:::     :::

หนึ่งทศวรรษ...ดาบิด ซิลบา

วันเสาร์ที่ 08 สิงหาคม 2563 คอลัมน์ Football Therapy โดย บี้ เดอะสปา
1,099
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
7 สิงหาคม 2010 วันประเดิมสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ในชุด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผ่านไปหนึ่งทศวรรษ 7 สิงหาคม 2020 วันสุดท้ายที่ลงเหยียบสนามเดียวกัน

ดาบิด ซิลบา หนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเป็นหนึ่งในนักเตะที่เป็นการเสริมทัพที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรเช่นกัน

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งได้เม็ดเงินจากเจ้าของสโมสรใหม่ อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป (ก่อนแยกตัวออกเป็น ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ในเวลาต่อมา) มีการลงทุนครั้งสำคัญด้วยงบประมาณมหาศาลในปี 2010 กับการใช้จ่ายกว่า 126 ล้านปอนด์ โดยมี ซิลบา เป็นหนึ่งในโปรเจกท์ใหม่ของสโมสร
การย้ายสู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ ซิลบา เป็นการพกเอาดีกรีแชมป์เวิลด์คัพ 2010 ติดตัวมาด้วย โดยก่อนหน้านั้นก็สอยแชมป์ยูโร 2008 ร่วมกับทีมชาติสเปน และถูกยกย่องให้เป็นดาวเด่นในแนวรุกของ บาเลนเซีย ตลอด 4 ฤดูกาลที่ เมสตาย่า
การกรำศึกหนักจากทัวร์นาเมนต์ที่ แอฟริกาใต้ ทำให้ ซิลบา ถูกยืดระยะเวลารายงานตัวกับทีมออกไป จนถึงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกถึงได้ประเดิมสนาม ซึ่งเป็นเกมอุ่นเครื่องต่อหน้าแฟนบอลในรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม ที่ตอนนั้นยังใช้ชื่อ ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม เจอกับ บาเลนเซีย ทีมเก่าพอดี เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ปี 2010
จบซีซั่นแรก ซิลบา มีแชมป์เอฟเอคัพติดไม้ติดมือ ขณะที่ผลงานในพรีเมียร์ลีกจบอันดับ 3 และตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโรปา ลีก
โรแบร์โต้ มันชินี่ เริ่มต้นใช้งาน ซิลบา ในตำแหน่งปีกตัวกระชากลากเลื้อยริมเส้น แต่หลังจากนั้นก็เริ่มขยับบทบาทมายืนตรงกลาง หรือเป็นเพลย์เมคเกอร์ ตามแท็กติกและรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนแปลงไป
ด้วยบุคลิกที่เป็นคนพูดน้อย แต่ใช้ผลงานในสนามเป็นตัวสื่อสารแทน ทำให้แฟนๆ เรือใบสีฟ้า หลงรักตั้งแต่แรกเริ่ม และโหวตให้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของสโมสรตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคมติดต่อกัน ทั้งที่เพิ่งเห็นฝีเท้าหมาดๆ ในเดือนสิงหาคมเท่านั้น
ซีซั่นถัดมาเป็นฤดูกาลที่พีคสุดๆ เพราะการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกของสโมสร และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 44 ปี
ประวัติและความสำเร็จของ ซิลบา กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงต้องร่ายยาวกันหลายหน้ากระดาษกว่าจะบรรยายหมด แต่สรุปสั้นๆ คือ แชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย ฤดูกาล 2011–12, 2013–14, 2017–18, 2018–19, แชมป์เอฟเอคัพ 2 สมัย ฤดูกาล 2010–11, 2018–19, แชมป์ลีกคัพ หรือ คาราบาวคัพ ตามชื่อสปอนเซอร์ปัจจุบัน 5 สมัย ฤดูกาล 2013–14, 2015–16, 2017–18, 2018–19, 2019–20 และแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 3 สมัย ปี 2012, 2018, 2019
ระหว่างนั้นก็ยังได้ชูโทรฟี่ ยูโร 2012 ร่วมกับทีมชาติสเปน กลายเป็นแชมป์เมเจอร์ครั้งที่สามในช่วงเวลา 5 ปี
จนถึงตอนนี้ ซิลบา กำลังรับใช้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลที่ 10 ผ่านเกมพรีเมียร์ลีกไปทั้งสิ้น 309 เกม มี 60 ประตูที่ยิงได้ แต่เส้นทางของกองกลางตัวรุกชาวสเปนยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น หลังจากผ่านการลงเล่นเกมที่ 435 รวมทุกรายการให้กับสโมสร ในชัยชนะเหนือ เรอัล มาดริด 2-1 ที่ส่งให้ เรือใบสีฟ้า ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว
และบังเอิญว่า เกมสุดท้ายที่ ซิลบา ลงเล่นในสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เจอกับ เรอัล มาดริด ก็ดันเกิดขึ้นวันที่ 7 สิงหาคม 2020 เป็นวันและเดือนเดียวกับเกมประเดิมสนามแห่งนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้วพอดิบพอดี แต่ที่แตกต่างคือการเดินปรบมืออำลาสนามต่อหน้ากล้อง ท่ามกลางอัฒจันทร์ที่ว่างเปล่า
แน่นอน เป้าหมายสูงสุดในการอำลา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจบซีซั่นนี้ นั่นก็คือแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ ซิลบา ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เช่นเดียวกับสโมสรที่ไม่เคยประสบความสำเร็จสูงสุดในเวทียุโรปเช่นกัน
แต่ถึงจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน ชื่อของ ดาบิด ซิลบา ก็ถูกจารึกในฐานะตำนานสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเรียบร้อย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด