:::     :::

โชคดี เปโดร โรดรีเกซ

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,645
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ถึงตอนนี้คงจะแน่นอนแล้วว่าจุดหมายปลายทางต่อไปของ เปโดร โรดรีเกซ คือ โรม่า ทีมดังแห่งอิตาลีหลังหมดสัญญากับ เชลซี

จากปี 2015-2020 ที่อยู่ในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ เขาอาจจะไม่ใช่นักเตะที่แฟนบอลชื่นชอบมากที่สุด แต่ก็ถือเป็นนักเตะที่ทุ่มเทไม่แพ้ใครในทีม

ด้วยความขีดความสามารถที่เคยค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า และเติบโตมาจาก "ลา มาเซีย" ถือเป็นใบเบิกทางชั้นดีที่บอกว่าเขาสามารถเล่นได้กับทุกทีมในโลก

นั่นเพราะไม่ใช่แค่โตมาจากการเป็นเด็กของ "เจ้าบุญทุ่ม" แต่การลงสนามมากกว่า 300 เกม ถือเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีกว่าเขามีฝีเท้าไม่ธรรมดา 

ตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งกับ "สิงห์บลูส์" ลงสนามไปมากกว่า 200 เกม ยิงประตูช่วยทีมไป 43 ลูก อาจจะดูว่าไม่มากนัก นั่นเพราะช่วงหลังเจ้าตัวส่วนใหญ่ลงเล่นเป็นตัวสำรองเท่านั้น

แต่ความสำเร็จกับทีมที่มี 3 แชมป์สำคัญอย่าง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูโรปา ลีก ก็ต้องบอกว่า เปโดร โรดรีเกซ มีส่วนสำคัญเหมือนกัน

ประเดิมสนามในชุดสีน้ำเงิน


เกมแรกในการลงสนามให้กับ เชลซี นั้นเกิดขึ้นในเกมเปิดสนามพรีเมียร์ลีก อังกฤษที่ทีมบุกไปเยือนเดอะ ฮอว์ธอร์น ของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ซึ่ง เปโดร โรดรีเกซ ประเดิมสนามด้วยการลงเล่นเป็นตัวจริงเลย

เพียงแค่ 20 นาทีแรกของเกม เปโดร ก็พังประตูให้ทีมขึ้นนำก่อน และตามด้วยการแอสซิสต์ให้ ดีเอโก้ คอสต้า พังประตูที่สอง โดยจบเกมด้วยการคว้าชัยชนะไปครองด้วยสกอร์ 3-2

อันที่จริงแล้วในช่วงที่อยู่กับ เชลซี นั้นการยิงประตูเบิกร่องในเกมถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ เปโดร โดยจากทั้งหมด 29 ประตูที่ทำได้ในลีกนั้นมีถึง 13 ลูกที่เป็นประตูแรกของเกมให้กับทีม แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมและสัญชาตญาณในการพังประตูอันยอดเยี่ยม

ปีแรกกับทีมลงด้วยการทำ 8 ประตูกับ 3 แอสซิสต์จากการลงเล่น 40 เกมทุกรายการ ในฐานะแข้งริมเส้นก็ถือว่าไม่เลวทีเดียวแม้ว่าในปีนั้นืมจะมีผลงานที่ย่ำแย่ในปีสุดท้ายที่ โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมและอยู่ถึงแค่เดือนธันวาคมก่อนที่ กุด ฮิดดิ้งค์ จะมารับช่วงต่อ

ฤดูกาลนั้นทีมจบอันดับที่ 10 ในลีก ส่วนในบอลถ้วยก็ถือว่าไปไม่ถึงไหนโดยลีก คัพจบที่รอบ 4, เอฟเอ คัพ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยในแชมเปี้ยนส์ ลีกตกรอบ 16 ทีม

คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก


หลังผ่านปีแรกด้วยผลงานที่ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจแล้ว ปีที่สองต้องบอกว่านี่คือปีที่ดีที่สุดในสีเสื้อของ เชลซี เลยก็ว่าได้

ตลอดทั้งฤดูกดาล เปโดร โรดรีเกซ ไม่มีการอาบาดเจ็บรบกวนและมีส่วนร่วมกับทีมเต็มๆ ซึ่งในพรีเมียร์ลีกนั้นเจ้าตัวลงเล่นไป 35 เกม อีก 2 เกมเป็นสำรองไม่ได้ลงเล่นและอีกนัดติดโทษแบน

ด้วยการประสานงานกับ เอแด็น อาซาร์ และ ดีเอโก้ คอสต้า ในแนวรุก, เปโดร มีประตูมาฝากอยู่เสมอโดยเฉพาะในเกมสำคัญที่ทีมคว้าชัยเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ สเปอร์ส ในช่วงที่ทีมคว้าชัย 13 เกมติดต่อกัน แถมยังติดอันดับประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนอีกด้วยในเกมกับ "ไก่เดือยทอง"

ในขณะที่ทีมเดินหน้าขึ้นไปอยู่ในหัวตาราง เปโดร ก็มีประตูหรือแอสซิสต์มาฝากอยู่เรื่อยๆ และในเดือนเมษายน 2017 ก็คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนอีกครั้งในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน

แม้ในแต่ละเกมอาจจะไม่ได้มีบทบาทมากนัก แต่ยามที่โผล่มานั้นสจะพร้อมกับความเร็วสูงที่คอยเล่นงานเกมรับคู่แข่งอยู่เสมอ ซึ่งจบฤดูกาลนี้ เชลซี ก้าวไปคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในที่สุด

ตลอดทั้งฤดูกาล 2016/17 เปโดร ลงเล่นตัวจริง 33 เกม สำรองอีก 10 นัด โดยทำไป 13 ลูกกับ 12 แอสซิสต์

ฤดูกาล 2017/18 กับแชมป์เอฟเอ คัพ


ปีถัดมา เปโดร โรดรีเกซ ใช้ชีวิตบนม้านั่งสำรองบ่อยมากกว่าฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ก็ยังออกสตาร์ทตัวจริงถึง 28 นัด รวมถึงในแชมเปี้ยนส์ ลีก 4 เกมด้วย

ซีซั่นนี้มีเรื่องราวดีๆอยู่บ้างกับการไปเจอกับ บาร์เซโลน่า สโมสรเก่าในรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์รวมไป 1-4 

แต่ในปีที่ไม่ได้ดีอะไรนักก็ยังมีเรื่องราวดีๆด้วยการช่วยยทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพมาครองได้สำเร็จ โดยรอบชิงชนะเลิศเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้

จบฤดูกาล เปโดร ทำไป 7 ประตูกับ 5 ประตู จากการลงสนาม 48 เกมทุกรายการ

ปิดฉากกับถ้วยยูโรปา ลีก


ครั้งแรกของ เปโรด โรดรีเกซ กับการลงเล่นในเวทียูโรปา ลีก หลังจากที่ผ่านมาเคยเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกมาตลอด

และผลงานในรายการนี้ของแข้งทีมชาติสเปนกับ เชลซี ต้องบอกว่ายอดเยี่ยม ซึ่งหากไม่นับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่ยิงเป็นว่าเล่นกดไปถึง 11 ลูกจนคว้าดาวซัลโวไปครอง ก็ได้ เปโดร นี่แหละที่ทำไป 5 ลูกกับ 3 แอสซิสต์จาก 14 เกม

ด้วยผลงานอันร้อนแรงนี่เองทำให้ทีมทะลุไปถึงตำแน่งแชมป์ในบั้นปลาย ซึ่งในเกมชิงถ้วยนั้นก็เอาชนะ อาร์เซน่อล คู่แข่งลีกแถมยังเป็นคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนไปอย่างท่วมท้นด้วยสกอร์ 4-1 ซึ่ง เปโดร ทำหนึ่งประตูในเกมนี้ด้วย

ในฤดูกาลที่เพิ่งจบไปนั้นทั้งเรื่องของอาการบาดเจ็บและการปรับเปลี่ยนแนวทางของทีมภายใต้การคุมทัพของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทำให้เจ้าตัวไม่ได้โอกาสลงสนามมากนัก และยืนยันว่าจะอำลาทีมหลังจบซีซั่นอย่างเป็นทางการ

"เขาเป็นผู้รับใช้ที่ยอดเยี่ยม" แลมพาร์ด กล่าวหลังจบเกมรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพที่ทีมพ่าย อาร์เซน่อล

"ผลกระทบจากการที่เขามาค้าแข้งที่นี่ใหญ่หลวงนัก ผมต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งต่อ เปโดร และอวยพรให้เขาโชคดี"

สถิติ เปโดร โรดรีเกซ กับ เชลซี


ตลอดระยะเวลา 5 ปีในรั้วสแตมฟอร์ด บริดจ์ เปโดร โรดรีเกซ ลงสนามรวมทั้งสิ้น 206 เกม ทำไปทั้งหมด 43 ประตูกับ 28 แอสซิสต์ ซึ่งในหลายประตูนั้นถือเป็นการจบสกอร์ที่น่าจดจำสำหรับแฟนบอลไม่ใช่แค่กับ เชลซี เท่านั้น

อย่างที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กล่าวเอาไว้ จากนี้ไปขอให้เขาโชคดีกับเส้นทางข้างหน้า และขอบลคุณที่รับใช้สโมสรเป็นอย่างดี


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด