี่แหละ เพราะระบบปัจจุบันของยูไนเต็ดนั้นต้องการ "แบ็คซ้ายที่เล่นเท้าซ้าย"
กล่าวคือ ระบบตอนนี้ของแมนยูนั้นขึ้นอยู่กับการดันเกมบุกขึ้นสูงของตำแหน่งฟูลแบ็คค่อนข้างมาก ลำพังโดยตำแหน่งแบ็คของเรานั้นอาจจะไม่ได้ถึงกับต้องแบกอะไรทุกอย่างเอาไว้ด้วยตัวเองคนเดียว
แต่ฟูลแบ็คของเราเป็นเหมือน"ฟันเฟืองของเกมรุก"
หากถอดฟันเฟืองออก กลไกการทำงานมันก็ขัดข้องอย่างที่เห็น
เรื่องนี้เอาจริงๆก็ย้อนไปถึงคำกล่าวจากหลายๆคนที่มักจะมองว่า "เฮ้ย ชอว์ทำไมไม่แอสซิสต์เลยวะนาย?" อีกครั้งว่านั่นไม่ใช่วิธีคิดที่ถูกต้องและตรงกับระบบของแมนยูไนเต็ดสักเท่าไหร่ เพราะโอเล่ใช้ฟูลแบ็คเป็นกลไกเกมรุก ไม่ได้ใช้ฟูลแบ็คเป็นตัวหลักที่จะเล่นงานคู่ต่อสู้ด้วยตัวมันเองโดยตรง
"สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งความตาย" ของเกมบุกแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
แมนยูไนเต็ดดูจะตื้อๆตันๆทันทีเมื่อเจอกับเกมที่จัดระเบียบไลน์defenseที่ลึกและเหนียวแน่นเจ๋งๆแบบเวสต์แฮม มันทำให้เรานึกย้อนไปถึงช่วงต้นครึ่งแรกของซีซั่นที่ยูไนเต็ดมักจะลำบากทุกครั้งเวลาที่เจอเกมแบบนี้
แต่มันเห็นได้ชัดว่า ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เจอเกมรับลึกเช่นนี้เหมือนกันในเกมกับเชฟฟิลด์ยูไนเต็ด, ไบรท์ตัน, บอร์นมัธ, และก็แอสตันวิลล่า แต่ว่ายูไนเต็ดสามารถเจาะแนวรับพวกเขาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เพราะเมื่อชอว์เจ็บไปทำให้ทุกอย่างมันเริ่มจะยุ่งยาก แม้ว่าเราจะจัดการกับคริสตัลพาเลซได้ แต่ว่าเกมนั้นก็ต้องขอบคุณความสามารถเฉพาะตัวสุดๆจากMarcus Rashford และก็ Anthony Martialล้วนๆ แต่โดยรวมแมนยูไม่ได้ดูดีเท่าไหร่นัก มันจึงเป็นจุดนี้จึงจำเป็นต้องพูดคุยกันยาวๆว่าเราจะจัดการกับทีมประเภทตั้งรับลกแบบนี้ได้ไง ซึ่งมีหลายวิธีเช่น
ใช้บอลเร็วเล่นงาน / เมื่อตัดบอลกลับมาได้ต้องตัดสินใจให้ไว / ใช้เกมด้านกว้างถ่างแนวรับคู่ต่อสู้ออกเพื่อขยายช่องหน้าโกล
ซึ่งการใช้วิธีขยายบอลออกไปเล่นแนวด้านกว้างอย่างเดียวนั้นมันยัง "ไม่เพียงพอ" ต่อการนำบอลไปถึงพื้นที่สุดท้ายได้ เพราะ"แนวกว้างที่ว่าจะต้องใช้มันขึ้นเกมด้วย"
นั่นแหละจึงเป็นคำตอบของเรื่องที่ว่าทำไมเราเจอปัญหาเมื่อขาดฟูลแบ็คตัวจริงของทีมอย่างชอว์
เมื่อใดก็ตามที่CBสามารถขึ้นบอลได้เองโดยไม่มีตัวมาบีบ นั่นแปลว่าคู่ต่อสู้จะเล่นLow blockใส่เรา(รับต่ำ) ดังนั้นจากจุดนี้การขยายพื้นที่ออกให้กว้างเป็นคีย์สำคัญ แต่ว่าควรจะต้องไปถ่างพวกเขาออกในพื้นที่Final Third (แนว1ใน3ของสนามที่เป็นพื้นที่สุดท้ายของฝั่งคู่ต่อสู้) เมื่อทำเช่นนี้ได้ในพื้นที่สุดท้าย แนวรับคู่ต่อสู้จะเหลือพื้นที่น้อยลงและเขาจะเหลือไลน์ป้องกันสุดท้ายแผงเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ทีมจำเป็นต้องทำก็คือ ใช้งานแนวกว้างในสนามตรงช่วงเฟสที่2ของการครองบอล (ตั้งแต่เส้นกลางสนามขึ้นไป) เราจะใช้ฟูลแบ็คเล่นในบริเวณนั้น
การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยขยายแนวรับคู่ต่อสู้ได้เท่านั้น แต่มันยังช่วยดึงพวกเขาให้หลุดออกมาจากตำแหน่งด้วย และเมื่อมีคนขยับหลุดจากตำแหน่งนิดเดียว มันจะเกิดช่องว่างให้บรูโน่กับมาร์กซิยาลเจาะช่องกันได้อย่างที่เราทราบกันดี
ดังนั้นเมื่อพูดถึงสิ่งนี้ เรามาดูการใช้งานแนวกว้างเพื่อbuild upในพื้นที่ฟูลแบ็คที่ว่า ในเคสของแบรนดอน วิลเลียมส์กันว่าพบเจอกับอะไรบ้างในการเล่นของเขาเพื่อตั้งบอลบุก
1.เสียจังหวะการเล่นที่ต้องเข้าขวา
ทุกครั้งที่ตั้งเกมขึ้นหน้า วิลเลียมส์จะต้องแต่งบอลเข้าเท้าขวาข้างถนัดทุกครั้งและหันหน้าเข้าข้างใน ซึ่งจุดนี้ทำให้โฟลวของบอลและการเล่นมันช้าลงและเสียจังหวะไป เราจะได้เห็นเช่นนี้ทุกครั้งในยามที่จับเขาลงเล่นแบ็คซ้าย นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่ช่วงต้นปีเราแพ้เบิร์นลีย์มา 2-0 เพราะหนึ่งในตัวสำรองที่โซลชาส่งลงมาเล่นรุกเพิ่ม ก็คือการแทนชอว์ด้วยวิลเลียมส์ในเกมนั้น
1.ได้บอล 2.แต่งบอลเข้าขวา 3.มองหาเพลย์จะเล่น 3ขั้นตอนกว่าบอลจะไปต่อ
บ่อยครั้งมากอย่างเห็นได้ชัดว่า วิลเลียมส์นั้นไม่แม้แต่จะพยายามพาบอลprogressขึ้นไปข้างหน้าเลย เขาเองได้สัมผัสบอลจากเพื่อนถึงสองครั้งภายในช่วงไม่กี่วินาที แต่ไม่มีเลยที่แม้แต่จะชำเลืองมองสนามด้านหน้า
เพื่อนสองคนที่give and goให้วิลเลียมส์(เหลือง) แต่เจ้าตัวหักเข้าขวา แล้วย้อนกลับมาให้มาติชด้านหลัง(แดง)แบบนี้ซ้ำ2รอบ
ในประเด็นข้อที่2นี้ถือว่าเป็นลักษณะการเล่นและวิชั่นที่ค่อนข้างแย่ เจ้าตัวมักจะมีปัญหาแบบนี้เสมอๆบ่อยมาก หลายๆครั้งเพื่อนจ่ายบอลมาให้และมีโอกาสที่จะมองและเปิดขึ้นหน้าได้ ไม่ว่าจะบอลสั้นหรือยาว วิลเลียมส์มักจะจ่ายคืนหลัง หรือไม่ก็แปะให้เพื่อนด้านข้างๆ เล่นsquareเป็นสี่เหลี่ยมเท่านั้น
คู่ต่อสู้ไล่สูงตามบรูโน่ขึ้นมาจนหลุดตำแหน่ง แบรนดอนที่ได้บอลและมีเวลาพอควร กลับเลือกจ่ายไปข้างๆให้มาติช(เส้นสีเหลือง)
ขีดให้ดูว่าตัวคู่ต่อสู้บีบสูงขึ้นมาไล่บรูโน่จนหลุดตำแหน่งกัน4คนตามที่ขีดเส้นไว้ให้ แต่วิลเลียมส์กลับเลือกที่จะส่งออกข้างให้มาติช ทั้งๆที่จริงๆแล้วมีเวลามากพอก่อนหน้านั้นที่ตัวเองจะเปิดขึ้นหน้าได้ตามรูปนี้ (ในรูปบนนี้คือครองบอลราวๆสองสามวิแล้วแต่ไม่เปิดขึ้นหน้า)
และมีจังหวะที่คู่ต่อสู้นั้นเสียshapeการยืนไปแล้วจากการไล่บอล เมื่อบอลมาเข้าเท้าก็ยังไม่มีการเล่นที่จะพยายามใช้จุดที่เขาพลาดให้เป็นประโยชน์ กลับจ่ายคืนหลังเหมือนเดิมในเกมเดียวกันนี้ตามภาพ ซึ่งลักษณะการเล่นเช่นนี้มันค่อนข้างคล้ายมากๆกับรายของ Scott McTominay กล่าวคือนักเตะพวกนี้ไม่ได้สร้างความผิดพลาดหรือเล่นอะไรเสียหายเลย แต่จะเห็นได้ชัดว่าเมื่อพวกเขาอยู่ในสนามมันทำให้เครื่องยนต์การเล่นของแมนยูไนเต็ดนั้นเดินหน้าได้ไม่เต็มประสิทธิภาพที่แท้จริง
รูปนี้คืออีกครั้งที่แม้วิลเลียมส์ได้บอลในตำแหน่งที่ดี แต่เขากลับไม่ไหลให้แรชทางซ้าย หลังจากภาพนี้คือพี่แกคืนหลังให้บรูโน่
3.ไม่ค่อยรู้หน้าที่ตัวเองในตำแหน่งฟูลแบ็ค
ในการแก้ปัญหานี้แบบ "ระยะสั้น" นั้นก็คือต้องหาทางให้ชอว์กลับมาให้เร็วที่สุดและเล่นตามปกติ เพราะเขารู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี อย่างเช่นในรูปด้านล่างนี้ มาติชที่มักจะลงต่ำมาสร้างฟอร์มสามเซ็นเตอร์เพื่อตั้งเกมขึ้นหน้า และในยามห้วงที่เป็นเช่นนั้น จังหวะแบบนี้คือ "แบ็คทั้งสองข้างต้องดันสูงขึ้นไปแล้ว"
นั่นคือหน้าที่ของเขา
แต่วิลเลียมส์ในจังหวะนี้นั้นยังไม่แม้แต่จะอยู่ในตำแหน่งที่ดี และไม่สปีดขึ้นไปแอเรียที่ควรจะอยู่ (ลูกศรีสีเหลือง)ด้วยซ้ำ จนทำให้แผงการเล่นตรงนั้นมันกลายเป็น "กองหลังห้าตัว" แทนที่จะเป็นระนาบของแบ็คที่เติมเป็นวิง
ภาพหลังจากนี้คือ แมกไกวร์พาบอลขึ้นหน้า แซงหน้าวิลเลียมส์ที่ยืนแช่อยู่ตรงจุดแดงในรูปนี่แหละ ไม่ยอมดันสูง
4. เสียอาวุธในการ overlap
ด้วยความที่เจ้าหนูวิลเลียมส์ใช้เท้าขวา(อีกเช่นกัน) ทำให้ยูไนเต็ดเสียอาวุธในการ overlapบริเวณกราบซ้าย ที่เห็นได้ชัดๆบ่อยๆก็คือ
4.1 วิลเลียมส์นั้นเติมไม่ค่อยสุด จะวิ่งก็ไม่วิ่ง จะถอยก็ไม่ถอย กั๊กๆอยู่แถวนั้น แรชฟอร์ดเองก็ตะกุกตะกักไปด้วย จะสังเกตได้เลยต่อเกมว่า ปริมาณการวิ่งทะลุยาวซ้ายผ่านตลอดของวิลเลียมส์นั้นมีน้อยมาก ไม่ใช่ว่ามันทำไม่ได้นะ แต่เจ้าตัวไม่เติมจนสุดเส้น กั๊กๆจนไม่มีประโยชน์
เมื่อเติมไม่สุดจึงส่งผลต่อ "ตัวรับบอลในจังหวะถัดมา" อย่างกองหน้าที่รอรับบอลจากแบ็คในกรอบ นั่นก็คือมาร์กซิยาลในตำแหน่งนั้นเอง ก็มักจะไม่ค่อยได้บอลจากวิลเลียมส์เท่าใด
ว่างมากเพราะคู่ต่อสู้รู้แล้วว่าเขาไม่ค่อยอันตรายและมักไม่รุกด้วยตัวเอง ตัวประกบจึงไปขวางบรูโน่2ตัว(สีฟ้า)ได้เต็มที่
4.2 วิลเลียมส์จริงๆแล้วมีทักษะในการเล่นเกมรุกเข้าขั้นดี แต่ว่าเขาไม่ค่อยพยายามจะเล่นบุกด้วยตัวเองเลย ก็แปะฝากเพื่อนเหมือนเดิม เมื่อเป็นเช่นนั้นคู่ต่อสู้จึงรู้แล้วว่าเขาไม่ค่อยจะเปิดเกมเล่นรุกด้วยตัวเอง ดังนั้นหลายๆครั้งจึงเลือกที่จะปล่อยวิลเลียมส์ว่าง ไม่มาร์คเลย และเป็นเช่นนั้น ตัวประกบจึงไปปิดแน่นกันอยู่ที่ตัวเปิดสำคัญอย่างบรูโน่ แฟร์นันด์สแทน ทั้งๆที่จริงๆแล้วภาพด้านบนนี้คือ วิลเลียมส์นั้นวิ่งoverlapขึ้นมาทางซ้ายริมเส้นได้ดีมากแล้ว แต่ก็นั่นแหละ ถ่างตัวประกบไม่ได้
"ในยามที่ทีมไม่ได้ใช้แบ็คขวาตัวจริง"
พูดถึงการหายไปของแบ็คซ้ายตัวจริงแล้ว มาพูดถึงการหายของแบ็คขวาตัวจริงกันบ้าง
ดังที่กล่าวมาแล้วด้านบน ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมว่าเจ้าหนูวิลเลียมส์เพิ่งจะอายุ19เท่านั้นและยังคงค่อยๆพัฒนาตัวเองอยู่ และการไม่ได้ลงต่อเนื่องอยู่ทุกสัปดาห์มันทำให้เขายังไม่สามารถเรียนรู้ได้ทั้งหมดของหน้าที่การเล่นและสัญชาตญาณในตำแหน่งฟูลแบ็คเท่าไหร่นัก ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เล่นได้ง่ายๆเลยเพราะว่าตำแหน่งนี้ต้อง "วิ่งหนักมาก" เราจะเห็นว่า อารอน วานบิสซาก้านั้นหน้าดูเหนื่อยตลอดเวลา ก็เพราะเขาเหนื่อยมากและจำเป็นต้องได้พักบ้าง
เมื่อเป็นเช่นนั้น วิลเลียมส์ที่ใช้เท้าขวาเล่นอยู่ทางซ้าย มารวมกับวานบิสซาก้าที่หายไปอีกในทางขวา มันจึงบรรลัยด้วยประการฉะนี้แล เพราะโซลชานั้นพยายามที่จะให้แบ็คขวาตัวจริงของเขาได้พักให้มากที่สุด แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นมันไม่แปลกใจเลย เพราะตัวสำรองที่ลงมาแทนอย่าง Timothy Fosu-Mensah เพิ่งได้ลงเล่นเกมที่สามในรอบ16เดือนของเจ้าตัว และโดยธรรมชาติก็ไม่ได้เป็นฟูลแบ็คสายบุกด้วย
บางทียูไนเต็ดอาจจะจำเป็นต้องใช้ Diogo Dalot ดูบ้าง แต่ก็เหมือนว่าโซลชานั้นจะไม่เคยชายตาเอาดาโลต์มาใช้งานเลย
มีคนทำแผนผังเรียงลำดับตัวเลือกในตำแหน่งแบ็คขวาของโอเล่แบบขำๆเอาไว้อย่างนี้
1. วานบิสซาก้า
2. วานบิสซาก้าที่เริ่มเหนื่อย
3. วิลเลียมส์
4. วานบิสซาก้าที่เหนื่อยจนลิ้นห้อยแล้ว
5. โฟซูเมนซาห์
6. ลินเดอเลิฟ
7. ตวนเซเบ้ .. (และก็น่าจะไบญี่แหละ)
8. เอ๊.. ลองเอาแดนเจมส์มาเล่นดูดีไหมนะ
9. ใครลงได้มั่งอ่ะ โจนส์ เฟร็ด .. น้าแกรนท์ลงให้ผมได้มั้ยน้า?
10. ดิโอโก้ ดาโลต์!!!
Dalot : ให้ผมเล่นตรงไหนครับเฮีย พร้อมเสมอ / Ole : น้าอยากให้เอ็งไปเล่นตรงนู้นนะ ..จะเอาลีกตุรกีหรือซิมบับเว่ดี?
ในส่วนของการขาดเซนส์เกมรุกของ TFM นั้นยิ่งทำให้คู่ต่อสู้งานง่ายขึ้น เพราะทุกๆครั้งที่เขาได้บอลทางขวา มักจะมีพื้นที่ว่างมากมายตรงหน้า แต่มักจะไม่ค่อยจี้บอลใส่คู่ต่อสู้มากเท่าไหร่และเล่นกับกองกลางแทน ซึ่งนั่นทำให้เกมรับมองเขาว่าไม่อันตราย(เหมือนวิลเลียมส์) ในเกมตัวอย่างกับเวสต์แฮมที่ยกมานี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องตามประกบและสามารถหุบคนเข้าไปช่วยด้านในได้มากกว่าเดิมทำให้แบ็คซ้ายพวกเขาไปตามจัดการกับกองหน้าเราอย่างมาร์กซิยาลได้
ตามภาพ เมื่อไม่อันตราย ไม่ทำเกมบุกด้วยตัวเองได้ ตัวประกบเขาก็เอาไปปิดกองหน้าเราเพิ่มได้สบายๆ
ซึ่งเมื่อคอมโบกันกับการมีวิลเลียมส์อีกตัวที่เป็นแบ็คสำรองและมีปัญหาไม่สามารถทำเกมรุกริมเส้นให้ทีมได้ ก็ยิ่งเบิ้ลความบรรลัยในเกมนั้นเป็นสองเท่า เมื่อกองหลังทุกตัวรวมแบ็คของเวสต์แฮมก็หดไปช่วยป้องกันเกมตรงกลางของแมนยูได้หมดในการจัดการกับคีย์แมนอย่างบรูโน่ มาร์กซิยาล กรีนวู้ด ป็อกบา เกลี้ยง!!
นี่มันอะไรกันครับเนี่ยยยยยย
ดังที่เห็นที่ผ่านมาตลอดปียามที่เจอทีมที่แพ็คเกมแบบนี้เราจำเป็นต้องใช้บอลเร็วจัดการกับพวกเขาซึ่งเป็นสิ่งที่เราเจอปัญหามากในตอนที่ป็อกบายังไม่หายเจ็บ และตอนที่บรูโน่ยังอยู่โปรตุเกสอยู่เลย
และทีมเราก็ไม่มีใครที่จะมาเล่นสวิตช์บอลข้ามไปอีกฝั่ง กว่าที่จะเปลี่ยนแกนได้ในช่วงนั้นก็ต้องจ่ายบอลกันสามสี่ครั้งขึ้นไป ซึ่งคู่ต่อสู้ก็โยกไปปิดอีกด้านนึงทันแล้ว
แต่ในเกมดังกล่าวเรามีสองมิดฟิลด์ตัวโหดที่ว่าอยู่ทั้งคู่ แต่การสวิตช์บอลเปลี่ยนแกนก็ใช้ไม่ค่อยได้ และเมื่อพวกเขาเปิดบอลขึ้นมา ก็ไม่มีแบ็คซ้ายอย่างวิลเลียมส์ไปรอรับบอลยาวจากพวกเขาเลย แต่กลับกลายเป็นบรูโน่ที่ต้องถ่างออกไปรับบอลตรงจุดนั้นแทนอยู่เป็นประจำ ทำให้เขายิ่งอยู่ห่างจากกรอบประตูซึ่งทำให้ความอันตรายลดลง จากทั้งสองรูปนี่คือไม่ใช่วิลเลียมส์นะ แต่เป็นพี่หนวดทั้งสองลูกที่รับบอลจากป็อกบา แม้กระทั่งลินเดอเลิฟก็ยังจ่ายมาทางซ้ายเจอบรูโน่
ภาพด้านบน ป็อกบาสวิตช์เปลี่ยนแกนไปทางซ้ายที่เป็นพื้นที่โล่ง และนั่นคือบรูโน่จ้า วิลเลียมส์อยู่ด้านล่างข้างหลัง
ภาพบนนี้บอลยาวมาทางกราบซ้ายจากลินเดอเลิฟ นั่นก็พี่หนวดอีกแล้วว ป.ล. บอลไม่ได้ไซด์โค้งนะ ลากเส้นไม่ตรงเฉยๆ
บรูโน่นั้นเคลื่อนที่พล่านไปทั่วสนามเพื่อจะหาพื้นที่ว่างก็จริง แต่ในบริเวณฝั่งซ้ายนั้นมันไม่ควรจะเป็นหน้าที่เขาที่ต้องไปเอาบอล เพราะอย่างที่บอก อยู่ด้านข้างพี่หนวดจะมีความน่ากลัวลดลง เขาจำเป็นต้องได้บอลตรงพื้นที่กลางสนามจะอันตรายกว่ามาก จากจุดนี้ยูไนเต็ดดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจที่จะฝากบอลให้วิลเลียมส์ ไม่ใช่ว่าเพื่อนกลัวน้องจะเสียบอลนะ แต่ว่าจ่ายไปให้เขาก็อาจจะจ่ายคืนคุณกลับมาอยู่ดี บอลมันขึ้นหน้าไม่ได้ หลายๆครั้งบรูโน่ชี้ให้มาติชไหลบอลไปให้วิลเลียมส์ แต่ว่าเขาไม่ผ่านบอลไปให้ แต่ว่าจ่ายไดเร็คให้บรูโน่แทน
ตามรูปนี้ มาติชไม่ไหลบอลคืนหลังให้วิลเลียมส์แล้ว แต่จ่ายขึ้นให้บรูโน่แทนทั้งๆที่พี่หนวดชี้บอกให้จ่ายคืนหลังไปก่อน
ในเกมตัวอย่างนี้แมนยูไนเต็ดจึงประสบปัญหาในการเจาะช่องมากเพราะว่าฟูลแบ็คของทีมไม่ค่อยได้ช่วยเหลืออะไรในการตั้งบอลบุกใส่ โดยที่พักครึ่งของเกมโซลชาไม่มีทางเลือกแล้ว จึงจำเป็นต้องเอาบิสซาก้า(ที่พักอยู่)ลงสนามเพื่อแก้ไขปัญหาแบ็คตันทั้งสองฝั่งในเกมนี้
เชื่อหรือไม่ ภายในไม่เกิน90วินาที บิสซาก้ามีส่วนร่วมกับการbuild upของทีมในทันที
มันจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ภายในห้านาทีเท่านั้น แมนยูไนเต็ดได้ประตูคืนทันที โดยที่เรามาดูกันว่าเกิดอะไรกับการขึ้นเกมในประตูของเมสัน กรีนวู้ด
คือป็อกบาได้บอลคืนมา วานบิสซาก้าวิ่งดันเกมขึ้นสูงทันที คู่ต่อสู้อย่าง Aaron Cresswell พอเห็นดังนั้นก็เกิดอาการชะงักเกิดขึ้นเมื่อเขามองไปทางซ้ายและหันหลังไปวิ่งไล่ตามวานบิสซาก้า เขาลังเลในการเลือกตัวประกบทันที เพราะบิสซาก้ามีท่าทีและความคุกคามในการเล่นเกมจู่โจมอย่างเห็นได้ชัด
เครสเวลล์จึงวิ่งถ่างออกไปทางซ้าย ซึ่งกลายเป็นการเปิดพื้นที่ให้กรีนวู้ดวิ่งเจาะได้ ซึ่งบางทีถ้าเครสเวลล์ไม่ต้องพะวงกับบิสซาก้าทางขวา บางทีกรีนวู้ดอาจจะไม่มีพื้นที่มากพอจะเล่นในประตูนี้ก็เป็นได้
ภาพนี้ชัดสุด เครสเวลล์ถ่างออกไปกันบิสซาก้า ทำให้กรีนวู้ดกับหมากมีพื้นที่วิ่งเจาะเยอะมาก และลูกนี้ก็ได้เป็นประตูชิ่งสุดสวยในที่สุด
การลงมาของแบ็คตัวจริงอย่างบิสซาก้าทำให้เกิดการวางบอลยาวเปลี่ยนแกนมาริมเส้นบ่อยครั้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากป็อกบา และเมื่อเป็นเช่นนั้นพื้นที่ในกรอบเขตโทษของเวสต์แฮมนั้นยิ่งมีมากขึ้นกว่าเดิม จากการที่สามารถดึงให้กองหลังพวกเขาต้องเคลื่อนที่ขยับได้
แปปๆบอลยาวจากบรูโน่ก็มาอีกแล้ว
ในขณะที่ทางซ้ายวิลเลียมส์นั้นไม่มีส่วนร่วมกับทีมไปแล้วในครึ่งหลังกับเวสต์แฮมในหน้าที่รุกจากแบ็คซ้าย เพราะการsplitแยกออกมาเล่นคู่กันของแรชฟอร์ดกับบรูโน่ ซึ่งมันก็ทำให้บรูโน่ใช้ศักยภาพได้ไม่เต็มที่สักเท่าไหร่ ภาษาชาวบ้านเรียกว่าเสียของเล็กน้อย
บรูโน่ต้องถ่างออกมาเล่นคู่กับแรชฟอร์ดแทนวิลเลียมส์ ..นี่พวกเอ็ง2คนงอนอะไรน้องมันป่าวเนี่ย (ฮา)
สรุป..ทั้งหมดที่เขียนมานี้ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเรื่องที่แฟนผีทั้งหลายจะเอาไปขยี้ใส่วิลเลียมส์เลยดังที่กล่าวดักเอาไว้แล้ว เพราะเมื่อใดก็ตามที่เป็นหน้าที่เกมรับและต้องการแรงปะทะทางกายภาพในลีก เขายอดเยี่ยมสมฉายา "เจ้าชายเลือดเดือด"(ที่ผมตั้งเอาเอง) มากๆ ส่วนสัญชาตญาณเกมรุกของเขาจะใช้การได้ดีในยามที่โยกไปเล่นกราบขวา
ความสำเร็จและความสามารถของวิลเลียมส์ในการเล่นในฐานะ "วิงแบ็คซ้าย" (Left wing-back) ไม่ควรจะเอามาปนกันกับตอนที่เขาเล่นฟูลแบ็คซ้ายเต็มรูปแบบ (Left fullback) หากนึกไม่ออกก็คือในเกมที่พวกเราใช้หลังสามที่มี ลุคชอว์ หรือ มาร์กอส โรโฮมายืนเป็นเซ็นเตอร์ตัวด้านข้างฝั่งซ้าย (LCB) ซึ่งทั้งสองคนนี้เล่นเท้าซ้ายธรรมชาตินั่นเอง
เมื่อใดก็ตามที่วิลเลียมส์ลงวิงแบ็ค เขาจะเล่นได้ดีมากๆ
การสลับเติมขึ้นหน้าจากแนวหลังของleft-footed CB สองคน (โดยเฉพาะจากชอว์นั้น) ทำให้ทีมรักษาบาลานซ์ของนักเตะเท้าซ้ายเท้าขวาได้ในพื้นที่ซีกซ้าย (วิลเลียมส์ใช้ขวา / ชอว์ โรโฮ ใช้ซ้าย ทำให้การเล่นมันหลากหลาย มุมไม่ตันนั่นเอง)
ประเด็นนี้สำคัญมากๆ หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าตอนที่น้องมันเล่นดี คือการเล่นวิงแบ็คซ้าย(LWB)ให้ทีมตอนที่มีชอว์ลงเป็นเซ็นเตอร์นั่นเอง
วิลเลียมส์นั้นจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งเขาได้ลงสนามมากเท่าไหร่ เขายิ่งเรียนรู้ในการเล่นตำแหน่งฟูลแบ็คได้มากเท่านั้นในระบบการเล่นปัจจุบันของแมนยูไนเต็ด ไม่แน่ว่าเขาอาจจะขึ้นมาเป็นแบ็คอัพตัวเก่งของวานบิสซาก้าด้านขวาก็ได้ในอนาคต ถึงแม้อาจจะต้องระวังโดนอีธาน แลร์ด เสียบต่อก็ตามที
ถ้าไม่ใช่การที่เขาจะเล่นด้วยเท้าซ้ายมากขึ้นกว่าเดิม หรือแมนยูได้ปีกซ้ายเท้าซ้ายเข้าทีมที่จะเล่นอยู่ข้างหน้าเขา ซึ่งมันจะทำให้เกมรุกฝั่งซ้ายแมนยูเล่นจู่โจมริมเส้นได้แล้วนั้น โอกาสที่วิลเลี่ยมส์จะประสบความสำเร็จกลายเป็นแบ็คซ้ายที่ฟอร์มสุดยอดในระบบเช่นนี้ได้นั้น มันมีน้อยมากจริงๆ
งั้นช่วงนี้ก็คงต้องภาวนาให้ลุค ชอว์ กลับมาให้เร็วที่สุดไปก่อน
ส่วนเรื่องจะซื้อปีกซ้ายเท้าซ้ายเข้ามาเพื่อจะเล่นคู่วิลเลียมส์นั้นก็ทำเป็นลืมๆไปก่อนนะครับ ^^''
-ศาลาผี-
Reference