มูนวอล์กเข็มนาฬิกากลับไป 10 ปีก่อน ชลบุรี เอฟซี สโมสรที่เพิ่งกระโดดจาก "โปรลีก" เพียงฤดูกาลเดียว ตัดสินใจตั้งชายวัย 34 คนหนึ่งนั่งเก้าอี้กุนซือแทน วิทยา เลาหกุล ที่โยกตัวเองไปคุมทีม ไกนาเร ทตโตริ สโมสรในญี่ปุ่น

ใบหน้าละอ่อน รู้จักมักจี่กันในนามบอลนักเรียน ทว่าไร้โปรไฟล์ระดับเซียนในบอลลีก คำถามมากมายถูกตั้งผ่านหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ เขาจะพา "ฉลามชล" ไปได้ไกลแค่ไหน

ผลลัพธ์ท้ายฤดูกาลคือคำตอบ ชลบุรี เข้าป้ายคว้าแชมป์สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร พร้อมการประกาศศักดาของ จเด็จ มีลาภ

....................

แม้ชีวิตหลังจากนั้นของ จเด็จ จะระเห็จไปเรื่อยตามวัฎจักรลูกหนังที่เปลี่ยนแปลง หากแต่มันสมองและฝีมือยามอยู่ข้างสนาม ยังเป็นหนึ่งในกุนซือไทยที่ถูกผายมือคารวะอยู่ดี

งบน้อย...ไม่เป็นไร อยู่ท้ายตาราง...แล้วไง เมื่อปลายทางหลังจบซีซั่นเขาพาต้นสังกัดเดินตามเป้าได้เสมอ จนถูกเปรียบเปรยว่าเป็น "ผู้รับจ้างพาหนีตกชั้น" เหมือน สมชาย ชวยบุญชุม

หากแต่ฤดูกาล 2018 อาจเป็นขวบปีที่ต่างไปของ จเด็จ

จากที่เคยมีวัตถุดิบเป็นแข้งในคาถา มองตาก็รู้ใจแบบไม่ต้องเปิดคู่มือใช้ วันนี้เขาสามารถหยิบจ่ายใช้สอยได้ตามใจอย่างไม่ต้องมี “เม็ดเงิน” มากำหนดกรอบสเปกนักเตะ

หลัง "มาดามแป้ง" ประธานสโมสร สั่งลุยเต็มที่ จเด็จอยากได้ผู้เล่นรายไหนสามารถอุ้มมาไว้ที่คลองเคยได้ตามประสงค์

มองในแง่คนทำทีมแน่นอน จเด็จ มี "อิสระ" ในการจับจ่ายอย่างที่ไม่เคยได้มาก่อน ซุปตาร์ค่าเหนื่อยหลักล้าน ผ่านโปร์ไฟล์หรูมาแค่ไหนแค่สะกิด "มาดาม" พร้อมจัดให้

เนบิญา บายรัม, มาแชล เอสซอมเบ, คิม ซอง-ฮวาน, นูรูล ศรียานเก็ม, บดินทร์ ผาลา, ชาคริต ระวันประโคน, อธิบดี เอติรัตน์ คือแข้งชุดแรกที่เข้ามาเตรียมสวมยูนิฟอร์ม “แสด-น้ำเงิน” ในปีหน้า (และน่าจะมีตามมาอีกเป็นเข่ง)

สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยน "สิงห์เจ้าท่า" ไปอย่างแน่นอนในปี 2018 คือ "เป้าหมายทีม" จากเคยหนีตกชั้น ซีซั่นที่จะถึงพวกเขาต้องถีบตัวเองให้สูงกว่าเก่า

นี่คือภารกิจและการบ้านกองใหญ่ของ จเด็จ

เพราะฟุตบอลมาพร้อมความคาดหวัง เม็ดเงินที่เทลงไปในตลาดนักเตะอย่างไรเสียต้อง “ผลิบาน” เป็นผลงานที่จับต้องได้และดีกว่าปีที่ผ่านมา 

การมีวัตถุดิบลูกหนังชั้นดีถือเป็น "ความฝัน" ของโค้ชทุกคน

แต่การหยิบจับวัตถุดิบเหล่านี้ มาปรุงให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัวคือสิ่งสำคัญกว่า