:::     :::

คุณจะรู้คุณค่าของตัวเองเสมอ'แซร์ช นาบรี้'

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม 2563 คอลัมน์ เล่าเก่าก้าวใหม่ โดย Latino
1,690
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แซร์ช นาบรี้ แนวรุกทีมชาติเยอรมันของ บาเยิร์น มิวนิค ที่ฟอร์มร้อนแรงในฤดูกาลนี้มาจากความมุ่งมั่นตั้งใจและตระหนักในคุณค่าของตนเองเสมอมา

คุณจะเปลี่ยนจากการถูกบอกว่าคุณไม่ดีพอสำหรับการเป็นนักเตะสำคัญของสโมสรและประเทศอย่างไร? 

เพียงแค่ถาม แซร์ช นาบรี้ แนวรุกวัย 25 ปีของ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่ เวสต์บรอมวิช เคยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเขานั้นผิดถนัด ตอนนี้เขากลายเป็นตัวรุกที่ร้อนแรงสุดของทีมเสือใต้และเยอรมัน

'แซร์ช มาที่นี่เพื่อเล่นเกม แต่เขาแค่ไม่ใช่สำหรับผม ณ ตอนนี้ ในระดับที่จะเล่นเกม' นั่นคือสิ่งที่ โทนี่ พูลิส ฐานะผู้จัดการทีมเวสต์บรอมวิชพูดในช่วงเดือนตุลาคม 2015 ถึงเด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่ย้ายมาจาก อาร์เซน่อล ด้วยสัญญายืมตัว


นาบรี้ ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกซีซั่นดังกล่าวเพียงเกมเดียวฐานะสำรองในเกมพ่าย เชลซี 2-3 และลงเล่นทุกรายการรวมกันเพียง 3 นัดเท่านั้น ก่อนจะถูก อาร์เซน่อล เรียกตัวกลับในช่วงเดือนมกราคมปีถัดมา เนื่องจาก เวสต์บรอมวิช จับดองมากกว่าส่งลงสนามที่มาจากมุมมองของกุนซืออย่าง พูลิส ซึ่งก็ไม่ดีพอสำหรับการเป็นผู้จัดการทีมของหลายสโมสรจนว่างงานมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ถูก มิดเดิ้ลสโบรช์ ปลดออกจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาล 2018-2019

นาบรี้ เกิดที่สตุ๊ตการ์ทมีพ่อเป็นชาวไอวอเรียน (ไอวอรี่โคสท์) และแม่เป็นชาวเยอรมัน ตอนเด็กเขาเป็นนักวิ่งที่มีพรสวรรค์ แต่ท้ายที่สุดเจ้าตัวหันหลังให้ลู่วิ่งเพื่อลงเล่นฟุตบอลในสนาม 


เขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับ ไวส์ซัค เมื่อปี 1999 ทว่าช่วงเริ่มต้นหวดลูกหนังไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเช่นกัน เมื่อต้องย้ายไปเล่นระดับเยาวชนกับหลายสโมสร จาก ไวส์ซัค สู่ ดิตซิงเก้น, เฮมมิงเก้น, ฟอยเออร์บัค, สตุ๊ตการ์ท คิกเกอร์ส มาจนถึง สตุ๊ตการ์ท ในปี 2006 ที่เริ่มฉายแววรุ่งให้เห็นจนกระทั่ง อาร์เซน่อล จ่ายเงิน 100,000 ปอนด์ดึงเข้าสังกัดในปี 2011 ตอนอายุ 15 ปี

นาบรี้ ลงเล่นกับทีมชุดยู-18 ของ อาร์เซน่อล ส่วนใหญ่ในฤดูกาล 2011-2012 ก่อนจะเลื่อนชั้นสู่ทีมสำรองและทำผลงานน่าประทับใจในระดับหนึ่งจากการลงเล่น 6 นัดและทำ 2 ประตู

ช่วงปรีซีซั่นก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2012-2013 นาบรี้ ถูกเรียกตัวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่และลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องกับ เอฟซี โคโลญจน์ หลังถูกส่งลงสนามแทน มารูอาน ชามัค ช่วงนาที 69 จากนั้นเขาได้โอกาสลงประเดิมเกมอาชีพครั้งแรกในศึก ลีก คัพ กับ โคเวนทรี เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2012 จากการลงเล่นแทน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ช่วงนาที 72 ก่อนทีมปืนโตจะคว้าชัยด้วยสกอร์ 6-1


วันที่ 20 ตุลาคม 2012 นาบรี้ ลงเจิมพรีเมียร์ลีกนัดแรกในเกมพ่าย นอริช 0-1 ที่ แคร์โรว์ โร้ด ด้วยอายุ 17 ปีกับ 98 วัน กลายเป็นนักเตะอาร์เซน่อลอายุน้อยสุดอันดับ 2 ของสโมสรรองจาก แจ็ค วิลเชียร์ ที่ลงสนามตอนอายุ 16 ปีกับ 256 วัน อีก 4 วันต่อมา นาบรี้ ได้ลงเล่นเกมแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกฐานะตัวสำรอง ทว่า อาร์เซน่อล ปราชัยคารังต่อ ชาลเก้ 0-2 ตลอดซีซั่นนั้น เขาลงเล่นรวมกันเพียง 4 เกม 

นาบรี้ ได้โอกาสลงเล่นมากขึ้นในซีซั่น 2013-2014 เขาลงสนามทุกรายการรวมกัน 14 เกมและทำ 1 ประตู ก่อนโชคร้ายบาดเจ็บเข่าจนพลาดการลงเล่นตลอดฤดูกาล 2014-2015 จนกระทั่ง อาร์เซน่อล ปล่อยนักเตะย้ายไปเล่นกับ เวสต์บรอมวิช ในฤดูกาล 2015-2016 ซึ่ง อาร์แซน เวนเกอร์ หวังว่า นาบรี้ จะได้โอกาสลงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสนามมากขึ้น 

ทว่า นาบรี้ ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างที่สโมสรและนักเตะคาดหวัง เนื่องจากทัศนคติของ พูลิส ที่มองว่าเขายังไม่ดีพอ ดังนั้น อาร์เซน่อล จึงเรียกนักเตะกลับต้นสังกัดในช่วงเดือนมกราคม หลังได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก 1 เกมกับ ลีก คัพ อีก 2 นัดเท่านั้น


จุดเปลี่ยนของเส้นทางอาชีพ นาบรี้ เกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 แม้ เวนเกอร์ จะพยายามกล่อมให้นักเตะเซ็นสัญญาฉบับใหม่ก่อนย้ายทีมด้วยสัญญายืมตัว แต่การขาดโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่แบบต่อเนื่องทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปหาโอกาสที่อื่นจนกระทั่งลงเอยกับ เบรเมน ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ 

เขาเล่นกับ เบรเมน เพียงซีซั่นเดียวหลังยิง 11 ประตูจากการลงเล่น 27 เกมพร้อมนำทีมนางนวลเข้าป้ายอันดับ 8 ของบุนเดสลีกา ก่อน บาเยิร์น มิวนิค จะจ่ายเงิน 8 ล้านยูโรตามคอร์สที่ระบุไว้และเซ็นสัญญา 3 ปีกับ นาบรี้ 

อย่างไรก็ตาม บาเยิร์น มิวนิค ไม่ได้ดึง นาบรี้ ไปใช้งานทันที พวกเขาปล่อยนักเตะย้ายไปเล่นกับ ฮอฟเฟนไฮม์ ด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งซีซั่นเพื่อสะสมประสบการณ์มากขึ้น เขายิง 10 ประตูจากการลงเล่น 22 เกมนำต้นสังกัดคว้าอันดับ 3 พร้อมตั๋วลุยแชมเปี้ยนส์ลีก 


ทว่า นาบรี้ ไม่ได้ลงเล่นรายการแชมเปี้ยนส์ลีกกับ ฮอฟเฟนไฮม์ แต่เป็นกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ดึงเขากลับมาเปิดตัวฐานะแข้งหมายเลข 22 ของทีมเสือใต้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 

เขาทำ 10 ประตูจากการลงเล่น 30 เกมในซีซั่นแรกกับ บาเยิร์น มิวนิค เป็นดาวซัลโวอันดับ 2 ของสโมสรเป็นรองเฉพาะ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เท่านั้น พร้อมนำทีมเสือใต้คว้าถาดแชมป์บุนเดสลีกาซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกของเขาด้วย ในซีซั่นดังกล่าวเขายังยิง 13 ประตูและทำ 6 แอสซิสต์จากการลงเล่นทุกรายการ 42 เกม ก่อนจะได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรโดยเอาชนะทั้ง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, โธมัส มุลเลอร์ และ โยชัว คิมมิค 


ตลอด 3 ปีนับตั้งแต่ย้ายกลับมาค้าแข้งในเยอรมัน นาบรี้ แสดงให้เห็นพัฒนาการของเขาดีขึ้นทุกปีและกลายเป็นการยกระดับแบบก้าวกระโดดในการลงเล่นฤดูกาลที่ 4 ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการคว้า 'ดับเบิ้ลแชมป์'ของ บาเยิร์น มิวนิค ทั้งถาดแชมป์บุนเดสลีกา กับ เดเอฟเบ โพคาล และกำลังจะต่อยอดไปถึงรายการแชมปเปี้ยนส์ลีกหลังทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่จะลงดวลกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคมนี้ 

นาบรี้ มีโอกาสประสบความสำเร็จตามรอยอดีตรุ่นพี่อย่าง อาร์เยน ร็อบเบน และ ฟร้องค์ ริเบรี่ ที่เคยนำทัพเสือใต้คว้า 'ทริเปิ้ลแชมป์' เมื่อปี 2013 ถ้าหากทีมดังแคว้นบาวาเรียเป็นฝ่ายเฮในวันอาทิตย์นี้ 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมปีก่อน นาบรี้ สร้างชื่อกระฉ่อนโลกลูกหนังด้วยการรับเหมายิงคนเดียว 4 ประตูนำ บาเยิร์น มิวนิค บุกสลุต ท็อตแน่ม ฮ็อทเปอร์ ในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกพ่ายหมดสภาพคาเล้า 7-2 


นาบรี้ ยังสวมบทพระเอกกดคนเดียวอีกสองประตูนำทีมเสือใต้บุกตะปบ เชลซี พ่ายคาถิ่น'สแตมฟอร์ด บริดจ์' 0-3 ในรอบ 16 ทีม นัดแรก เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนจะเป็นตัวจุดประกายให้ บาเยิร์น มิวนิค อีกครั้งในรอบตัดเชือกกับ ลียง ซึ่งมีจังหวะกระทุ้งทีมเสือใต้ก่อนแต่ปล่อยโอกาสทองสองครั้งหลุดมือ จนกระทั่งถูก นาบรี้ ลงโทษด้วยการทำสองประตูรวดในช่วงครึ่งแรก ก่อน เลวานดอฟสกี้ จะทำประตูปิดท้ายคว้าชัยด้วยสกอร์ 3-0

แนวรุกวัย 25 ปีที่คว้ารางวัล 'แมน ออฟ เดอะ แมตช์' จากเกมล่าสุดเปิดเผยหลังเกมว่า 'เราพบปัญหาเล็กน้อยในช่วงต้นเกม ประตูของผมมาได้ถูกจังหวะเพราะทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม'


'เราโชคดีในช่วงต้นเกม มานู (มานูเอล นอยเออร์) ป้องกันได้ดีและจากนั้นพวกเขายิงชนเสา แต่โชคดีที่เรานำ 2-0 ในครึ่งแรกก่อนที่ เลวี่ (โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้) จะปิดจ็อบในช่วงท้ายเกม ตอนนี้เราต้องการคว้าแชมป์รายการนี้'

นาบรี้ ไม่ได้ร้อนแรงภายใต้เครื่องแบบเสือใต้เท่านั้น แนวรุกวัย 25 ปียังทำ 9 ประตูจากการลงเล่นกับทีมชาติเยอรมัน 8 เกมในช่วงปี 2019 มากกว่าผู้เล่นทุกคนในทีมของ โยอาคิม เลิฟ นอกจากนี้ยังสร้างสถิติน่าทึ่งของเขาในการเล่นระดับนานาชาติด้วยการทำ 13 ประตูจากการลงเล่น 13 เกม ซึ่งมีนักเตะเพียงคนเดียวที่ทำได้ในประวัติศาสตร์ของเยอรมันคือ แกร์ด มุลเลอร์ เท่านั้น 

'เขาสามารถพาบอลขึ้นหน้า, วิ่งไปในช่องว่าง, ทำประตูด้วยตัวเองหรือเปิดให้คนอื่น เขาพัฒนาขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ' เลิฟ กล่าวถึง นาบรี้ 


แนวรุกวัย 25 ปีอยู่ในฟอร์มร้อนแรง เขาทำ 9 ประตูบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกในการลงเล่น 9 นัดหลังสุด ทำ 12 ประตูจากการลงเล่น 31 เกมบนเวทีบุนเดสลีกาซีซั่นที่ผ่านมา

แล้วเขามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? ซึ่งมันเกินกว่าการประเมินความสามารถนักเตะของ เวสต์บรอมวิช แน่นอนว่า นาบรี้ ต้องขอบคุณคำสบประมาทของ โทนี่ พูลิส ที่มีส่วนผลักดันให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นในปัจจุบัน

'ผมพยายามสุดความสามารถที่ เวสต์บรอม และมันไม่เวิร์ค' นาบรี้ เปิดเผย 'สำหรับผมในตอนนั้นที่ เวสต์บรอม, ผมพูดกับตัวเองว่า 'แม้ว่าผมจะไม่มีโอกาสลงเล่น แต่สิ่งที่ทำได้คือการทำงานหนัก' คุณจะรู้คุณค่าของตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะอยู่นอกหรือในสนาม ผมรู้ถึงความสามารถของผม แต่ผมจะบอกว่าด้านจิตใจมีความก้าวหน้าสูงมากในช่วงเวลานั้นและช่วยให้ผมเป็นอย่างที่ผมเป็นในตอนนี้'


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด