:::     :::

คุยกับ กัณตพัชห์ มันปาติ : นายด่านโครงการฟ็อกซ์ฮันท์รุ่นที่ 1

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
2,912
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"ทีม" กัณตพัชห์ มันปาติ เป็นชื่อที่แฟนบอลไทยหลายคนมักถามถึงว่าหายไปไหน หลังจากเคยสร้างชื่อในฐานะผู้รักษาประตูจากโครงการฟ็อกซ์ฮันท์ ที่ได้ไปฝึกกับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ในรุ่นที่ 1 เป็นประตูดาวรุ่งของทีม โปลิศ เทโร และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในการรับใช้ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี แต่หลังจากนั้นชื่อของเขาได้หายไปจากสารบบของทีมชาติไทยมากว่า 3 ปี แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้วในบทบาทนายด่านมือ 1 ของทีม เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด และเป้าหมายสูงสุดของเขาคือการก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยอีกครั้งให้ได้ วันนี้ผมจะพาไปคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องชีวิตฟุตบอลของนายด่านรายนี้กัน

แมน : สวัสดีครับทีม อยากให้ทีมเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเล่นฟุตบอลของทีมก่อนครับ เคยเล่นที่ไหนมาก่อนบ้าง

กัณตพัชห์ : ตอนแรกผมเริ่มเล่นบอลที่รร.อรรถวิทย์ ครับ อายุประมาณ 8 ขวบ เริ่มเล่นบอลนักเรียนครั้งแรก จากฟุตซอลก่อน สมัยนั้นลงแข่งในรายการไมโลคัพ ที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ตอนนั้นก็ยังไม่ได้เล่นจริงจัง ผมก็ซ้อมบอลกับพ่อด้วยที่สนามตรงโรงงานยาสูบครับ

แมน : คุณพ่อคือพี่ทอม เคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อนหรือเปล่าครับ

กัณตพัชห์ : เขาเคยเล่นบอลนักเรียนสมัยก่อน พ่อเรียนที่ปทุมคงคาครับ แล้วพอหลังจากนั้นก็ไม่ได้เตะบอลอาชีพต่อ เพราะสมัยนั้นฟุตบอลอาชีพมันไม่ได้บูมมาก แล้วเขาเล่นเพื่อเข้าทำงานเฉยๆ ครับ

แมน : ก็คือ ทีม เริ่มเล่นฟุตซอลมาก่อน แล้วเริ่มเล่นตำแหน่งประตูตั้งแต่ฟุตซอลเลยมั้ยครับ

กัณตพัชห์ : ตอนแรกก็ไม่ได้เป็นประตูครับ เล่นเป็นผู้เล่นปกติ แต่พอดีตำแหน่งประตูมาขาด แล้วพอดีตอนนั้นผมตัวใหญ่กว่าเพื่อนด้วย โค้ชก็เลยให้ลองไปเป็นประตูดูเพราะว่ามันขาด แล้วพอเล่นก็ทำได้ดี รายการแรกก็คือ ไมโล คัพ  ผมได้รองแชมป์มา รอบชิงไปแพ้จุฬาลักษณ์ เสร็จแล้วพ่อก็อยากให้ต่อยอดเล่นตำแหน่งนี้ให้จริงจังหน่อย พ่อก็หาคลิปในยูทุบมาแล้วก็ซ้อมบอลกับพ่ออยู่ที่โรงงานยาสูบครับ สมัยก่อนก็จะมีทีมยาสูบ ซึ่งโค้ชประตูคือพี่อู๊ด อนุกูล กันยายน เขาเห็นมาซ้อมเขาก็มาฝึกให้บ้างเวลาที่เขาว่าง สมัยนั้นพี่เต้ย นริศ ทวีกุล เขาเล่นให้ยาสูบอยู่ ผมไปดูเขาซ้อมที่สนามนั้น ผมก็ซ้อมอยู่สนามเล็กข้างๆ นั่นล่ะครับกับพ่อสองคน แล้วก็มี ฟร้องซ์ ปรเมศย์ อาจวิไล นี่ล่ะครับตอนนั้นซ้อมกับผมอยู่ 2 คนตรงนั้น

แมน : ตอนนั้นฟร้องซ์ เขาไปเรียนที่โพธินิมิตร รึเปล่าครับ เห็นเคยเป็นแชมป์เดาะบอลด้วย

กัณตพัชห์ : ใช่ครับ ฟร้องซ์ ที่ไปอยู่เมืองทองน่ะครับ สมัยก่อนเขาเรียนที่อรรถวิทย์ เขาก็เดาะบอลอยู่ สมัยตอนเด็กๆ อยู่คลองเตยด้วยกันก็สนิทกันครับ แล้วช่วงนั้นพอดีว่าพี่ตู่ พนิพล เกิดแย้ม เขากำลังจะเลิกเล่นแล้วเขาก็มาเรียนโค้ช เขาก็มาสอนบ้างแล้วพอเขาไปเปิดอคาเดมี่ผมก็ไปฝึกกับเขาครับ พออายุประมาณ 10 ขวบผมก็ได้ไปเข้าเรียนที่ รร.โสมาภา ครับ ได้เล่นฟุตบอลเด็กขาสั้นจนอายุ 12 แล้วก็ติดทีมชาติชุดไซตามะ ที่ไปญี่ปุ่นครับ

แมน : ไซตามะ รุ่นนั้นมีใครติดบ้างนะครับที่เป็นรุ่นเดียวกัน

กัณตพัชห์ : ตอนนั้นก็มีบอส กนกพล ปุษปาคม ครับ, ฟร้องซ์ นรากร นุ่มจันทร์สกุล, เอิร์ธ นาคิน วิเศษชาติ แล้วก็อีกหลายคนครับ


แมน : ไซตามะ รุ่นนั้นใครเป็นโค้ชนะครับ ไม่ใช่พี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน แล้วใช่มั้ยครับ

กัณตพัชห์ : ไม่ใช่ครับ เป็นพี่หลอ สมศักดิ์ เซ็นเชาวนิช แล้วครับ

แมน : อ๋อ ก็เหมือนรุ่นของ ไม้ อชิตพล คีรีรมย์ เป็นรุ่นหลังๆ แล้ว

กัณตพัชห์ : ใช่ครับ ไม้ เป็นรุ่นน้องผม 2 ปี แล้วก็ไปเจอกันที่คริสเตียนอยู่บ้าง เพราะไม้ก็ไปเรียนที่คริสเตียนอยู่พักนึง

แมน : คือหลังจากนั้น ทีม ก็ย้ายไปเรียนที่ กรุงเทพคริสเตียน

กัณตพัชห์ : ใช่ครับ พอหลังจากที่ผมไปเรียนที่โสมาภา ที่พี่ตู่ พนิพล เอาเข้าไป แล้วผมก็ไปอยู่ชลบุรีปีนึง ไปอยู่ชลบุรี อคาเดมี่ ของโค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล ตอนนั้นผมไปเรียนที่ รร.ท่าข้าม ครับ แล้วเสร็จแล้วคุณแม่ผมเขาอยากให้เรียนควบคู่ไปด้วย เขาก็เลยให้เข้ามาเรียนที่ กรุงเทพคริสเตียน ตอนอายุ 14 ปีครับ

แมน : ตอนที่เปลี่ยนมาเล่นประตูตั้งแต่ฟุตซอล จากนั้นก็เล่นประตูมายาวเลยหรอครับ

กัณตพัชห์ : ตอนแรกๆ ก็ยังไม่ได้จริงจังขนาดนั้นครับ โค้ชเขาก็ถามว่าเราอยากเล่นมั้ยก็มีสลับจากประตูไปเป็นผู้เล่นบ้าง ถ้าตอนที่เล่นฟุตซอลที่อยู่อรรถวิทย์นะครับ ยังแค่เล่นขำๆ เฉยๆ อยู่เลย แล้วค่อยมาฝึกจริงจังในตอนหลังครับ

แมน : แล้วตอนที่ไปอยู่ฟ็อกซ์ฮันท์ คือพี่ทราบมาว่าการที่นักเตะที่มีสโมสรสังกัดจะไปคัดเข้าฟ็อกซ์ฮันท์ สโมสรเขาไม่ค่อยยอมกัน ส่วนตัวทีมเอง มีปัญหามั้ยครับ เพราะตอนนั้นน่าจะเข้าสังกัดกับ โปลิศ เทโร ไปแล้ว


กัณตพัชห์ : ของผมตอนแรกก็เหมือนจะมีปัญหาครับ เพราะผมมีสัญญากับ คริสเตียน แบบปีต่อปี แล้วตอนนั้นผมยังไม่ได้ผูกขาดกับ โปลิศ เทโร ครับ แล้วทีนี้อาจารย์เขาก็ถามผมว่าอยากไปจริงๆ มั้ย อยากให้อยู่ช่วยโรงเรียนก่อน  ก็เลยตกลงกันว่าให้ผมดร็อปเรียนไปก่อน เพื่อที่จะมาเล่นจตุรมิตรตอนอายุ 18 ปี แล้วให้ผมไปเลสเตอร์ ตอน 15 ปีก่อน ก็ต้องขอขอบคุณทางคริสเตียนมากๆ ครับ เพราะเขาช่วยทุกอย่างเลย ทั้งเรื่องเรียนด้วย เพราะตอนที่ผมเข้าไปเรียนม.3 ได้แค่เทอม 1 แล้วเทอม 2 ยังไม่ได้เรียน เขาก็ช่วยเรื่องเกรดให้ผมทำงานส่ง เพื่อให้จบทันพร้อมเพื่อนด้วยครับ

แมน : ตอนนั้นไปฟ็อกซ์ฮันท์ นานแค่ไหนครับ

กัณตพัชห์ : ไปอยู่ 2 ปีครึ่งครับ

แมน : ย้อนกลับไปตอนที่คัดตัวหน่อยครับ ตำแหน่งประตูที่ไปคัดกันเยอะขนาดไหน เพราะตอนรุ่นแรกมีนักเตะไปคัดฟ็อกซ์ฮันท์เยอะมากๆ เลยนะครับ

กัณตพัชห์ : เยอะมากครับ เขาคัดแบ่งเป็น 5 โซน เป็นภาคๆ ไป แล้วก็เอาภาคละ 22 คน แล้วก็เอา 5 ภาคมารวมกันเป็นรอบประเทศ ซึ่งประตูแต่ละภาคก็จะมีภาคละ 2 คนครับ มาคัดรวมที่กรุงเทพฯอีกทีครับ

แมน : นอกจากโค้ชที่มาจากเลสเตอร์แล้ว มีโค้ชไทยคนไหนที่มาดูแลเรื่องคัดผู้รักษาประตูมั้ยครับ แล้วเขาเอาประตูไปกี่คนครับ

กัณตพัชห์ : เป็นโค้ชเชน ประสพโชค โชคเหมาะ ครับ เขาคัดประตูไป 2 คน อีกคนคือ พี่ก๊อปปี้ จักรกฤษณ์ วิเศษรัตน์ ก็เป็นรุ่นพี่ผมที่คริสเตียนนี่แหละครับ ได้ไปด้วยกันเลย

แมน : พอเรารู้ว่าจะได้ไปอังกฤษแล้ว เขาให้เราเตรียมตัวยังไงบ้าง คุยกับที่บ้านยังไงบ้าง เราต้องไปอยู่อังกฤษ 2 ปีครึ่ง ครอบครัวไม่ได้ไปด้วย เป็นยังไงบ้างครับ

กัณตพัชห์ : ตอนแรกผมก็ฝันว่าอยากจะไปอังกฤษนะ แต่ถ้าให้ที่บ้านส่งไปก็คงไม่มีปัญญาส่งไปแน่ พอมองว่ามันเป็นโอกาส แต่ทีแรกคุณแม่ก็ยังห่วงๆ ว่า ทีมไปอังกฤษตั้ง 2 ปีทีมจะอยู่ได้มั้ย แล้วอยู่ที่ไทยตอนนั้นผมก็ติดทีมชาติ แล้วผมก็ยังได้ซ้อมที่ท่าเรือที่ตอนนั้นพี่โอ่ง ดุสิต เฉลิมแสน เป็นโค้ชด้วย โอกาสที่จะก้าวขึ้นอาชีพได้เร็วด้วยเหมือนกันครับ

แมน : ตอนนั้นที่ไปอายุเท่าไหร่นะ 15 หรอ

กัณตพัชห์ : 15 ครับ เป็นน้องเล็กสุดในทีมตอนนั้นเลย

แมน : โห 15 ไปอยู่ต่างประเทศแล้วต้องห่างครอบครัวก็เป็นเรื่องที่หนักอยู่เหมือนกันนะ

กัณตพัชห์ : ใช่ครับ แต่ด้วยความที่ผมอยู่หอตั้งแต่ 10 ขวบก็เลยไม่ได้ห่วงตัวเองว่าจะต้องอยู่ไกลบ้าน เพราะผมชินกับการอยู่หอตั้งแต่เด็กแล้ว แม่เขาก็ค่อนข้างห่วง แต่ผมก็มั่นใจตัวเองบอกแม่ว่าทีมไปได้ไม่ต้องห่วง ก็เลยให้ไปครับ

แมน : แล้วเขาให้เราฝึกภาษาไปก่อนมั้ย หรือต้องเตรียมร่างกายอะไรเป็นพิเศษ ก่อนไปอังกฤษ พวกเรื่องอากาศที่แตกต่าง

กัณตพัชห์ : จริงๆ ช่วงระหว่างที่เขาคัดฟ็อกซ์ฮันท์ เขามีให้ทดสอบภาษาอังกฤษด้วยนะครับ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าตรงนั้นมีส่วนด้วยหรือเปล่า เขาก็บอกให้น้องๆ เตรียมพร้อมกันด้วยเรื่องภาษาอังกฤษ แต่ว่าช่วง 6 เดือนแรกที่ไปเขาส่งพวกผมไปเรียนภาษาล้วนๆ เลย ยังไม่มีเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามา เรียนภาษาเต็มๆ เลยในช่วง 6 เดือนแรกครับ 


แมน : 6 เดือนแรกได้เตะฟุตบอลได้ซ้อมฟุตบอลมากแค่ไหนครับ

กัณตพัชห์ : ซ้อมฟุตบอลปกติครับ ที่นู่นเขาจะซ้อม 5 วันหยุด 2 วันครับ

แมน : พี่ได้ยินมาว่าเด็กไทยที่ไปตอนนั้นต้องลงซ้อมกันเอง ไม่ได้ไปซ้อมกับทางทีมเลสเตอร์ อันนี้จริงมั้ยครับ

กัณตพัชห์ : จริงครับ แต่มันจะมีบ้างที่เขาจะส่งแบบอาทิตย์นี้ 2 คนอีกอาทิตย์นึง 2 คน หรือผมเองก็อาจจะมีโอกาสได้ไปซ้อมกับทีมเขาบ้างถ้าทีมเขาขาดครับ ผมเองก็มีโอกาสในช่วงปีนึงครับ

แมน : คือผมพอเข้าใจเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องแยกซ้อม เพราะมันเป็นเรื่องของการจ้างงานเซ็นสัญญาต่างๆ เพราะว่าสโมสรอาชีพเขาจะเอาคนที่ไม่ได้เซ็นสัญญาไปซ้อมหรือลงทีมของเขาไม่ได้

กัณตพัชห์ : ถูกครับ ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แล้วก็เฟลนะครับ เพราะอุตส่าห์ตั้งใจมาอังกฤษทั้งทีทำไมถึงไม่ได้ซ้อมกับอคาเดมี่ของเขา พอเขามาอธิบายเรื่องกฎหมายก็เลยโอเคเข้าใจครับ แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่ช่วยเลยนะครับ บางครั้งเขาก็มีการดันขึ้นไปซ้อมกับอคาเดมี่ของเขาบ้างอย่างที่ผมอธิบายไปในตอนแรกครับ

แมน : ผมขออนุญาตขยายความให้ทีมหน่อยครับ ตามที่ผมเข้าใจ ถ้าอันไหนผมผิดทีมแย้งหรือเสริมได้เลยนะ หลักๆ ที่ผมทราบมาก็คือสัญญานักเตะที่อังกฤษเขาจะมีหลักๆ ประมาณ 3 แบบ อย่างแรกคือ ยูธ คอนแทร็ค เป็นสัญญาเด็กเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ถ้าเกิน 18 ถึงจะเซ็นอาชีพได้ แล้วก็สัญญาที่เป็นซีเนียร์ เลเวล ที่เป็นสัญญานักเตะอาชีพ อีกแบบนึงก็คือสัญญาไทรอัล เดย์ ที่เซ็นเพื่อเอามาทดสอบเช่น 7 วันอะไรประมาณนี้ ก็จะสามารถเอาไปลงทีมได้ แต่ถ้าเราไปในลักษณะเป็นพันธมิตรส่งไปอย่างเงี้ย เราก็จะไม่ได้มีสัญญาทั้ง 3 แบบ เราจะไปเล่นลงทีมกับเขาไม่ได้ คือไม่ได้เป็นนักเตะในสังกัดเขา เขาก็จะทำได้แค่เอาไปฝึกซ้อม แต่จะเอาไปเข้าอคาเดมี่เขาไม่ได้ ไปลงทีมในนามสโมสรเขาไม่ได้

กัณตพัชห์ : เป็นอย่างนั้นเลยครับ ตอนแรกคือเขายังไมได้เข้มงวดอะไรมาก แต่มีช่วงนึงปีที่เลสเตอร์ได้แชมป์ ผมอยู่ที่นั่นด้วย แล้วอีกปี เลสเตอร์ ได้ไป ยูซีแอล วันที่มีเตะยูซีแอล พวกผมจะต้องออกไปซ้อมข้างนอกด้วยซ้ำที่ไม่ใช่เทรนนิ่งกราวด์ของเลสเตอร์ เพราะว่าทางฟีฟ่าเขาจะมาตรวจครับ

แมน : ฟ็อกซ์ฮันท์ รุ่นแรก บางคนบอกว่านั่นคือรุ่นลองผิดลองถูก เพราะไม่เคยมีรุ่นเก่าปูทางมาก่อน แล้วเด็กรุ่นนั้นก็หายหน้าหายตาไปเยอะมาก คิดว่าเป็นเพราะอะไรครับ

กัณตพัชห์ : ตามที่ผมคิดนะ คือตอนที่พวกผมอยู่ที่อังกฤษ ก็ยังไม่ได้ลงเกมจริง เป็นเกมอุ่นเครื่องซะส่วนใหญ่ การรับความกดดันมันก็ต่างกัน พอกลับมาเมืองไทย พวกผมก็เลยยังไม่ชินกับการแข่งขันที่มีความกดดันเข้ามา ซึ่งตอนกลับมาในปีแรกเขาก็พยายามดันพวกผมเข้าไปอยู่สโมสรใหญ่ๆ ซึ่งบางทีมเขาก็มีเด็กเยาวชนของเขาอยู่ หรือมีตัวหลักของเขาอยู่ การที่พวกผมจะเข้าไปแทรกมันก็เป็นเรื่องที่ยากมาก คือถ้าสมมติบางทีมสโมสรใหญ่ เด็กเยาวชนที่อยู่กับเขาอยู่แล้ว ถ้ายังขึ้นชั้นมาไม่ได้ เขาก็จะมีการปล่อยไปอยู่กับทีมเล็กๆ เพื่อให้เก็บประสบการณ์ก่อน แต่พวกผมเนี่ยพอไปอยู่ทีมใหญ่เลย แล้วยังขึ้นมาไม่ได้ ก็ต้องนั่งรอโอกาสอยู่อย่างนั้น มันก็อาจจะเป็นการหยุดพัฒนาหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่อยากมองอย่างนั้น คือในการพัฒนาส่วนอื่นๆ มันก็มีเช่นได้ซ้อมกับรุ่นพี่ที่มีความเป็นมืออาชีพ ตรงนี้ก็มีข้อดีอยู่ ผมว่าเป็นเรื่องการพัฒนาส่วนบุคคลมากกว่า ที่ผมมองนะครับ

แมน : มันก็เหมือนเป็นโอกาสที่ได้ไปเห็น ได้สัมผัส การซ้อมของทีมที่เป็นมืออาชีพที่ต่างประเทศนะครับ

กัณตพัชห์ : ใช่ คืออยู่ที่นู่นผมก็ได้รู้ว่าทีมในระดับพรีเมียร์ลีกหรือระดับอาชีพเขามีวิธีการจัดการการบริหารเป็นยังไง ก็เหมือนได้เรียนรู้ไปในตัวด้วยครับ มันทุกอย่างจริงๆ ทั้งเรื่องโภชนาการ, วิทยาศาสตร์การกีฬา, การแพทย์ หรือแม้กระทั่ง Business ด้วย ที่ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟุตบอลอาชีพจริงๆ เพราะว่าเดี๋ยวนี้มันไม่ได้เป็นแค่ทีมกีฬาอย่างเดียว มันเป็นเรื่องของธุรกิจเป็นอะไรด้วยครับ

แมน : เราก็สามารถนำมาปรับใช้กับตัวเองได้เนอะ ทีนี้ตอนที่ไปรุ่นแรก บางคนถูกเลือกไปอยู่กับ โอเอช ลูเวิร์น ด้วย ตอนนั้น ทีม ทราบมั้ยว่าเขาเลือกจากอะไร ทำไมทีมไม่ได้ไป ทำไมเขาถึงเลือกบางคนไป


กัณตพัชห์ : เขาก็เลือกจากฟอร์มการเล่นและความเหมาะสมด้วย เอาจริงๆ ผมก็ต้องยอมรับแหละว่าผมเป็นผู้รักษาประตูที่ไม่ได้ตัวสูงมาก แล้วถ้าผมจะไปค้าแข้งที่ ลูเวิร์น มันก็คงยากอยู่ เขาก็เลยไม่เลือกที่จะส่งไป เขาก็คงเลือก 4 คนที่มองว่ามีความเหมาะสมที่สุดไปครับ

แมน : เขาก็คงเลือกจากตำแหน่งที่น่าจะไปไหวน่ะนะ ตอนนี้ทีมสูงเท่าไหร่นะครับ 

กัณตพัชห์ : 178 ครับ

แมน : อ๋อ ก็ไม่สูงมาก อย่าง ตอง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ก็สูง 180 ต้นๆ เอง เวลาไปอยู่ยุโรปก็คือกลายเป็นตัวเล็กเลย

กัณตพัชห์ : ใช่ครับ ไปยุโรปคือแบบนี่ต้องประมาณ 185 ขึ้นเลย ขนาด จอร์แดน พิคฟอร์ด หรือ แคสเปอร์ ชไมเคิล ก็คือยังว่าเตี้ย แต่เขาก็แทนด้วยความหนาและปฏิกิริยาด้วยครับ

แมน : จริงเนอะ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นประตูตัวเล็กๆ ที่คล่องแคล่วเหมือนสมัยก่อนที่มี ฮอร์เก้ คัมโปส ของเม็กซิโก หรือ เรเน่ ฮิกิต้า ของโคลัมเบีย แล้วนะ แต่สมัยใหม่ประตูต้องสูงใหญ่ไว้ก่อนเลย ถึงแม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็ต้องไม่เล็กอยู่ดี

กัณตพัชห์ : ไม่เล็กครับ เพราะวิวัฒนาการทุกอย่างมันเปลี่ยนไป กองหน้าก็สูงขึ้นหรือแข็งแรงขึ้น ประตูตัวเล็กก็ต้องทำใจหน่อย ก็ต้องพัฒนาในด้านอื่นเสริมไปแทนครับ

แมน : เคยตามข่าวผลอุ่นเครื่องของฟ็อกซ์ฮันท์รุ่นแรกอยู่ แต่ละเกมถล่มชนะคู่แข่งถล่มทลายเลย ขอถามหน่อยว่าเราเจอทีมในระดับไหนครับ เป็นทีมเยาวชนของสโมสรต่างๆ ในอังกฤษหรือเปล่าครับ

กัณตพัชห์ : ก็เป็นอยู่นะครับ มันจะมีอยู่ 3 แบบ ถ้าเป็นสโมสรใหญ่ก็อาจมีบางสโมสรที่ทำโครงการอย่างพวกผม แล้วก็สโมสรใหญ่ที่เป็นเด็กอคาเดมี่จริงๆ แล้วก็สโมสรอคาเดมี่ที่เป็นทีมนอกลีกหรือที่เหมือนเป็นทีมน้องที่ปั้นให้กับทีมใหญ่ เหมือนอย่างเช่น ลามาเซีย ที่ปั้นนักเตะให้กับสโมสรบาร์เซโลน่า ประมาณนั้นครับ แต่ส่วนใหญ่ก็จะได้อุ่นเครื่องกับทีมที่เป็นอคาเดมี่จริงๆ เช่นทีมจากแชมเปี้ยนชิพ หรือลีกวัน, ลีกทู ตรงนั้นเขาจะให้อุ่นได้มากพอสมควรครับ

แมน : แล้วพอได้สัมผัสเองจริงๆ พวกเด็กอคาเดมี่ของอังกฤษเทียบกับเด็กไทยรุ่นๆ เดียวกัน คุณภาพต่างกันเยอะมั้ยครับ ฝีเท้า, มุมมองความเข้าใจเกม

กัณตพัชห์ : คือผมมีโอกาสได้ไปอยู่ 2 ปี ผมได้เรียนรู้ว่าในช่วงแรกของฝรั่งเนี่ย เขามีการฝึกสกิล เขาจะมีเทคนิค เขาจะเลี้ยงได้ แต่เรื่องแท็กติกเขาสู้เราไม่ได้ เราก็เอาชนะเขาได้ด้วยเรื่องระบบเนี่ยแหละ แต่พอเขาโตมา ระบบ, ร่างกายเขาเริ่มมา เขากินดีกว่าเราทุกอย่าง ผมคิดว่าในเมืองไทยเราไปโฟกัสที่ผลการแข่งขันว่าต้องชนะๆ ก็เลยเป็นการไปฝึกเรื่องระบบมากกว่าก็เลยชนะเขาตอนเด็กๆ ได้ครับ

แมน : คือต่างประเทศเขาจะเน้นให้ตอนเด็กๆ เล่นบอลมีความสุขก่อน สนุกก่อน มีจินตนาการอะไรก็เอาออกมาเล่น พอโตขึ้นมาถึงเกณฑ์ค่อยมาใส่ระบบเข้าไป แต่ของเราเนี่ยเดี๋ยวนี้ 10 ขวบก็แข่งเพื่อความเป็นเลิศกันแล้ว

กัณตพัชห์ : ใช่ เราจะเห็นได้ตั้งแต่เด็กเลย อย่างผมเล่นบอลตั้งแต่ 8 ขวบที่ผมแข่งก็ยังมีรายการชิงแชมป์เลยครับ 

แมน : เดี๋ยวนี้บอลอนุบาลยังจริงจังเลย โอโห้ พ่อแม่ยืนด่ากรรมการอยู่ข้างสนาม เด็กก็เครียดตามไปด้วยเลยเพราะว่าพ่อแม่กับโค้ชตั้งความหวังเอาไว้สูง เออแล้วตอนกลับมาจากอังกฤษ ทีมมีสโมสรเลยมั้ย หรือคิงพาวเวอร์เขาหาทีมให้

กัณตพัชห์ : ตอนกลับมาจากอังกฤษครั้งแรก คิงพาวเวอร์เป็นคนหาให้ แต่ผมก็มีการหาแผนสำรองไว้ส่วนตัวด้วย แต่พอกลับมาถึงเขาบอกให้เราไปเซ็นกับโปลิศ เทโร ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯด้วย ผมก็ตกลงเลย


แมน : ขึ้นมาเทโรก็เบียดยากเลย ตอนนั้นเทโรมีใครเป็นประตูบ้างนะครับ

กัณตพัชห์ : มีพี่ไอซ์ กัมพล ปฐมอรรฆกุล ตอนนั้นติดทีมชาติไทยด้วย แล้วก็พี่ตาล วิษณุศักดิ์ แก้วเรือง, พี่โจ้ อิทธิกร การสร้าง ด้วยครับ มีพี่อ้วน วัชรพงษ์ กล้าหาญ เป็นโค้ชประตู

แมน : เราก็เลยต้องไปอยู่ชุดบีก่อน

กัณตพัชห์ : ตอนนั้นยังไม่มีชุดบีครับ เป็นโชคดีของผมด้วย เพราะตอนนั้นผมคิดว่าว่า เทโร ยังไม่ได้ส่งชื่อผมลงทะเบียนเข้าระบบของลีกด้วย ผมก็เลยมีโอกาสได้ไปเล่นทีมชาติยู18 เต็มๆ เลย เทโรก็อนุญาตให้ไปเล่นได้เลย

แมน : ตอนที่ติดทีมชาติ เอคโคโน่ เพิ่งเข้ามาใหม่พอดีใช่มั้ยครับ โค้ชเอคโคโน่ตอนนั้นใครคุมยู18 นะครับ 

กัณตพัชห์ : ใช่ครับ คือก่อนหน้านี้ทีมชาติมีรายการแข่งที่จีน ผมก็ติดตามเอคโคโน่อยู่บ้าง พอผมกลับมาเขาก็เรียกผมไปติดทีมเลย ตอนนั้นโค้ชคือ มาร์ค อลาเบด้า ครับ แต่คนอื่นๆ ทั้ง ฆูเลียน และ ซัลบา ก็เข้ามาช่วยกันหมดเลยครับ

แมน : ตอนที่เล่นทีมชาติ 18 ปี สร้างชื่อให้ทีมมาก ทั้งชิงแชมป์อาเซียน และคัดเลือกชิงแชมป์เอเชีย ทีมเล่นเป็นพระเอกเลยที่เจออินโดนีเซียใช่มั้ย ผลงานของเราเป็นยังไงบ้าง เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้มั้ย

กัณตพัชห์ : ตอนนั้นก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะสร้างชื่ออะไรเลยครับ คือกลับมาจากอังกฤษผมก็อยากพิสูจน์ตัวเองด้วย เพราะหายจากวงการบอลไทยไปนาน ก็พยายามทำทุกอย่างให้ทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ ได้แชมป์ ทุกอย่างที่ช่วยกันได้เช่นหนุนเพื่อน ทำอะไรทุกอย่างด้วยครับ 

แมน : ตอนนั้นเจอ อินโดนีเซีย รอบไหนนะครับ เกมเป็นยังไงบ้าง

กัณตพัชห์ : คืออย่างนี้ครับ รอบรองเจออินโดนีเซียครับ แล้วแมตช์นั้นยิงกันไม่ได้เลย เกมมันอึดอัดมาก บุ๊ค เอกนิษฐ์ ปัญญา ก็ไม่อยู่ด้วย เขาถูกเรียกกลับไปช่วยเชียงราย ซิตี้ ที่กำลังลุ้นเลื่อนชั้นอะไรสักอย่างด้วยครับ ตัวทำเกมก็ไม่มี ก็เลยต้องช่วยกันรับแล้วโต้กลับ ทีมงานโค้ชก็ทำงานกันมาดี วางแผนปิดจุดนั้นจุดนี้ จนสุดท้ายมาดวลจุดโทษ แล้วผมก็บังเอิญทำได้ด้วยอะไรอย่างเนี้ยครับ 


แมน : ไฮไลท์วันนั้นหาดูได้ตามยูทุบเลยผมเคยดูอยู่ เขามีย้อนให้ดูจังหวะเซฟของทีม เพราะวันนั้น ทีม ผีเข้ามาก เซฟอุตลุดเลย วันนั้นเจ้า เอกี้ ดาวรุ่งของอินโด ผ่านตลอดจี๊ดจ๊าดมากเลยนะ

กัณตพัชห์ : เขาเก่งมากเลยนะ ผมเป็นคนชอบดูคลิปอยู่แล้ว แมตช์ก่อนนั้นผมก็จะดูคลิปว่ามีใครโดดเด่น ใครยิงจุดโทษทางไหน ผมก็ได้ศึกษาเอกี้มาบ้างครับ

แมน : ทัวร์นาเม้นต์จบด้วยการที่เราเป็นแชมป์อาเซียน

กัณตพัชห์ : ใช่ครับ เราไปชนะมาเลเซีย ตอนรอบชิง บุ๊ค ก็กลับมาช่วยทีมพอดีด้วยครับ

แมน : เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมนั้นได้อยู่ด้วยกันต่อในการไปชิงแชมป์เอเชียรอบคัดเลือกที่มองโกเลีย พี่อยากรู้มากเลยคือตอนนั้นพี่อ่านข่าวอยู่ว่าเมืองหลวงของมองโกเลียเป็นเมืองที่อากาศหนาวมากที่สุดในโลก (อูลานบาตาร์เป็นเมืองหลวงที่หนาวที่สุดในโลกโดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี −0.4 °C) 


กัณตพัชห์ : ครับ โหแบบคือผมว่าผมเคยอยู่หนาวมานะ เคยอยู่อังกฤษมา แต่ผมต้องใส่เสื้อ 3 ชั้นเล่นที่มองโกเลีย ผมใส่ชุดลองจอห์น แล้วก็ใส่เสื้อรัดกล้ามเนื้อทับ แล้วก็เสื้อบอลทับอีกตัวนึงเป็น 3 ชั้น ถุงมือนี่ผมเอาถุงมือหมอมาใส่แล้วก็ใส่ถุงมือโกลทับอีกทีครับ

แมน : เหงื่อออกบ้างมั้ยอะ เวลาเล่น

กัณตพัชห์ : มันออกพี่เป็นบางจังหวะ แต่ทีเนี้ยอย่างผู้เล่นมันวิ่งตลอดเวลา แต่ประตูบอลมันไม่ได้มาตลอด ก็ต้องวอร์มให้พร้อมตลอดเวลาครับ

แมน : สายเรามีทีมอะไรบ้างนะครับ

กัณตพัชห์ : มีมองโกเลียเจ้าภาพครับ ทีมใหญ่ก็คือญี่ปุ่น แล้วก็สิงคโปร์ ตอนนั้น เบนจามิน เดวิส ยังลงตัวจริงให้สิงคโปร์ ยิงจุดโทษใส่ผมอยู่เลย แต่ว่ามันยิงไปชนเสา

แมน : แล้วทีมไทยเราโชว์ฟอร์มได้ดีมากเลยนะ โดยเฉพาะนัดที่เจอญี่ปุ่น ได้ดูถ่ายทอดสดอยู่ คือเขาก็แทบจะพับสนามบุกเราอยู่ข้างเดียวแต่เจาะเราไม่เข้า 

กัณตพัชห์ : ใช่ครับ มาร์คเขาทำการบ้านมาดีด้วย เขารู้อยู่แล้วว่าศักยภาพญี่ปุ่นกับไทยเป็นยังไง เขาก็เลยวางแผนรับแล้วโต้กลับ คือเรามีโอกาสบุก 2 ครั้งนะพี่ แต่เราจบได้ 1 ประตูก็ถือว่าประสบความสำเร็จนะ แล้วอีกลูกนึงก็เกือบเข้าเหมือนกันนะ

แมน : หลังจากจบรายการนั้นก็ปรากฎว่ามีการเปลี่ยนแปลงโค้ช แล้วนักเตะก็หลุดกันไปยกแผงเลย ซึ่ง ทีม เองก็ยังไม่เคยกลับเข้ามาติดทีมชาติอีกเลย

กัณตพัชห์ : ผมก็เข้าใจนะ มันเป็นเรื่องปกติของฟุตบอล ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงโค้ชมันก็มีการเปลี่ยนแปลงแท็กติก เขาก็อาจเลือกนักเตะที่เข้ากับแท็กติก ตรงนี้ผมก็ไม่ได้อะไรมาก ผมก็เคารพการตัดสินใจของโค้ชนะ คือตอนช่วงแรกผมก็มีโอกาสร่วมงานกับพี่หระ (อิสระ ศรีทะโร) อยู่ ตอนที่ไปร่วมทัวร์นาเม้นต์ดูไบคัพ ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นบอล 4 เส้าอุ่นเครื่อง ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกัน

แมน : ตอนนั้นแผงหลังกับโกลก็หายกันไปยกชุดเลย เหลือแค่ แระห์ กฤษดา กาแมน คนเดียวเลย

กัณตพัชห์ : ครับ ตำแหน่งอื่นก็เหลือ บุ๊ค เหลือ ย้า (สิทธิโชค ภาโส) กองหลังขนาด แม็ค (จตุรพัช สัทธรรม) ยังหลุดเลยครับ ธีรภัทร เลาหบุตร กัปตันเมืองทองชุดนั้นก็ด้วย 

แมน : โอเคก็ถือว่ามันผ่านไปแล้วล่ะเนาะ ทีนี้พอหลังจากเราไม่ติดทีมชาติ เราอยู่โปลิศ เทโร ชุดบี ที่เล่น T4 มันกลายเป็นจุดเปลี่ยนมั้ย เพราะเหมือนกำลังจะมาๆ จะขึ้นๆ ทีมชาติกำลังโดดเด่น แต่พอไม่ได้ติดอีก ทีมก็กำลังจะหมดสัญญากับ เทโร ที่เขาไม่ต่อสัญญากับ คิงพาวเวอร์ ด้วย

กัณตพัชห์ : ใช่ครับ คือตอนนั้นมันเป็นช่วงคาบเกี่ยวหมดเลย คือผมก็เล่นโปลิศ เทโร ลงสม่ำเสมอในชุดบีน่ะแหละครับ เพื่อเตรียมพร้อมที่ปีถัดมาจะก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในภายภาคหน้า แต่มันก็ติดในเรื่องการตกลงกันระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายด้วย แล้วส่วนตัวผมก็เพิ่งจบม.6 ใหม่ๆ ด้วย กำลังเข้าไปเรียนที่ธรรมศาสตร์ด้วย 

แมน : ช่วงนั้นก็เลยอาจจะเลือกทีมยากเพราะต้องเรียนด้วย ก็เลยต้องเน้นทีมที่อยู่ในกรุงเทพฯปริมณฑล

กัณตพัชห์ : ครับก็คือคุยกับพ่อกับแม่เน้นเลยว่าทีมจะอยู่ในกรุงเทพนะ ถ้ายังไม่มีทีมก็ไม่เป็นไร พักก่อนแล้วเอาเรื่องเรียนก่อนก็ได้ ถ้ามีข้อเสนอมาก็ค่อยรับพิจารณาไว้

แมน : ตอนนั้นก็จังหวะได้ไปอยู่กับ เกษตรศาสตร์ เอฟซี เพราะอยู่ในกรุงเทพด้วย ไปเรียนก็สะดวก แต่หลังจากนั้นพอพี่โย่ง (วรวุธ ศรีมะฆะ) ออกไป ทีมเองก็หมดสัญญาเหมือนกัน แล้วเป็นยังไงมายังไงถึงมาอยู่กับ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด ได้ครับ

กัณตพัชห์ : คือย้อนกลับไปก่อนที่ผมจะมาเกษตร ช่วงเลกแรกที่เปิดผมยังไม่มีทีม ตอนนั้นโค้ชกฤษ สิงห์ปรีชา เขาทำอยู่ที่กรมศุลฯ (ปัจจุบันเป็นเฮดโค้ชเมืองกาญจน์ฯ) เขาก็ให้มาซ้อมก่อนเพื่อที่จะเซ็นเลกสอง แต่มันเกิดการเปลี่ยนแปลงก่อนก็เลยยังไม่ได้เซ็น เลกแรกก็เลยว่างครับ แล้วทีนี้ก็ได้ซ้อมอย่างเดียว พอเลกสองก็ได้พี่แมนน่ะแหละครับที่แนะนำให้ไปอยู่เกษตรฯ


แมน : พอมาอยู่เมืองกาญจน์ ทีมได้ใส่เบอร์ 1 เลยใช่มั้ย พี่มาดูรายชื่อนักเตะ นี่ไม่ใช่ระดับT3 เลยนะเนี่ย มี โจเซฟ โอบาม่า กัปตันนี่ก็ สุเชาว์ นุชนุ่ม มีฟลุ๊ค ปฏิภาณ ปิ่นเสริมสูตรศรี ด้วยยังอยู่กับทีมมั้ย

กัณตพัชห์ : พี่ฟลุ๊คก็อยู่ด้วยครับ แกเป็นหัวหน้าแก๊งเด็กของพวกผมเองเนี่ยล่ะครับ

แมน : ทีมห่างจากเกมที่แข่งอย่างเป็นทางการมานานแค่ไหนแล้วครับเนี่ย

กัณตพัชห์ : ก่อนจะปิดโควิด ผมได้ลงเล่นไป 2 เกมแล้วครับ แต่พอเจอโควิด ลีกก็ยุบไปเลย แล้วก็มารวม T3-T4 กันใหม่

แมน : ในทีมมีผลกระทบอะไรเยอะมั้ยครับ คุณอภิวัฒน์ คณากร เจ้าของทีมแกเดือดร้อนเยอะมั้ยครับจากโควิด19

กัณตพัชห์ : พี่ต้นเขาเดือดร้อนเยอะนะครับ จริงๆ มันมีผลกระทบทั้งฝ่ายหุ้นส่วนหรือคณะกรรมการในบริษัท ทุกอย่างมันส่งผลกระทบหมด แต่โชคดีที่ว่าทุกคนที่ทำงานในบริษัทเมืองกาญจน์เขาพยายามจะอุ้มนักเตะทุกคนเอาไว้ ไม่มีใครถูกยกเลิกสัญญาเลยครับ ทุกคนยังอยู่เหมือนเดิม 

แมน : ไม่มีการยกเลิกสัญญากับใครก็ถือว่าสุดๆ แล้ว เพราะปีนี้แต่ละทีมเจอปัญหาเรื่องสปอนเซอร์ถอนและขอเงินคืนเยอะมากๆ 


กัณตพัชห์ : ถือว่าโชคดีมากๆ ครับที่ได้มาอยู่ทีมที่เขาช่วยซัพพอร์ทมากขนาดนี้

แมน : ย้อนกลับมาเรื่องของตัวทีมมั่งดีกว่า เรื่องทีมชาติเนี่ย ยังคิดว่าตัวเองยังมีโอกาสจะกลับไปมั้ย ยังมีไฟที่จะพิสูจน์ตัวเองกับทีมชาติมั้ย เพราะเรายังสามารถเล่นทีมชุดซีเกมส์ได้อยู่

กัณตพัชห์ : จริงๆ ผมคิดตลอดแหละว่าอยากกลับไปติดทีมชาติอยู่แล้ว มันเป็นความฝันของนักฟุตบอลทุกคนแหละที่อยากรับใช้ทีมชาติ ในซีเกมส์ปีหน้าจะเป็นรุ่นของผมด้วย ผมก็อยากพิสูจน์อยากกลับมาด้วยครับ 

แมน : ดูแล้วประตูในรุ่นเดียวกัน ที่อายุต่ำกว่า 23 ปี ถ้าเอามาซัก 5 คน ทีมก็น่าจะอยู่ในนั้นนะ อยู่ที่โอกาสลงสนามเพื่อโชว์ฝีมือด้วยแหละ ถ้าได้ลงต่อเนื่องก็น่าจะมีโอกาสมากขึ้น 

กัณตพัชห์ : ก็หวังว่าอย่างนั้นครับพี่

แมน : คำถามท้ายๆ แล้วนะครับ หลังจากที่แยกย้ายกันไปกับเพื่อนๆ ฟ็อกซ์ฮันท์ รุ่นแรก มีการติดต่อ มีการนัดเจอกัน รียูเนียนกันบ้างมั้ยครับ

กัณตพัชห์ : ก็มีบ้างครับ ไปเที่ยวกันบ้าง หรือนัดกินเลี้ยงกัน คุยกันถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันตลอดครับ อย่างผมก็สนิทกับ แซ็คเกิ้ล ธาวิน มหาจินดาวงษ์ (โอเอช ลูเวิร์น) อยู่พอสมควร ก็คุยติดต่อกันเรื่อยๆ เวลาเขากลับมาไทยก็นัดเจอกันบ้างครับ เพราะตอนอยู่ที่นู่นผมสนิทกันที่สุดแล้วครับ ส่วนคนอื่นๆ ด้วยความที่ตอนนี้แต่ละคนอยู่คนละจังหวัดก็มีคุยแชทกันบ้าง ไม่ได้หายหน้ากันไปไหน ยังติดต่อกันอยู่ครับ

แมน : โอเคครับ ขอให้ทีมทำผลงานกับสโมสรให้ดี แล้วกลับมาติดทีมชาติให้ได้นะครับ หวังว่าชุดซีเกมส์นี่แหละ พี่คอยเชียร์อยู่ วันนี้ขอบคุณมากนะครับทีม

กัณตพัชห์ : ขอบคุณมากครับพี่แมน


ถ้าชอบก็กดไลค์ ถ้าใช่ก็กดแชร์กันด้วยนะครับ (แมน โกสินทร์)



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด